เข้าสู่ช่วงฤดูฝนประมาณเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ผลไม้หลากหลายชนิดออกผลผลิตจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นคือ ส้มโอ (Pomelo) ผลไม้ไทยที่ออกผลผลิตในช่วงเดือนสิงหาคมจนถึงกันยายน เราจึงชวนเพื่อนๆ ทุกคนมาชวนกินผลไม้ตรงฤดูกาลอย่าง ส้มโอ (Pomelo) ในช่วงเวลานี้กัน โดยข้อดีของการกินผลไม้ตรงฤดูกาลคือ เพื่อนๆ จะได้กินผลไม้ที่คุณภาพดี, รสชาติอร่อยเต็มที่, มีสารเคมีเร่งการเติบโตน้อย, ไม่มีการตกแต่งพันธุกรรม เพราะปลูกตามระยะเวลาธรรมชาติของผลไม้นั่นเอง และ ‘ส้มโอ’ ก็เป็นหนึ่งในผลไม้หน้าฝนที่รสชาติอร่อย มาพร้อมประโยชน์ที่ดีด้วยเช่นกัน
ส้มโอสายพันธุ์ในไทยมีมากกว่า 30 สายพันธุ์ โดยแต่ละพันธุ์จะให้สีและรสชาติที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น
- พันธุ์ขาวทองดี สีเนื้อชมพูอ่อน ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว สดชื่นฉ่ำน้ำ นิยมปลูกที่นครปฐม, สมุทรสาคร และราชบุรี
- พันธุ์ทับทิมสยาม สีเนื้อชมพูเข้มหรือสีแดงคล้ายทับทิม มีรสชาติหวาน ไม่ขม นิยมปลูกที่นครศรีธรรมราช
- พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง สีเนื้อขาวอมเหลือง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เหมาะนำมาทำยำส้มโอ นิยมปลูกที่นครปฐม
- พันธุ์ขาวแตงกวา สีเนื้อขาวอมเหลือง รสชาติหวานอมเปรี้ยว แกะเนื้อง่าย นิยมปลูกที่ชัยนาท
- พันธุ์ขาวพวง สีเนื้อขาว เปลือกหนา รสชาติหวานอมเปรี้ยว ฉ่ำน้ำ นิยมปลูกที่นครปฐม, สมุทรสาคร, ราชบุรี, ปราจีนบุรี และสุราษฎร์ธานี
ก่อนจะไปเลือกทาน ส้มโอ (Pomelo) เราลองมาดูประโยชน์ดีๆ ที่จะได้รับจากการกินส้มโอและการใช้เปลือกส้มโอไปเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรไทยกันเลย
- เนื้อส้มโอ มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น มีวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย, ใยอาหารสูง ช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้, ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด, อุดมไปด้วยโพแทสเซียม, ช่วยระบบไหลเวียนเลือดดี และอื่นๆ อีกมากมาย โดยในปริมาณส้มโอ 100 กรัม ให้พลังงาน 41 กิโลแคลอรี, น้ำตาล 8 กรัม, ใยอาหาร 1.2 กรัม
- เปลือกส้มโอ นอกจากเนื้อส้มโอที่ทานได้เลยแล้ว เปลือกส้มโอ ยังสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรไทยได้ มีคุณสมบัติช่วยแก้ลม วิงเวียน ตาลาย ใจสั่น รวมถึงยังขับลม ขับเสมหะ แก้จุกแน่นได้
เมื่อรู้ประโยชน์ของ ส้มโอ แล้วเราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักวิธีการเลือกส้มโอ, ปอกส้มโอ จนถึงปรุงส้มโอรูปแบบใหม่ๆ ให้ทานได้ไม่เบื่อกัน
เริ่มจากวิธีการเลือกส้มโอ
- เลือกส้มโอที่เปลือกมีผิวด้านนอกเรียบละเอียด ไม่ขรุขระ
- เลือกส้มโอที่มีสีเขียวอ่อน หรือมีสีเหลืองแซมอยู่
- เลือกผลที่มีน้ำหนัก เพราะถ้าส้มโอยังไม่สุกจะมีน้ำหนักเบา
วิธีการปอกเปลือกส้มโอให้ไม่ขม
- ใช้มีดปอกส้มโอ 2 เล่ม โดยแยกปอกเปลือกด้านนอก (สีเขียว) กับปอกเปลือกด้านใน (สีขาว)
- ใช้มีดเล่มแรกตัดหัวและท้ายของส้มโอ จากนั้นปอกเปลือกด้านนอกสีเขียวออก
- นำส้มโอที่ยังมีเปลือกด้านใน (สีขาว) ไปล้างเอาน้ำมันออก
- เปลี่ยนเป็นมีดเล่มที่สอง (หรือนำมีดเล่มแรกไปล้างให้สะอาด) เพราะเปลือกด้านนอกมีความขมจะติดมีดมาได้
- ปอกเปลือกด้านในสีขาวออก จนเห็นร่องเนื่อส้มโอ
- ใช้มีดกรีดนำร่อง ก่อนแกะส้มโอออกเป็นกลีบๆ พร้อมดึงเส้นใยขาวออกเพื่อความสวยงาม
จากนั้นสามารถนำส้มโอไปแช่ในตู้เย็น นำมาออกมากินสดๆ ได้เลยทันที หรือนำไปปรุงเป็นเมนู ยำส้มโอ หรือ ส้มโอลอยแก้ว จะมีวิธีการทำแบบไหนมาดูกันเลย
วิธีทำยำส้มโอ
- เคี่ยวกะทิให้เดือดจากนั้นพักไว้ให้เย็น
- จากนั้นผสมเตรียมหม้อใส่น้ำเปล่า, น้ำตาลปี๊บ, น้ำปลา, น้ำมะขามเปียก, น้ำมะนาว และน้ำพริกเผา นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้ส่วนผสมเข้ากันจากนั้นเดิมกะทิที่พักไว้ลงไปคนให้เข้ากัน
- นำส้มโอที่ปอกแล้วมายำผสม ใส่พริกขี้หนูแห้ง, มะพร้าวคั่ว, ถั่วลิสงบุบ หรือเครื่องผสมที่ต้องการ นำไปทุกอย่างผสมให้เข้ากันก่อนจัดใส่จาน
วิธีทำส้มโอลอยแก้ว
- เตรียมส้มโอที่ปอกเปลือกแล้วผึ่งไว้ให้แห้ง
- นำส้มโอลงไปแช่ในน้ำเชื่อมดอกมะลิ หรือน้ำเชื่อมปกติ 2 ช้อนโต๊ะ (แช่ได้นานสูงสุด 1 คืน)
- นำเนื้อส้มโอที่แช่ในน้ำเชื่อมใส่ถ้วย โปะด้วยน้ำแข็งป่นตามชอบ พร้อมทาน
หรือเพื่อนๆ มีวีธีการทานส้มโอแบบไหนที่อยากแชร์ สามารถคอมเมนต์พูดคุยกันได้ในบล็อกนี้เลย