ไม่ว่าใครก็ตาม ต้องเคยเจอปัญหาเรื่องของหมอนเป็นคราบด่าง โดยเฉพาะคนที่มีเหงื่ออกมาก หรือหลับเพลินจนทำให้เกิดคราบน้ำลายที่หมอน ยิ่งถ้าใครไม่ได้เปิดแอร์นอน ก็อาจจะพบคราบเหงื่อหรือคราบสกปรกต่าง ๆ จำนวนมาก จนทำให้เกิดผื่นหรือสิวบนใบหน้าได้อีกด้วย ซึ่งถ้าคุณกำลังหาวิธีแก้ไขปัญหานี้อยู่ ลองใช้ วิธีซักหมอน เหล่านี้ไปไปลองดู รับรองว่าเหมือนได้หมอนใบใหม่อย่างแน่นอน
1. บอแร็กซ์ + น้ำยาล้างจาน
วิธีซักหมอน แบบแรกนี้อาจจะยุ่งยากสักหน่อย เพราะต้องใช้สารเคมีหลายชนิดมาผสมกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีแน่นอน เริ่มจากเอาหมอนแช่น้ำร้อนจัดไว้ก่อน ระหว่างนี้ให้นำผงบอแร็กซ์ประมาณ ½ ถ้วยตวง ผสมกับผงซักฟอกและผงล้างจาน (ที่ใช้กับเครื่องล้างจาน) อย่างละ 1 ถ้วยตวง แล้วเอาหมอนมาแช่ทิ้งไว้ 30-60 นาที จากนั้นให้ซักตามปกติในเครื่องซักผ้าแล้วปั่นให้หมาดที่สุด แนะนำให้ใส่ลูกเทนนิสลงไป 2-3 ลูก เพื่อให้น้ำหนักของลูกเทนนิสเข้าไปช่วยทำความสะอาด และช่วยทำให้หมอนแห้งง่ายยิ่งขึ้น
2. สบู่ซักผ้า + เบคกิ้งโซดา
ใครที่หาบอแร็กซ์ไม่ได้ มี วิธีซักหมอน อีกวิธีที่อยากแนะนำ คือ เอาสบู่ซักผ้าก้อนยาว มาขูดเป็นฝอย ให้ได้อย่างน้อย 1 ถ้วยตวง ผสมกับสารฟอกขาว เช่น ไฮเตอร์ และเบกกิ้งโซดาอย่างละ ½ ถ้วยตวง เอาใส่ลงไปในช่องใส่ผงซักฟอก สำหรับคนซักหมอนด้วยเครื่องซักผ้า แล้วตั้งโปรแกรมซักด้วยน้ำร้อน ส่วนคนที่ซักด้วยมือ ก็จะต้องละลายส่วนผสมทั้ง 3 อย่างนี้ด้วยน้ำร้อนก่อน แล้วเอาไปแช่หมอนทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ใครที่อยากให้หมอนมีกลิ่นหอมมากขึ้น สามารถใส่น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ตัวเองชื่นชอบลงไป 2-3 หยดได้ เมื่อหมอนแห้งสนิทดี ก็จะได้หมอนสีขาวสว่างสดใสกลับมาแล้ว
3. น้ำยาล้างจาน + น้ำส้มสายชู
วิธีซักหมอน แบบง่าย ๆ ที่นิยมกันอีกแบบ คือ เอาน้ำยาล้างจาน 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง ผงซักฟอก 3 ช้อนโต๊ะ และถ้าหากว่าใครมีโซเดียมคาร์บอเนต หรือโซดาแอชสำหรับซักผ้า สามารถใส่ผสมลงไปได้อีก ¾ ช้อนชา จากนั้นให้เติมน้ำร้อนลงไป 3-4 ถ้วยตวง คนจนกว่าส่วนผสมจะละลายจนเข้ากัน แล้วเอาไปใส่ในช่องผงซักฟอก หรือเอาหมอนลงไปแช่ทิ้งไว้ อย่าลืมตั้งโปรแกรมซักด้วยน้ำร้อน และอย่าลืมหาลูกเทนนิสใส่ลงไปด้วย 2-3 ลูก แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย
4. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
วิธีซักหมอน สูตรนี้ จะเหมาะกับเหมาะที่ขึ้นรา ส่วนมากจะเกิดกับหมอนที่เก็บไว้นาน ๆ หรือหมอนที่อยู่ในที่อับชื้นตลอด หากไม่ได้มีการกำจัดเชื้อราที่ดี ก็อาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจเมื่อเอาไปใช้ได้ เพียงแค่ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือไฮโดรเจนที่ใช้ล้างแผล 1 ถ้วยตวง กับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง แล้วเอาหมอนแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ก่อนจะซักให้เอาเบกกิ้งโซดาใส่เพิ่มลงไปอีก ½ ถ้วยตวง และเพิ่มน้ำส้มสายชูเข้าไปอีก ½ ถ้วยตวง แล้วตั้งโปรแกรมซักตามปกติได้เลย ใครที่กลัวว่าหมอนจะมีกลิ่นเปรี้ยว หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แนะนำให้ใส่น้ำมันหอมระเหยลงไปอย่างน้อย 5 หยด ก็จะได้หมอนใหม่ที่มีกลิ่นอโรมาติดมาด้วย
5. น้ำยากำจัดคราบ
ในกรณีที่หมอนของคุณเป็นหมอนโฟม หรือหมอนยางพาราที่ไม่สามารถซักด้วยมือหรือซักด้วยเครื่องได้ ก็อาจจะทำได้เพียงแค่ถอดปลอกหมอนออกไปซักเท่านั้น และอาจจะต้องใช้น้ำยาที่ช่วยกำจัดคราบสกปรกแทน หลังจากที่ป้ายน้ำยาเหล่านี้ลงไปแล้ว ให้ใช้น้ำเปล่า หรือน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดจนคราบและน้ำยาหายไป แล้วซับด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก จากนั้นให้นำไปตากแดดจนแห้งสนิท วิธีนี้อาจจะไม่ได้ช่วยให้หมอนกลับมาสะอาดหมดจดอีกครั้งเหมือนการแช่และซักแบบจริงจัง แต่ก็พอจะกำจัดคราบได้อยู่ในระดับหนึ่ง
6. ผงซักฟอกเพียงอย่างเดียว
วิธีนี้เป็น วิธีซักหมอน ที่เป็นเมมโมรี่โฟมเท่านั้น ใครที่อยากซักหมอนประเภทนี้ต้องซักด้วยมือในกาละมัง เพราะถ้าเอาใส่เครื่องซักอาจทำให้หมอนเสียรูป หรือทำให้หมอนฉีกขาดได้ ให้เอาน้ำอุ่นพอประมาณใส่ในกาละมัง กะไว้ให้ท่วมหมอนพอดี จากนั้นเอาให้ผงซักฟอก 1 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำยาซักผ้า 1 ฝาตีให้เข้ากับน้ำจนเกิดฟอง แล้วเอาหมอนจุ่มลงไป พร้อมกับออกแรงกดหมอนเพื่อให้ผงซักฟอกสามารถซึมเข้าไปในเนื้อโฟมได้ ให้ใช้มือขยำเบาๆ เพื่อให้น้ำซึมเข้าไปในหมอนได้มากที่สุด ไม่แนะนำให้บิด หรือขยี้แรงเกินไป เพราะอาจทำให้โฟมฉีกขาดเช่นกัน เมื่อรู้สึกว่าหมอนสะอาดดีแล้ว ให้เอาสายยางฉีดน้ำใส่หมอนเพื่อล้างน้ำผงซักฟอกออกให้หมด หากไม่มีสายยาง ให้เอาหมอนไปล้างน้ำก๊อกหรือฝักบัวแทนจนกว่าฟองจะออกไปจนหมด จากนั้นให้นำไปตากแดดจนแห้งสนิท
ทริคน่ารู้เกี่ยวกับวิธีซักหมอนที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. วิธีซักหมอนขนเป็ด
หมอนขนเป็ด เป็นหมอนที่ค่อนข้างจะบอบบางกว่าหมอนชนิดอื่น และส่วนมากจะแนะนำให้ซักแห้ง หรือแค่ให้เช็ดทำความสะอาดภายนอกเท่านั้น แต่ก็มีหมอนขนเป็ดบางประเภทที่สามารถซักได้ แต่จะต้องซักด้วยน้ำเย็น และต้องใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน หรือสูตรที่ใช้สำหรับซักเสื้อผ้าเด็กอ่อนเท่านั้น และถ้าหากมีเครื่องอบผ้า ก็สามารถใส่หมอนขนเป็ดลงไปเพื่อให้แห้งสนิทได้ แต่จะต้องควบคุมอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลา และควรใส่ลูกบอลซักผ้า หรือลูกเทนนิสเพื่อเข้าไปช่วยตบให้หมอนขึ้นฟูสม่ำเสมอด้วย การซักหมอนขนเป็ด ควรทำเพียง 1-2 ปีต่อครั้งเท่านั้น
2. ซักด้วยน้ำร้อน
หลายคนคงจะสงสัยว่า ทำไม วิธีซักหมอน ส่วนใหญ่ จึงแนะนำให้ใช้น้ำร้อนกันทั้งนั้น ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าน้ำร้อนจะช่วยในการฆ่าเชื้อโรค และช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ดีกว่าการใช้น้ำอุณหภูมิห้อง เพราะฉะนั้นคราบต่าง ๆ ก็สามารถสลายได้ด้วยน้ำร้อนเช่นกัน แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิน้ำอยู่ที่ประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส หรือจะร้อนกว่านั้นก็ได้ในการซัก ถึงแม้ว่าหมอนของคุณจะไม่กลับมาขาวเหมือนเดิมจริงด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเก่า หรือสารเคมีที่ใช้ในการซักไม่ครบองค์ประกอบ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าหมอนของคุณปราศจากเชื้อโรคแน่นอน
3. ป้ายน้ำยาซักผ้าก่อนซัก
เคยสังเกตมั้ยว่า หมอนที่มีคราบเหลือง ส่วนมากจะไม่ได้เหลืองสม่ำเสมอเท่ากับทั้งใบ จะเหลืองเข้มเป็นหย่อมหรือเป็นวง ขึ้นอยู่กับน้ำลายหรือสารน้ำต่าง ๆ ที่ไหลซึมลงไปในหมอน ถ้าจุดไหนที่มีคราบเข้มมาก สามารถป้ายน้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกผสมน้ำข้น ๆ ลงไปบนคราบนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีก่อนซัก ก็จะช่วยกำจัดคราบได้ดียิ่งขึ้น
4. เลือกโปรแกรมซักผ้าเด็ก
เครื่องซักผ้าสมัยใหม่ จะมีโปรแกรมสำหรับซักเสื้อผ้าเด็กอ่อน ซักชุดชั้นใน หรือซักเครื่องนอนโดยตรงอยู่แล้ว โปรแกรมเหล่านี้จะถูกออกแบบให้มีรอบการหมุนที่ค่อนข้างต่ำ และเป็นโปรแกรมซักผ้าที่ค่อนข้างอ่อนโยน จึงควรเอามาใช้กับการซักหมอนด้วย หากใช้โปรแกรมปกติในการซักหมอน อาจทำให้ใยสังเคราะห์หรือนุ่นข้างในปั่นรวมกันเป็นก้อน หรืออาจทำให้เกิดการฉีดขากสำหรับหมอนบางประเภทได้
5. เปลี่ยนหมอนไปเลย
ในกรณีที่หมอนของคุณมีอายุมากกว่า 3-5 ปี และไม่ค่อยจะฟูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ว่าจะใช้ วิธีซักหมอน วิธีไหน ก็อาจทำให้หมอนไม่สามารถกลับมาขาวสดใสได้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นแนะนำให้เปลี่ยนหมอนไปเลยดีกว่า ไม่ควรใช้หมอนเดิมซ้ำกันนานๆ เพราะอาจทำให้สรีระของคุณผิดปกติจนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อตามมา และหมอนเก่าๆ ยังเป็นแหล่งเชื้อโรคที่ทำให้เกิดภูมิแพ้อีกด้วย ใครที่น้ำมูกไหลไม่ยอมหาย หรือเป็นสิวบ่อยๆ ทั้งที่ดูแลผิวหน้าตัวเองมาดีตลอด ลองเปลี่ยนหมอนดูอาจจะดีขึ้นก็ได้
6. ใส่ลูกเทนนิสลงไปในถังซัก
ลูกเทนนิส 2-3 ลูกนี้ มีความสำคัญมากในการซักหมอน เพราะจะช่วยให้น้ำยาต่าง ๆ สามารถซึมเข้าไปในหมอนได้ดียิ่งขึ้น เสมือนว่าคุณกำลังบีบหรือขยำหมอนด้วยตัวเอง นอกจากนี้ การใส่ลูกเทนนิสยังช่วยให้หมอนมีความนุ่มฟูในขั้นตอนของการปั่นหมาดหรืออบแห้ง ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถหาลูกเทนนิสมาใส่ได้ สามารถใช้ลูกบอลสำหรับซักผ้าได้ แต่ลูกบอลเหล่านี้จะมีขนาดเล็กกว่า และมีน้ำหนักที่เบากว่า ซึ่งก็อาจจะทำให้หมอนไม่นุ่มฟูอย่างที่ต้องการ
7. ถอดไส้นุ่นออกมา
วิธีซักหมอน แบบนี้ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมใน Pantip มาก ก็คือการกรีดหมอนเพื่อดึงไส้นุ่นหรือใยสังเคราะห์ออกมา แล้วเอาปลอกหมอนที่ไม่มีไส้แล้วไปซักแบบออกแรงขยี้ขยำให้เต็มที่ แล้วค่อยเอามายัดนุ่นใหม่อีกครั้ง ซึ่งหลายคนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะเติมนุ่นเข้าไปในหมอนให้แข็งมากขึ้นอีกด้วย วิธีนี้จะเหมาะสำหรับหมอนที่มีราคาไม่แพงมากนัก รวมถึงคนที่ไม่สะดวกที่จะซักหมอนด้วยสารเคมีต่าง ๆ เพราะกลัวแพ้สารตกค้าง หรือปัญหาอื่น ๆ ใครที่สะดวกใช้วิธีฮาร์ดคอร์แบบนี้ก็ไปลองกันได้ เหมือนได้หมอนใหม่ตลอดเวลาจริง ๆ
8. ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญซัก
ในกรณีที่คุณดู วิธีซักหมอน ทุกรูปแบบแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะซักเองจริง ๆ เพราะไม่มีเวลา ไม่สามารถหาสารเคมีที่จะใช้ในการซักหมอนได้ หรือกลัวว่าหมอนจะไม่สะอาดอย่างที่ตัวเองต้องการ ก็สามารถส่งให้ผู้เชี่ยวชาญซักได้เลย ทุกวันนี้มีผู้เชี่ยวชาญรับทำความสะอาดเครื่องนอนในโลกออนไลน์หลายเจ้าให้เลือกใช้บริการกัน บางเจ้ามีบริการดูดไรฝุ่นบนหมอน และที่นอนให้อีกด้วย วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ต้องเสียเงินมากที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผลดีมาก วิธีหนึ่ง และยังดีต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ประจำอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็น วิธีซักหมอน แบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง สำหรับใครที่อยู่คอนโดอยู่แล้วก็ยิ่งสบาย เพราะสามารถเอาหมอนโยนใส่เครื่องซักผ้าได้บ่อยเท่าที่ต้องการ และถ้าหากไม่มีเครื่องอบผ้า ก็สามารถมาใช้ของส่วนกลางได้เลย ซึ่งคอนโดนของอนันดาเกือบทุกที่มีบริการเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญตลอด 24 ชั่วโมง ซักอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งก็เท่ากับคุณมีหมอนใหม่ที่สะอาดตลอดเวลาแล้ว