ช้าแต่คม 5 หนัง Slowburn สำหรับคนใจเย็น

Slow Burn คือรูปแบบการเล่าเรื่องของหนังที่จะดำเนินไปอย่างเนิบช้า บางฉากคนดูก็ไม่เข้าใจว่าใส่มาให้ดูอะไร บางเรื่องเดินไปเข้าห้องน้ำสักพักกลับมายังดูรู้เรื่องได้ แต่ในความเอื่อยเฉื่อยของหนังมีนัยที่ผู้กำกับแฝงไว้แตกต่างกันไป บ้างก็ชวนให้เสพงานศิลป์งานภาพที่ล้ำเลิศ บ้างก็รอให้ปมทั้งหลายตกตะกอน หรือบ้างก็เปรียบเทียบกับความธรรมดาทั่วไปของชีวิต ก่อนที่สิ่งไม่คาดฝันจะปะทุขึ้นในฉากไคลแมกซ์ เหมือนไฟที่ค่อยๆ ลุกลามช้าๆ จนแผดเผาทุกอย่างในที่สุด ใครชอบจังหวะหนังที่มีรายละเอียดให้เก็บเยอะๆ เราเลือกมาฝากกัน 5 เรื่องเลย

Blade Runner 2049

ผลงานของเดนิส วิลล์เนิฟ เจ้าพ่อหนังเนิบช้าแห่งยุคนี้ นี่คือหนังภาคต่ออันทรงคุณค่าที่ตามหลังต้นฉบับกว่า 30 ปี โดยยังคงเล่าถึงบรรยากาศของโลกอนาคตที่มืดมนอยู่เช่นเดิม จังหวะอันเชื่องช้าของหนังอาจจะทำให้คนดูรุ่นใหม่เหวอบ้างไม่มากก็น้อย แต่หากพิจารณาให้ดีแล้ว การที่หนังอ้อยอิ่งทิ้งให้เราค่อยๆ ละเอียดแต่ละวินาทีไปเรื่อยๆ ทำให้ได้เสพงานภาพที่ไร้ที่ติ พร้อมกับค่อยๆ ซึบซับเรื่องราวและขบคิดไปพร้อมกับตัวละคร เพื่อคลายปมว่าความหมายแท้จริงของชีวิตคืออะไร มนุษย์ตามธรรมชาติและมนุษย์เทียมแตกต่างกันจริงหรือ เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในหนังจะตอบคุณเอง

The Shining

ผลงานขึ้นหิ้งของผู้กำกับชั้นครูผู้ล่วงลับอย่างแสตนลี่ย์ คูบริก บางคนอาจจะจัดให้ The Shining อยู่ในหมวดหนังสยองขวัญ แต่บางคนก็วางมันไว้ในหมวดจิตวิทยา แต่ไม่ว่าจะถูกจัดเข้าทำเนียบไหน นี่คือหนังที่สร้างภาพจำให้กับคนดูได้ตั้งแต่ครั้งแรก (ไม่ว่าจะเปิดดูในยุคนั้นหรือยุคนี้) มีความ Cult และ Pop Culture หลายอย่างที่เรายังเห็นได้ในทุกวันนี้ เช่น Internet Meme เป็นต้น หนังเล่าเรื่องของครอบครัวหนึ่งที่หัวหน้าครอบครัวไปรับงานดูแลโรงแรมในช่วงที่ปิดฤดูการท่องเที่ยว แต่เมื่ออยู่ไปเรื่อยๆ ความไม่ปกติก็เกิดขึ้น และคุณพ่อหัวหน้าครอบครัวเองก็เริ่มคลุ้มคลั่งจนนำไปสู่บทสรุปที่คาดไม่ถึง หนังมีภาคต่อออกมาไม่กี่ปีก่อนในชื่อ Dr.Sleep ที่จะเฉลยปมทั้งหมดให้คุณอึ้ง

Hereditary: นี่คือหนังสยองขวัญของแท้ ที่มาพร้อมบรรยากาศชวนอึดอัด กดดัน และไม่น่าวางใจ ทั้งภาพหม่นหมองและเสียงดนตรีประกอบ หนังมีจังหวะที่ค่อยเป็นค่อยไปตามสไตล์หนังแนวนี้ แต่เชื่อว่าคุณหลับไม่ลงแน่นอนเพราะทุกอย่างมันน่าหวาดระแวงไปหมด Hereditary เล่าเรื่องเกี่ยวกับความลับที่ดำมืดของครอบครัวหนึ่ง เมื่อมันค่อยๆ คลี่คลายออกมา เราก็ยิ่งขนลุก คอหนังที่ชอบฉากละเลงเลือด ฉากชวนแหวะ หรือจังหวะตุ้งแช่อาจจะไม่ค่อยอิ่มเอมเท่าไหร่ แต่หากใครอยากได้หนังที่ค่อยๆ เร้าอารมณ์ความกลัวไปจนสุดทางแล้วระเบิดออกมา เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน

The Power of The Dog

ราชันย์ไร้มงกุฏจากเวทีออสการ์ปี 2022 นี่คือหนังตัวเต็งที่ตกม้าตายอย่างน่าเสียดาย แต่กระนั้นการไม่ได้รางวัลเชิดชูตามที่หวังก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าของหนังลงแต่อย่างใด นี่คือหนังแนว Slow Burn ที่เหมาะจะใช้เป็นใบเบิกทางสำหรับคนอยากลองของแนวนี้ เพราะหนังไม่ได้ช้าจนง่วงนอนขนาดนั้น เพียงแต่การเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามทางจะค่อยๆ ทิ้งคำใบ้ให้เราได้เก็บสะสม จนกระทั่งเราต้องสบถกับตัวเองว่า ทำไมถึงมองไม่เห็นทั้งที่อยู่ตรงหน้า นี่คือเรื่องของคาวบอยที่ชอบข่มเหงคนอื่น และต้องพบกับบทเรียนราคาแสนแพง พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของหนังได้เลยบน Netflix

Parasite

ใช่แล้ว หนังยอดฮิตจากเกาหลีที่สร้างปรากฏการณ์บนเวทีออสการ์เรื่องนั้นแหละ และก็ใช่อีกที่มันคือหนังสไตล์ค่อยๆ เผาให้เราได้เหวอกับฉากในช่วงสุดท้าย Parasite เป็นหนังที่ไม่เพียงแต่วิพากษ์สังคมเกาหลีเท่านั้น ยังตีแผ่แนวคิดของคนในชนชั้นที่เหลื่อมล้ำซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก ในขณะที่ครอบครัวที่ยากจนต้องเผชิญความลำบากแสนสาหัสและต้องทำทุกวิธีเพื่อเอาตัวรอด ครอบครัวคนรวยกลับมีโลกที่สวยงามและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่แคร์อะไร เมื่อโลกของพวกเขามาชนกัน คนดูจึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ใครกันแน่คือปรสิตของสังคมนี้

 

 

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top