ในยุคนี้แทบทุกบ้าน หรือทุกที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็นห้องเช่า, คอนโด ก็มักจะนิยมติดไวไฟบ้านกันทั้งนั้น เพราะอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนในยุคนี้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าอินเตอร์เน็ตในมือถือนั้นจะเร็วแรงและค่อนข้างครอบคลุมทั่วพื้นที่แล้ว แต่ไวไฟบ้านก็ยังมีข้อดีที่อินเตอร์เน็ตในมือถือยังสู้ไม่ได้เช่นกัน
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจติดตั้งไวไฟบ้าน วันนี้เราจะมาแนะนำสิ่งที่ควรจะรู้เกี่ยวกับการติดตั้งไวไฟบ้านกันก่อน
ไวไฟคืออะไร
ไวไฟ (WiFi) หรือ Wireless LAN คือ คือเทคโนโลยีโครงข่ายไร้สายตามมาตรฐาน IEEE 802.11 ซึ่งมักใช้งานในเครือข่ายอุปกรณ์ระยะใกล้และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยใช้งานในบ้านและสำนักงานเพื่อเชื่อมต่อกับ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เหมือนกับระบบแลน ( LAN ) ที่ใช้สายปกติ ต่างกันตรงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายไม่ต้องใช้สายสัญญาณแต่อย่างใด
ติดไวไฟบ้านดีอย่างไร
ไวไฟบ้านนั้นมีข้อดีหลากหลาย เราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. ไวไฟบ้านความเร็วคงที่
ทุกคนต้องการอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสม่ำเสมอ มีความเสถียร ทำให้การอัปโหลดและดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องใช้, การแชทสนทนาผ่านโปรแกรมต่าง ๆ หรือ การประชุมทางออนไลน์ การติดไวไฟบ้านจะช่วยให้การทำงานผ่าน คล่องตัวขึ้น
2. สัญญานครอบคลุมทุกพื้นที่ในบ้าน
ถ้าคุณมีไวไฟบ้าน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ในที่อับสัญญาณ เพราะเราเตอร์จะช่วยกระจายสัญญาณให้ครอบคลุมทั่วทั้งบ้านเอง
3. ใช้ไวไฟบ้านร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านได้หลายอย่าง
ในยุคปัจจุบันเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ อุปกรณต่าง ๆ สามารถสั่งการแบบไร้สายได้ด้วยสัญญาณอินเทอร์เน็ต อาทิ กล้องวงจรปิด, สมาร์ตทีวี หรือแม้แต่ตู้เย็นก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ได้แล้ว เพราะงั้น ถ้าเราติดไวไฟบ้าน เราก็สามารถใช้ไวไฟบ้านร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านได้หลายอย่าง ไม่ใช่เฉพาะมือถืออย่างเดียว
4. ช่วยให้อุปกรณ์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตมือถือมีอายุการใช้งานนานขึ้น
เวลาเราเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือทั้ง 3G, 4G หรือ 5G การใช้แบตเตอรี่ของสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตจะสูงขึ้น พูดง่าย ๆ คือกินแบต แต่ถ้าเราติดไวไฟบ้านแล้วใช้อินเทอร์เน็ตผ่านไวไฟจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และทำให้อายุการใช้งานนานขึ้น
ก่อนติดไวไฟบ้าน ควรรู้อะไรบ้าง
การติดไวไฟบ้าน ใช่แค่ว่ามีเงินก็จะติดได้ จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายสิ่งที่เราควรรู้ก่อนจะติดไวไฟบ้าน พื่อให้การใช้งานไวไฟบ้าน เป็นไปได้อย่างมีประสิทิภาพ
1. พื้นที่ ที่จะติดตั้ง
การจะติดไวไฟบ้านนั้น พื้นที่เป็นเรื่องแรกที่ต้องพิจารณา ซึ่งพื้นที่ในที่นี้หมายถึง บริที่อยู่อาศัยของเรา มีเครือข่ายใดให้บริการอินเตอร์เน็ตบ้าง ดังนั้นก่อนจะติดไวไฟบ้าน ต้องเลือกเครือข่ายที่บริการอินเทอร์เน็ตซึ่งครอบคลุม มาถึงที่ที่เราจะติดตั้งด้วย
2. ใช้งานกับอะไรบ้าง
ก่อนติดไวไฟบ้านควรถามก่อนว่าเราใช้อินเทอร์เน็ตทำกิจกรรมอะไร จะใช้งานหลายเครื่องหรือไม่ ถ้าใช้งานกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กควรเชื่อมต่อด้วยสาย LAN มากกว่า แต่ถ้าเครื่องใช้ที่ใช้ด้วยสามารถเชื่อม wifi ได้ ก็ควรเลือกบริเวณมีเครื่องใช้เหล่านั้นอยู่หนาแน่นที่สุดจะได้รับสัญญาณกันได้ทั่วถึง
3. เครือข่าย
เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ควรรู้ก่อนติดไวไฟบ้าน คือเครือข่าย เราต้องพิจารณาดูว่าค่ายไหนที่ให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตแรงต่อเนื่องไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ บ้าง ใช้อินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออพติกแท้ 100% หรือเปล่า โปรโมชันเป็นอย่างไร รวมถึงการบริการของเจ้าของเครือข่ายเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา การซ่อมบำรุง และงระบบชำระค่าบริการต่าง ๆ สะดวกหรือไม่
4. ห้องที่ติดกล่องมีสภาพอากาศเหมาะสมหรือไม่
กล่องรับสัญญาณ Wifi นั้น ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกเครื่องเช่นกัน เราต้องสำรวจห้องที่จะใช้ติดว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไรบ้าง โดนแดดหรือเปล่า มีน้ำแอร์หยดหรือไม่ เพราะหากร้อนไปหรือชื้นไปสายไฟและแผงวงจรต่าง ๆ ภายในเครื่องจะลัดวงจรได้
5. จุดที่ติดตั้งสามารถกระจายสัญญาณได้ทั่วหรือไม่
การติดไวไฟบ้านสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดคือต้องไม่วางไว้มุมอับ ไม่ใกล้คานหรือเสา เนื่องจากห้องอื่น ๆ หรือถ้าบ้านมีชั้น 2 หรือ ชั้น 3 จะรับสัญญาณไม่ถึง หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องถามตัวเองอีกว่าจำเป็นถึงขั้นที่ต้องติดตั้งตัวดึงสัญญาณเพิ่มไหม
6. เด็กหรือสัตว์สามารถมาทำอันตรายได้หรือไม่
การติดไวไฟบ้านไม่ควรวางกล่องรับสัญญาณไว้ที่พื้นต่ำ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงหรือเด็กอาจจะมาเล่นมาดึงสายหรือทำให้กล่องรับสัญญาณเสียหายได้
จุดที่ควรติดตั้งเราเตอร์
ตอนที่เราติดไวไฟบ้านนั้น จุดที่เราจะตั้งเราเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะนอกจากความเร็วของไวไฟที่เจ้าของเครือข่าย หรือสายไฟเบอร์ออพติกแล้ว ตำแหน่งที่ติดเราเตอร์ ก็มีส่วนอย่างมากที่จะช่วยให้ไวไฟในบ้านกระจายสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่าจุดที่ควรติดตั้งเราเตอร์ มีตรงไหนบ้าง
1. ติดในที่โล่ง
การติดไวไฟบ้านนั้น เราต้องวางเราเตอร์ไว้ที่โล่งไม่มีเสาหรือผนังบังเพื่อให้กระจายสัญญาณได้ดี ถ้าวางไว้มุมบ้านอาจจะกระจายสัญญาณไม่ทั่วถึง
2. ไม่วางใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคลื่นแม่เหล็ก
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อย่าง ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า หรือเครื่องปรับอากาศ จะมีคลื่นที่รบกวนสัญญาณของเราเตอร์ เนื่องจากสัญญาณ Wi-Fi นั้นส่วนใหญ่เป็นคลื่น 2.4GHz ซึ่งเป็นคลื่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กฃ่าวไป
3. วางให้ห่างจากผนัง
เพราะถ้าวางติดผนังมากไป ตัวเครื่องจะร้อน และเมื่ออากาศไม่ถ่ายเทก็จะทำให้วงจรภายในเกิดเสียหายได้
4. ชั้นที่ควรติดตั้งเราเตอร์
ถ้าหากต้องติดตั้งที่ชั้น 1 ควรวางบนเฟอร์นิเจอร์สูง ๆ เพื่อให้กระจายสัญญาณได้ทั่วถึง แต่ถ้าบ้านมีหลายชั้นควรติดชั้นที่อยู่กึ่งกลาง เช่น ถ้ามี 3 ชั้น ให้ติดที่ชั้น 2 เป็นต้น
วิธีดูแลเราเตอร์ไวไฟบ้าน
จริงอยู่เมื่อเราติดไวไฟบ้านแล้ว เราก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา แต่อย่างที่ทราบ เราเตอร์ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลรักษาเราเตอร์ด้วย แต่จะมีวิธีการใดบ้าง ไปชมกัน
1. ทำความสะอาด
หากไม่ทำความสะอาดเราเตอร์ไวไฟบ้าน อาจจะมีฝุ่นเข้าไปอุดตันในตัวเครื่อง ไม่ถึงขั้นถอดมาทีละชิ้น ๆ แค่เช็ดไม่ให้มีฝุ่นเข้าไปอุดตันก็เพียงพอแล้ว
2. ปิดเราเตอร์ไวไฟหลังใช้งาน
โดยปกติเราจะเปิดเราเตอร์ไวไฟเปิดไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเราจะได้ใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา แต่อย่างที่บอกเราเตอร์ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เราควรปิดเราเตอร์เพื่อพักให้เย็นลง เราเตอร์จะได้อยู่กับเรานาน ๆ และมีสัญญาณเสถียร อย่างน้อยก็แนะนำว่าให้ปิดสัปดาห์ละครั้ง
3. เปลี่ยนทุก 6 ปี
โดยปกติเครื่องใช้ไฟฟ้าย่อมมีการเสื่อมสภาพ เราจึงควรเปลี่ยนมันทุก 6 ปี เพื่อเป็นการดูแลรักษาคุณภาพไวไฟบ้าน
4. ปิดและถอดปลั๊กเราเตอร์ไวไฟเมื่อพายุเข้า
เมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้องฟ้าผ่าหนัก เราแนะนำให้ปิดและชักปลั๊กเราเตอร์ไวไฟบ้านออก เพื่อป้องกันไฟดับ, ไฟกระตุก, ไฟกระชากหรือฟ้าผ่า
5. เชื่อมต่อไวไฟย่าน 0 GHz
แนะนำให้ เชื่อมต่อไวไฟย่าน 0 GHz ในระยะใกล้เมื่อต้องการความเร็วที่สูง หรือเลือกการเชื่อมต่อย่าน 2.4 GHz เมื่อใช้ในระยะห่างไปเพื่อความครอบคลุมที่ดีกว่า
6. ใช้เครื่องขยายสัญญาณ
เมื่อเราติดไวไฟบ้าน เราควรมีเครื่องขยายสัญญาณเพื่อเป็นตัวช่วยกระจายสัญญาณ เราเตอร์ของเราจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป โดยเครื่องขยายสัญญาณสามารถหาซื้อได้ทั่วไป และยังสามารถทำเองได้ง่าย ๆ เพียงใช้กระป๋องอลูมิเนียม มาทำเป็นเหมือนจานรับก็ช่วยขยายสัญญาณได้แล้ว
ท้ายนี้เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ ผู้ที่กำลังจะติดไวไฟบ้าน สามารถติดตั้งและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคุ้มค่าเงินทุกบาทที่เราจ่ายไป