หนึ่งในข้อเสียเปรียบของคนที่อยู่คอนโด คือ การปลูกต้นไม้หรือปลูกผักสวนครัวในแบบที่ต้องการได้ยากมาก ซึ่งจะแตกต่างจากบ้านเดี่ยวหรือแม้แต่บ้านทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮม ที่จะมีพื้นที่บริเวณหน้าบ้านให้สามารถปลูกพืชผักและต้นไม้ต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการจะปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเอง แต่อาศัยอยู่บนคอนโด ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมี 21 วิธีปลูกผักสวนครัวเพื่อทำให้ชาวคอนโดได้รับประทานผักปลูกเองที่โตเร็ว ปลูกง่าย ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ในระหว่างการปลูกมาฝากดังนี้
1.เลือกผักให้เหมาะต่อพื้นที่
การปลูกผักบนคอนโดส่วนมากแล้วมักจะปลูกที่บริเวณระเบียง ดังนั้นการเลือกซื้อผักสวนครัวมาปลูก จึงควรเหมาะสมต่อการปลูกในพื้นที่จำกัดและมีปริมาณแสงแดดไม่มาก แต่ทั้งนี้จะต้องดูทำเลของห้องเป็นหลัก เพราะบางห้องอาจมีระเบียงที่ต้องเผชิญกับแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือบางห้องอาจจะมีเพียงแค่แสงแดดรำไร ดังนั้นจึงต้องดูประเภทของผักที่จะปลูกเพื่อให้เหมาะสมต่อการได้รับแสงแดดในแต่ละวันมากที่สุด ซึ่งถ้าระเบียงห้องของคุณต้องเผชิญกับแสงแดดเต็มวัน ควรปลูกผักประเภทมะเขือเทศ, ผักใบเขียว, ผักสลัด และต้องมีการทำพื้นที่พรางแสงแดดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เพื่อทำให้การเติบโตเป็นไปอย่างเหมาะสม แต่ถ้าเป็นแสงแดดเพียงครึ่งวันควรปลูกผักประเภทผักบุ้งผักคะน้า, ผักโขม, กวางตุ้ง และผักกาด เป็นต้น ถ้าเป็นแสงแดดรำไรควรปลูกผักประเภทผักชีฝรั่ง, กระเพรา, โหระพา และตะไคร้ เป็นต้น
2.เลือกวิธีปลูกที่เหมาะสม
สำหรับวิธีปลูกผักสวนครัวภายในคอนโด จะมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ให้เลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่ห้อง เช่น
- การทำเป็นสวนไม้แขวน คือ การเลือกใช้กระถางหรือวัสดุแบบแขวนกับผนังและเพดาน ช่วงบริเวณระเบียง
- การทำสวนแนวตั้ง คือ การนำพืชผักสวนครัวใส่กระถางและทำรางไม้ เพื่อแขวนเป็นแนวตั้งด้วยการแขวนแบบสลับ จะเป็นได้ทั้งพืชสวนครัวที่ให้ประโยชน์และเป็นหนึ่งในการตกแต่งระเบียงที่สวยงาม
- รูปแบบสวนกระถาง คือ การปลูกไว้ภายในกระถางตามปกติเหมือนต้นไม้ทั่วไป
- รูปแบบสวนขวด จะเหมาะสำหรับพืชผักที่ไม่จำเป็นต้องรับแสงแดดมาก สามารถเติบโตได้ทั้งภายในดินและ วัสดุสำหรับการปลูกผักแบบไฮโดร
- พืชสวนกระถางขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สามารถปลูกได้ภายในห้อง ที่ไม่ว่าจะเป็นโซนห้องนั่งเล่น, ห้องรับแขก, ห้องครัว หรือห้องน้ำ
ดังนั้นพืชผักสวนครัวที่จะมีการปลูกในคอนโด จึงสามารถปลูกได้จากหลายจุดภายในห้อง สะดวกแบบไหนให้เลือกแบบนั้น เพื่อทำให้คุณดูแลผักสวนครัวของคุณได้อย่างทั่วถึง
3.เลือกจุดที่เหมาะสมต่อการปลูก
การปลูกผักสวนครัวภายในคอนโดสามารถปลูกได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกภายในห้อง บริเวณห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น การปลูกในโซน เคาน์เตอร์ครัว , ห้องน้ำ และจุดที่นิยมปลูกมากที่สุด คือ ระเบียงห้อง ซึ่งคุณสะดวกต่อการปลูกที่บริเวณใด ให้เลือกบริเวณนั้นเป็นจุดหลักของการเพาะพันธ์พืชผักสวนครัว เพื่อที่คุณจะได้ไม่ลืมรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และดูแลผักสวนครัวของคุณอยู่ตลอด
4.ใช้วัสดุประยุกต์ในการปลูก
เลือกใช้วัสดุที่คุณมีอยู่มาทำการปรับประยุกต์ เพื่อให้กลายเป็นกระถางของพืชผักสวนครัว ที่นอกจากจะสร้างประโยชน์แบบไม่ต้องทิ้งไปเป็นขยะแล้ว ยังช่วยเพิ่มความเก๋ให้กับห้องอีกด้วย เช่น
- ลังหรือถาดใส่ไข่ สามารถนำมาเป็นจุดเพาะเลี้ยงต้นอ่อนของผักได้
- กระป๋องน้ำอัดลม กระป๋องสีขนาดเล็ก กระป๋องขนม และกระป๋องขนาดต่าง ๆ นำมาปลูกต้นขนาดเล็กและขนาดกลางได้
- ขวดพลาสติกที่มาจากขวดน้ำอัดลม สามารถตัดช่วงกลางของขวดออก แล้วนำมาเป็นจุดเพาะเลี้ยงต้นพันธุ์ผักได้เช่นกัน
- กาชา, แก้วน้ำ หรือโถเซรามิคต่าง ๆ ที่คุณไม่ใช้แล้ว ก็สามารถนำมาปลูกผักสวนครัวและตั้งโชว์ไว้ภายในครัวคอนโดหรือจุดต่าง ๆ ภายในห้องได้อย่างโดดเด่น
5.การปลูกผักที่ระเบียง
เรื่องสำคัญของวิธีปลูกผักสวนครัวที่ระเบียง คือ คุณจะต้องประเมินพื้นที่ของระเบียงก่อนจะจัดทำสวนผัก ซึ่งจะต้องเป็นจุดที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี รับแสงแดดได้เพียงพอ พร้อมไปด้วยปัจจัยที่จะทำให้พืชผักของคุณไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกกัดกินของแมลงหรือสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งถ้าคุณมีพื้นที่ระเบียงไซส์ S ในขนาด 1×1 เมตร หรือประมาณ 1 ตารางเมตร ควรเลือกปลูกผักสวนครัวประเภทกระเพรา, พริก, มะกรูด, ผักบุ้ง, กวางตุ้ง, ต้นหอม, ผักชี หรือป่วยเล้ง รวมไปถึงผักสลัด ที่จะสามารถเติบโตได้จากภาชนะขนาดเล็กและรับแสงแดดแบบร่ำไรได้ พื้นที่ระเบียงไซส์ M ขนาด 2 x 1 เมตร จะปลูกผักได้หลายรูปแบบ แต่ในขณะเดียวกันจะต้องคำนึงถึงเรื่องทิศทางของแสงแดด รวมไปถึงพื้นที่ระเบียงไซส์ L ที่จะสามารถปลูกผักได้เพิ่มมากขึ้นในขนาด 3 x 1 เมตร จนอาจกลายเป็นมินิฟาร์มที่ปลูกผักได้เพียงพอต่อการนำไปแจกเพื่อนร่วมคอนโดเลยทีเดียว ดังนั้นพื้นที่ระเบียงที่เหมาะสมต่อการปลูกพืชผักสวนครัว จะเริ่มต้นตั้งแต่ 1×1 เมตรขึ้นไป
6.ปลูกผักบนชั้น
วิธีปลูกผักสวนครัวบนชั้น คือ การประยุกต์ชั้นวางรองเท้าหรือชั้นวางของแบบโปร่งขนาดกลาง มาวางกระถางของผักสวนครัวที่จะทำให้คุณไม่ต้องเปลืองมากเกินไป ซึ่งถ้าจัดวางกระถางให้ดี เชื่อว่าจะได้พื้นที่ปลูกผักสวนครัวเพิ่มและเป็นการจัดระเบียบของกระถางให้ดูสวยงามมากขึ้น
7.ปลูกในกล่องพลาสติก
เมื่อนำชั้นวางของมาเป็นตัวช่วยในการจัดระเบียบของกระถางแล้ว คุณสามารถนำกล่องพลาสติกที่เคยเป็นกล่องใส่อาหารหรือกล่องแบบ Tupperware มาเปลี่ยนสู่การเป็นกระถางปลูกผักสวนครัวขนาดเล็ก หรือใช้เป็นแปรงสำหรับเพาะเมล็ดพันธุ์พืชที่จะทำให้คุณใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าการทิ้งเป็นขยะ
8.วิธีการพรางแสง
สำหรับผู้ที่อยู่คอนโดใจกลางเมือง และบริเวณระเบียงห้องรับแสงแดดแบบเต็ม ๆ แม้ว่าคุณจะปลูกพืชผักสวนครัวที่สามารถรับแสงแดดได้ดี แต่ก็ควรมีการทำจุดพรางแสงไว้บ้าง เพื่อไม่ให้แสงแดดแรงทำร้ายผักมากจนเกินไป นอกจากนี้ พื้นและผนังของระเบียงที่เป็นซีเมนต์ สามารถสะสมความร้อนที่อาจฆ่าต้นไม้ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นให้เลือกเป็นสแลนหรือ เป็นมุ้งครอบที่สามารถพรางแสงได้ โดยให้แสงลอดผ่านช่องมาเพียงแค่เล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันอย่าซ้อนสแลนหนาเกินไป เพื่อไม่ทำให้กลายเป็นการปิดทึบจนต้นผักอาจไม่ได้รับแสงแดด
9.ผักมีผลควรแช่เมล็ดในน้ำอุ่น
ถ้าคุณต้องการปลูกผักชนิดที่มีผลให้รับประทานได้ ควรนำเมล็ดมาแช่น้ำอุ่นก่อนประมาณ 15 นาที โดยใช้ปริมาณของน้ำร้อน 1 ส่วน และน้ำเย็น 1 ส่วน ยิ่งถ้าเมล็ดของผักมีเปลือกแข็ง ให้ตัดด้านบนออกก่อนเล็กน้อยแล้วจึงค่อยนำไปแช่น้ำ เพื่อทำให้การเจริญเติบโตเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
10.ปลูกในตะกร้า
อีกหนึ่งวิธีปลูกผักสวนครัวบนคอนโดที่ถือว่าน่าสนใจ คือ การใช้ตะกร้าสานหรือตะกร้าหวาย ที่มีช่องระบายน้ำออกได้มาเป็นภาชนะสำหรับการปลูกผัก เพราะตะกร้าเหล่านี้จะมีจุดรูระบายน้ำไหลผ่านได้อย่างสะดวก การรดน้ำผักทุกวันจึงได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถปลูกผักได้ในปริมาณที่มากอีกด้วย
11.เพิ่มการคลุมฟาง
การคลุมฟาง, เศษใบไม้ หรือซังข้าวโพดไว้บริเวณพื้นผิวของดิน ปิดทับช่วงบริเวณโคนต้นของผัก จะเป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดินมากขึ้น ช่วยลดการสูญเสียน้ำที่ถูกดึงออกจาความร้อนของแสงแดด พร้อมเป็นการเพิ่มอุณหภูมิภายในเพื่อเร่งกระบวนการงอกของราก จึงทำให้เมล็ดผักเติบโตอย่างรวดเร็ว
12.ผสมดินล่วงหน้า 60 วัน
เมื่อคุณตัดสินใจแล้วจะปลูกผักบนระเบียงของคอนโด เรื่องที่คุณควรทำก่อนคือการผสมดินไว้ล่วงหน้าประมาณ 60 วัน เพื่อทำให้ดินมีสารอาหารและจุลินทรีย์อย่างครบถ้วน พร้อมการปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกที่ผสมกับดินให้เข้ากันในอัตราส่วนที่เหมาะสม จากนั้นให้รดน้ำทุกวันและทำทิ้งไว้ประมาณ 60 วัน ถึงจะปลูกผักได้อย่างสมบูรณ์แบบ
13.สูตรเตรียมดินปลูกผักออแกนิก
สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผักด้วยดินแบบออแกนิก สามารถเตรียมดินก่อนการปลูกจริง ด้วยการตรวจสอบดินที่จะต้องอุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี เพื่อทำให้รากพืชไม่เน่าเสียง่าย โดยนำดินปลูกต้นไม้ทั่วไปมาปรับสภาพด้วยปูนขาว แล้วนำปุ๋ยมูลสัตว์ มาปรุงดิน พร้อมการใช้แกลบ 1 กำมือและปุ๋ยหมักออแกนิกโรยลงดินทีละชั้น ใช้น้ำหมักชีวภาพผสมน้ำตาลและน้ำเปล่า 1 แก้ว รดลงดินและใช้ฟางข้าวคลุมหน้าดินไว้ รดน้ำเพียงแค่เล็กน้อยทุกวัน เพื่อเป็นการควบคุมความชุ่มชื้น พร้อมกันหมักไว้เป็นเวลา 7 วัน แล้วจึงนำเมล็ดพันธุ์พืชมาปลูก คุณจะได้ดินแบบออแกนิกที่มีสารอาหารครบถ้วน และไม่ต้องใช้สารเคมีใด ๆ ช่วยในการเจริญเติบโตเลยแม้แต่น้อย
14.เว้นระยะการปลูกให้ดี
เรื่องที่ผู้ปลูกผักควรรู้ คือ ผักบางชนิดไม่สามารถที่จะปลูกใกล้กันได้ เพราะอาจจะเป็นการดึงดูดศัตรูพืชเข้ามากัดกินมากขึ้น จึงควรต้องมีการเว้นระยะห่างของการปลูกที่ประมาณ 30 เซนติเมตรเป็นขั้นต่ำ ซึ่งการปลูกพืชที่ไม่ถูกกันหรือพืชคู่อริใกล้กัน อาจทำให้การเจริญเติบโตช้าและกลายเป็นตายไปในที่สุด เช่น ผักกุยช่ายไม่ควรปลูกใกล้กับถั่วฝักยาว, หอมหัวใหญ่ไม่ควรปลูกใกล้กับถั่วฝักยาว, แตงกวาไม่ควรปลูกใกล้กับมันฝรั่ง และฟักทองไม่ควรปลูกใกล้กับมันฝรั่ง เป็นต้น
15.ระบบการให้น้ำ
ระบบการให้น้ำถือว่ามีความสำคัญกับวิธีปลูกผักสวนครัวของผู้ที่อยู่คอนโด แต่ถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลาในการรดน้ำบ่อยด้วยตัวเอง ดังนั้นให้คุณใช้วิธีการติดตั้งสปริงเกอร์สำหรับการให้น้ำอัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นการรดน้ำตามช่วงเวลาที่คุณได้ตั้งไว้ พร้อมการกำหนดปริมาณน้ำและความแรงได้ เพื่อทำให้ได้ปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับผักแต่ละแปลงมากที่สุด
16.ปลูกดอกไม้ในแปลงผัก
ถ้าคุณต้องการล่อแมลงและปรับสมดุลทางระบบนิเวศ เพื่อไม่ให้ต้นผักต้องเสี่ยงต่อการถูกแมลงกัดกิน แนะนำให้ปลูกดอกไม้แซมภายในแปลงผัก เพราะจะช่วยในเรื่องของการล่อแมลงได้ดี ทั้งยังช่วยปรับระบบนิเวศให้เกิดความสมดุลได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาฆ่าแมลงหรือสารเคมีใด ๆ
17.การใส่ปุ๋ยคอก
การใส่ปุ๋ยเพื่อทำให้ผักเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ แนะนำให้ใช้เป็นปุ๋ยคอกที่ถือเป็นปุ๋ยสำคัญสำหรับการปลูกผักสวนครัวโดยเฉพาะ เนื่องมาจากปุ๋ยประเภทนี้จะปรับคุณภาพดินให้สามารถระบายน้ำได้ดี สร้างความโปร่ง ทำให้รากสามารถชอนไชและเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ พร้อมการช่วยรักษาความชื้นให้มีความเหมาะสมเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของผักได้ดีอีกด้วย
18.ปลูกในกระถางต้องมีขารอง
การปลูกผักบนคอนโดด้วยกระถาง มีความจำเป็นมากที่จะต้องใช้เป็นจานรองบริเวณก้นกระถาง หรือถ้าเป็นกระถางขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ควรใช้ขาตั้งเพื่อทำให้ช่วงด้านล่างกระถางสามารถระบายอากาศได้ดีและระบายน้ำออกอย่างเหมาะสม ไม่เช่นนั้นอาจทำให้รากของพืชเน่าได้ง่าย
19.ผักเมล็ดเล็กต้องผสมทราย
ถ้าเมล็ดผักที่คุณต้องการปลูกมีขนาดที่เล็กมาก ให้คุณนำเมล็ดผักผสมกับทรายหยาบก่อน แล้วจึงค่อยโรยลงกระบะที่จะเพาะปลูก เพื่อเป็นตัวช่วยทำให้ต้นกล้าของผักเจริญเติบโตได้เหมาะสม มีระยะห่างที่ดี และไม่เบียดกันมากจนเกินไป
20.เลือกเก็บผักช่วงเช้าดีที่สุด
เมื่อผักสวนครัวของคุณเริ่มผลิดอกออกผล ให้คุณสามารถเก็บไว้รับประทานได้ คุณควรเก็บผักในช่วงเช้าของทุกวัน เพราะจะเป็นช่วงที่อากาศยังคงเย็นอยู่ ไม่ร้อนอบอ้าว ผักจึงจะคายน้ำออกน้อย จึงช่วยรักษาความสดไว้ได้นานที่สุด พร้อมทำให้ผักกรอบอร่อยและเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานพอสมควร
21.ใช้สมุนไพรไล่แมลง
ถ้าต้องการไล่แมลงศัตรูพืชอย่างปลอดภัย ควรใช้เป็นสูตรสมุนไพรสำหรับการไล่แมลง ฉีดพ่นที่บริเวณแปลงผัก เช่น การใช้น้ำขมิ้นชันผสมกับน้ำเปล่า การใช้สะเดา ตะไคร้หอม และข่า ปั่นผสมกันพร้อมผสมกับน้ำเปล่า หรือการใช้สูตรพริก ดีปลี และพริกไทยผสมน้ำเปล่า จะเป็นตัวช่วยไล่แมลง โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยและไม่ทำให้ผักต้องปนเปื้อนสารเคมีจนกลายเป็นการตกค้างอีกด้วย ที่สำคัญคือหลังจากการฉีดสมุนไพรเพื่อไล่แมลงแล้ว ควรทิ้งระยะประมาณ 1-2 วัน จึงค่อยเก็บผักไปรับประทาน
ถ้าคุณต้องการวิธีปลูกผักสวนครัว สำหรับชาวคอนโดที่ปลูกได้ง่าย โตเร็ว สามารถใช้ทั้ง 21 วิธีนี้เป็นตัวช่วย เพื่อทำให้คุณได้ผักสดไว้รับประทานแบบง่าย ๆ และมีคุณภาพ ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างของสารปนเปื้อนใด ๆ อีกด้วย