เมื่อทำงานไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว เชื่อว่าชาว Gen-C Blog หลายๆ คนคงเริ่มที่จะมองหาลู่ทางสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ยิ่งโดยเฉพาะ “ที่อยู่อาศัย” ที่ถือเป็นสินทรัพย์ขั้นพื้นฐานที่สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต และด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป การมองหาที่อยู่อาศัยจากเดิมที่เป็น “บ้าน” ได้กลับกลายเป็น “คอนโดฯ” ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการหลายๆ อย่างเพิ่มมากขึ้น วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะนำเคล็ดลับดีๆ สำหรับคนที่อยากมีคอนโดฯเป็นของตัวเองมาฝากเพื่อนๆ กันครับ
อยากมีคอนโดฯต้องมีเงินออมขั้นต่ำเท่าไหร่?
ในชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น “เงินออม” ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตให้เกิดขึ้น เพราะเราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ในแต่วันจะต้องเจอกับสถานการณ์อะไรบ้าง เช่น พ่อแม่ป่วย โดนไล่ออกจากงาน หรือแม้กระทั่งประสบอุบัติเหตุ ฯลฯ การมีเงินออมไว้แต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เราแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวมาในข้างต้นลดลง
และยิ่งถ้าหากเพื่อนๆ กำลังมีแพลนที่จะซื้อคอนโดสักห้อง การมีเงินออมส่วนตัวเกิน 20% ของราคาคอนโดฯที่จะซื้อ จึงถือเป็นจำนวนที่ปลอดภัยมากที่สุด เช่น ถ้าหากต้องการซื้อคอนโดฯราคา 1 ล้าน การมีเงินออม 2 แสนจะทำให้เรามีทุนสำรองในระหว่างการดำเนินการซื้อ–ขายหรือขอสินเชื่อนั่นเอง
ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่แล้ว การซื้อคอนโดฯหรือที่อยู่อาศัยในแต่ละครั้งนั้นมักจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการโอน ค่าธรรมเนียมในระหว่างดำเนินการ ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า ค่าประกันภัย ค่าประกันอัคคีภัย ฯลฯ ซึ่งผู้ซื้อจะต้องรับภาระในส่วนนี้ การมีเงินออมที่มากเพียงพอจึงจะทำให้เราสามารถชำระค่าเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องรอเงินส่วนต่างจากธนาคาร
เริ่มต้นออมเงินอย่างไรให้เพียงพอต่อการซื้อคอนโดฯ?
อย่างที่กล่าวไปในหลายๆ ครั้ง การเริ่มต้นออมที่ถูกวิธีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความสม่ำเสมอในการออม โดยอาจเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายของราคาคอนโดฯที่อยากได้ (โดยประเมินจากฐานเงินเดือนและภาระหนี้ที่มี) แล้วค่อยดูว่าเราจะซื้อคอนโดฯห้องนี้เมื่อไหร่ (ทั้งนี้การออมที่มีระยะนานเกินไปอาจมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ราคาคอนโดฯเพิ่มสูงขึ้น ค่าเงินแข็งตัว เป็นต้น)
ยกตัวอย่างง่ายๆ หากเราตั้งเป้าว่าจะซื้อคอนโดฯสักห้อง (ราคาราวๆ 2 ล้าน) เมื่อตอนอายุ 25 ปี เงินออมที่เราควรมีนั้นจะต้องอยู่ที่ 20% ของราคาอสังหาฯ หรือ 500,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ซึ่งถ้าหากตอนนี้เรามีอายุ 20 ปี ภายใน 5 ปีจะต้องมีการออมอย่างต่ำเดือนละ 8,333 บาทเพื่อให้สามารถซื้อคอนโดฯได้ในตอนอายุ 25 ปีนั่นเอง โดยวิธีการออมที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ สามารถทำได้ก็มีดังนี้
1.สมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นหนึ่งในวิธีการเก็บเงินแบบเบสิกที่แทบจะทุกบริษัทต้องมี โดยข้อดีของกองทุนประเภทนี้คือจะหักออกจากเงินเดือนในจำนวนที่สม่ำเสมอ มีการสมทบเงินเพิ่มเติมจากบริษัท (ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละบริษัท) และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
2.ฝากประจำ
การฝากประจำถือเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้เรามีเงินออมสม่ำเสมอทุกเดือน ซึ่งการฝากแบบประจำจะทำให้เราได้รับดอกเบี้ยมากว่าฝากปกติอีกด้วย
3.ตั้งเป้าค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
ตั้งเป้าค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเพื่อควบคุมงบการเงินไม่ให้บานปลาย เช่น พกเงินไปทำงานวันละ 300 เหลือเท่าไหร่ก็หย่อนใส่กระปุก เป็นต้น
4.เพิ่มรายรับให้มากกว่าหนึ่งทาง
การหาเวลาว่างรับงานนอกเสริมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำให้เงินออมของเราเพิ่มขึ้นได้อีกเช่นเดียวกัน
แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันคอนโดฯบางโครงการก็ได้เปิดให้เราสามารถทยอยจ่ายเงินดาวน์เป็นงวดๆ ระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนไปจนถึง 24 เดือน ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยทำให้ผู้ซื้อแบบเราๆ ได้ชำระค่าใช้จ่ายบางส่วนโดยไม่ต้องใช้เงินก้อน และยิ่งไปกว่านั้นบางโปรโมชั่น เช่น Ananda ONE PRICE Strike Deals! จากทางอนันดาที่เปิดโอกาสให้เราสามารถเป็นเจ้าของคอนโดฯทำเลทองใกล้รถไฟฟ้าพร้อมอยู่ ด้วยการผ่อนเดือนละ 999 บาทนานถึง 2 ปี ฟรีค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ในวันโอน เรียกได้ว่าถูกยิ่งกว่าเช่าอยู่เสียอีก
ชาว Gen-C Blog ที่สนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2DOoERh