“ทองหล่อ” ย่านที่เปรียบเสมือนผู้นำเทรนด์ไลฟ์สไตล์คนเมือง จึงไม่แปลกหากทองหล่อจะเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหาร และคอมมูนิตี้มอลล์ดีไซน์เก๋ วันนี้เราขอพาคุณไปตะลุยพร้อมทัวร์ทองหล่อในมุมมองใหม่แบบที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามีมุมชิคๆ แบบนี้อยู่ใกล้ตัว โดยปักหมุดกันที่ 3 คอมมูนิตี้มอลล์ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสุดคูล
• THE COMMONS @ทองหล่อ 17
มีหลายคนบอกไว้ว่า The Commons เปรียบเสมือนสวนหลังบานของคนเมือง ขณะที่อีกหลายคนก็บอกว่าคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้เปรียบเสมือนชุมชนความคิด แต่ไม่ว่าคุณจะนิยาม The Commons ว่าอย่างไร แต่ความคูลจากคอนเซ็ปต์และดีไซน์ก็ทำให้The Commons เป็นสถานที่ชิคๆ ที่เราต้องไปเช็คอินเป็นที่แรก
จากจุดเริ่มต้นที่ ‘อยากให้คนเมืองได้ใกล้ชิดธรรมชาติขึ้นมาอีกนิด’ จึงเกิดเป็น The Commons กับการออกแบบที่ให้พื้นที่ส่วนกลางเปิดรับลมธรรมชาติแบบ open air โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ใช้พื้นที่ส่วนนี้ในการนัดพบ แลกเปลี่ยนความคิด พร้อมลิ้มลองเมนูอร่อย
การดีไซน์ที่นี่เน้น ‘ความเป็นชุมชน’ จึงออกแบบให้ The Commons ประกอบด้วยพื้นที่สบายๆ ที่สามารถแวะมานั่งเล่นได้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ โดยเน้นบรรยากาศโปร่งโล่ง ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบให้พื้นที่ชั้นล่างเป็น common ground ทางลาดที่เชื่อมทุกพื้นที่เข้าด้วยกัน พร้อมด้วยการเปิดพื้นที่รอบด้านให้โปร่ง เพื่อให้ลมพัดผ่านตลอดเวลา จนได้พื้นที่ outdoor ที่ตั้งใจให้เป็น ‘สวนหลังบ้านของคนเมือง’ นั่นเอง
แน่นอนเมื่อมีพื้นที่สำหรับพูดคุยแล้ว สิ่งที่ตามมาคือร้านอาหารและคาเฟ่ที่จะมาเติมเต็มความสุขและความสมบูรณ์ให้ชุมชนความคิดแห่งนี้ โดยชั้นล่างสุดออกแบบให้เป็นมาร์เก็ตที่อุดมด้วยร้านอาหารและคาเฟ่หลากสไตล์หลายเมนู ซึ่งสามารถสั่งแล้วนั่งทานในร้านหรือจะยกออกมารับลมธรรมชาติในโซน outdoor ก็ได้เช่นกัน ขณะที่ชั้นบนสุดยังดีไซน์ให้เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ เพื่อให้คนกรุงเทพมีทางเลือกหลากหลาย โดยคัดสรรร้านอาหารและคาเฟ่คุณภาพมาเสิร์ฟ
ยกตัวอย่าง “Roots Coffee Roaster” ร้านกาแฟที่เสมือนยกโรงคั่วมาไว้ที่นี่ เพื่อให้ผู้มาเยือนมีกาแฟคุณภาพดีจิบระหว่างพักผ่อน โดยมีตั้งแต่เมนูเบสิกไปจนถึงครีเอทเมนูใหม่ๆ ให้เราแวะไปลิ้มลองแบบไม่เบื่อ แม้ร้านจะเป็นเพียงบาร์กาแฟเปิดโล่ง แต่ด้วยความโล่งของบาร์จึงเป็นข้อดีที่ทำให้เราได้พูดคุยกับบาริสต้า ซึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านที่ต้องการให้ที่นี่เป็นสถานที่พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องกาแฟนั่นเอง
ทางร้านแนะนำให้ลิ้มลอง “Orange Tonic Cold Brew” (100 บาท) เมนูขายดี ซึ่งเป็นกาแฟสกัดเย็น Cold Brew นำมาเติมรสชาติผ่านน้ำส้มคั้นและโทนิก จนได้เครื่องดื่มที่หอมและเข้มข้นด้วยกาแฟ ขณะเดียวกันก็แฝงรสหวานจากน้ำส้ม หรือจะลิ้มลอง “Juiced Up” (140 บาท) อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ยังคงนำน้ำผลไม้ 3 ชนิดมาผสมผสานจนกลายเป็นไซรัปรสเฉพาะ เข้ากันอย่างลงตัวกับกาแฟรสเข้มๆ จากกาแฟ Cold Brew
• 72 COURTYARD @ ระหว่างทองหล่อ 16 กับ 18
อีกหนึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ที่ได้ชื่อว่า ‘สวนลับของคนกรุง’ โดยแนวคิดเรื่องดีไซน์ของ 72 Courtyard ได้ทีมสถาปนิกสัญชาติอังกฤษ ‘Amanda Levete Architects’ ร่วมออกไอเดียกับสถาปนิกไทยจนได้อาคารทรงกล่องสูงใหญ่ตั้งโดดเด่นริมถนนสุขุมวิท แต่สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากสถาปัตยกรรมคือ 72 Courtyard แห่งนี้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ยามราตรี ซึ่งจะเปิดให้บริการยามค่ำคืนนั่นเอง
แม้จะเป็นอาคารทรงกล่อง 2 กล่องขนาบข้างกัน จนในสายตาใครหลายคนมองว่าดูธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว 72 Courtyard ซ่อนความไม่ธรรมดาเอาไว้ โดยเฉพาะชั้นดาดฟ้าของอาคารที่ดีไซน์ให้เป็น courtyard ที่โดดเด่นด้วยพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้ใหญ่และไม้ประดับ โดยมีบาร์หลากสไตล์ล้อมรอบ จนได้พื้นที่ rooftop bar บรรยากาศในสวน
ส่วนชั้นล่างของ 72 Courtyard ถูกออกแบบให้เป็นลานโล่งกว้างและยังเป็นพื้นที่สำคัญของคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ เพราะเจ้าของตั้งใจให้พื้นที่โซนนี้เป็นพื้นที่ชุมชนในการพูดคุย นั่งพักผ่อน หรือจะเข้ามาเดินเล่นฆ่าเวลาก็ไม่ว่ากัน โดยออกแบบให้ถนนสุขุมวิทเชื่อมกับพื้นที่ส่วนกลางนี้ คล้ายกับเป็นพื้นที่เดียวกัน
แม้ 72 Courtyard จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ยามราตรีที่ร้านอาหารและบาร์ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการยามเย็นจนถึงดึกดื่น แต่ด้านหน้าคอมมูนิตี้มอลล์ก็ยังมีร้านอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเช้า ชวนให้เราแวะไปลิ้มลองกับร้าน “Lucky Fish” ซึ่งทำหน้าที่เป็นคาเฟ่ในยามกลางวัน ขณะที่ยามค่ำคืนจะแปลงเป็นอิซากายะสไตล์ญี่ปุ่น
ตัวร้านโดดเด่นด้วยโทนสีฟ้า ซึ่งตกแต่งด้วยกระเบื้องเกล็ดปลาทั้งภายในและภายนอกร้าน ออกแบบให้มีเคาน์เตอร์ทรงสี่เหลี่ยมอยู่กลางร้านและรายล้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้ที่จัดวางอย่างมีสัดส่วน Lucky Fish เน้นเสิร์ฟเมนูเจแปนนิสคอมฟอร์ตฟู้ดทานง่ายๆ โดยเน้นรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆ
เมนูแนะนำในวันนี้คือ “Fried Chicken Karage” (160 บาท) เมนูทานเล่นที่ใครๆ ก็รู้จักกับไก่คาราเกะทอดกรอบน่าทาน โดยเสิร์ฟไก่ชิ้นโตคู่กับซอส Spicy Mayo ให้เราทานรองท้องระหว่างรออาหารจานหลัก ส่วนเมนูจานหลัก เราเลือกลิ้มลองเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน “Drunken Yakisoba” (240 บาท) ยากิโซบะรสกลมกล่อมกับความพิเศษในเรื่องรสชาติซึ่งเป็นสูตรลับของร้าน เป็นเมนูง่ายๆ แต่ความอร่อยไม่ธรรมดา
ส่วนเครื่องดื่มแนะนำให้ลอง “Coconut Vanilla Matcha” (150 บาท) เครื่องดื่มรสละมุนที่ผสมผสาน 3 รสชาติที่แตกต่างให้เข้ากันอย่างลงตัว ระหว่างน้ำมะพร้าว วานิลา และชาเขียวมัจฉะ เติมรสสัมผัสให้การดื่มด้วยมะพร้าวคั่วอ่อน
• THE MAZE @ ทองหล่อ 4
คอมมูนิตี้มอลล์ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Amazement Neighborhood” กับดีไซน์อาคารสูง 5 ชั้นสไตล์โมเดิร์นคอนเทมโพราลี่ ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทันสมัย โดยให้บรรยากาศโปร่งชวนผ่อนคลาย ซึ่งการออกแบบได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศที่เรามักเน้นความสบายแบบไม่เร่งรีบ ทำให้คอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่พักผ่อนและเอื้อให้เราใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบครบวงจร ตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ ไปจนถึงสถานเสริมความงาม ฯลฯ
ด้วยความทันสมัยของอาคาร ผนวกกับการเลือกดีไซน์โทนสีเข้มดูเท่ ทำให้ The Maze เป็นคอมมูนิตี้มอลล์อีกแห่งที่เหมาะจะมาเก็บภาพเก๋ๆ พร้อมทั้งมาพักผ่อนแบบเบาๆ ตั้งแต่การแวะดื่มกาแฟแก้วโปรด ไปจนถึงการเสริมความงามที่ทำให้เราสุขใจ เริ่มจากชั้นล่างที่ออกแบบให้เป็นโซนร้านอาหารและคาเฟ่ โดยเปิดเปลือยพื้นที่ตรงกลางให้โปร่งโล่ง มีบันไดขนาดใหญ่ทอดตัวจากชั้นสอง ช่วยเสริมให้บรรยากาศเรียบง่ายดูเท่และทันสมัยขึ้น
ขณะที่ชั้นสองไปจนถึงชั้นสี่เชื่อมต่อกันด้วยบันไดเลื่อนที่วางสลับอย่างมีศิลปะ รายล้อมด้วยร้านค้าต่างๆ อาทิ ชั้นสองเป็นโซนร้านอาหารนานาชาติ ขณะที่ชั้นสามเป็นพื้นที่เสริมความงาม พร้อมด้วยแฟชั่นหลากสไตล์ และชั้นบนออกแบบให้เป็นสปาและฟิตเนส ฯลฯ
ส่วนร้านดังที่แนะนำให้มาลิ้มลองที่คอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้คือร้าน “The Dock” ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ ในบรรยากาศเสมือนท่าเรือ จุดเด่นของร้านนี้คือวัตถุดิบที่ส่งตรงมาจากอเมริกาและยุโรป ซึ่งควบคุมการขนส่งให้มาถึงร้านภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อรักษาความสดใหม่ของอาหารเอาไว้ ที่สำคัญร้านนี้ยังคัดสรรวัตถุดิบหายากราคาแพงมาไว้ให้เราลิ้มลองอีกด้วย
อีกหนึ่งร้านเด่นของคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ “Mocking Tales” ร้านขนมหวานที่เชี่ยวชาญเรื่องไอศกรีม เสิร์ฟในบรรยากาศแฟนซีชวนตกหลุมรัก โดยจุดเด่นของร้านนอกจากบรรยากาศที่แตกต่างไม่ซ้ำใครแล้ว เมนูแต่ละเมนูยังครีเอทขึ้นใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากนิยายแฟนซีสุดคลาสสิก อาทิ Lord of the Rings ฯลฯ อีกหนึ่งความพิเศษของร้านนี้คือ หลังเวลา 18.00 น.จะแปลงจากคาเฟ่ในเทพนิยาย เป็นบาร์ค็อกเทลให้เราชวนเพื่อนไปนั่งดื่มแบบชิวๆ
… เป็นอย่างไรบ้างกับ 3 คอมมูนิตี้มอลล์ที่เราเก็บมุมชิคๆ มาฝาก เพื่อเป็นตัวเลือกในวันพักผ่อน โดยเฉพาะช่วง weekend ที่ไม่อยากอยู่บ้าน แต่ก็ไม่อยากไปไหนไกล 3 คอมมูนิตี้มอลล์เหล่านี้จึงเป็นตัวเลือกที่ให้คุณแวะไปเปลี่ยนบรรยากาศและพักผ่อนได้ทุกวันนั่นเอง
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development