ระบบ Biometric กลายเป็นเทคโนโลยีที่พูดถึงมากในหลายๆ ภาคส่วน และล่าสุดที่ประเทศไทยได้มีการใช้ระบบนี้ที่สนามบิน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเช็กอิน เข้าตม. และจุดผ่านตรวจต่างๆ ระบบนี้ช่วยให้การเดินทางราบรื่นยิ่งขึ้น ไม่ต้องพกบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตบ่อยครั้ง เพียงใช้ใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ หรือม่านตา ทุกข้อมูลสำคัญของคุณก็พร้อมสำหรับการเข้าถึงบริการอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ระบบ Biometric มีจุดเด่นสำคัญคือการเพิ่มความปลอดภัยจากการระบุตัวตนที่แม่นยำ ด้วยการตรวจสอบทางชีวภาพ เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือม่านตา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้ง่าย จึงเป็นระบบที่นำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่เราเคยเห็นคือการใช้ในธนาคาร ที่ลูกค้าสามารถสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนเมื่อทำธุรกรรมออนไลน์ ช่วยลดปัญหาการลืมรหัสผ่านและป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
สนามบินหลายแห่งทั่วโลกได้นำระบบ Biometric มาใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น สนามบินในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น สนามบิน Los Angeles International Airport (LAX), สนามบินในยุโรปเช่น Heathrow Airport ที่ลอนดอน และในทวีปเอเชียเช่น Changi Airport ประเทศสิงคโปร์ ทุกแห่งต่างนำ Biometric มาใช้ทั้งในการเช็กอิน เข้าตม. และผ่านจุดตรวจความปลอดภัย ซึ่งสามารถช่วยให้การเดินทางผ่านสนามบินสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
รู้จักกับระบบ Biometric: เทคโนโลยีล่าสุดที่สนามบินไทยใช้
ระบบ Biometric เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การระบุตัวตนผ่านข้อมูลชีวมาตร เช่น การสแกนใบหน้า, ลายนิ้วมือ หรือม่านตา เพื่อยืนยันตัวตนของบุคคล ในประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ได้เริ่มนำระบบนี้มาใช้ในสนามบินทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่
จุดเด่นของระบบ Biometric
- ความสะดวกสบาย: ผู้โดยสารสามารถเช็กอิน, โหลดกระเป๋า, ผ่านจุดตรวจค้น และขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต เพียงสแกนใบหน้าเท่านั้น
- ความปลอดภัย: การใช้ข้อมูลชีวมาตรช่วยลดความเสี่ยงจากการปลอมแปลงเอกสารหรือการสวมรอย
- ลดระยะเวลา: ระบบช่วยลดเวลาการรอคิวในแต่ละจุดบริการ ทำให้การเดินทางราบรื่นยิ่งขึ้น
