มีใครเคยได้ยินคำว่า ‘โรคผิวเครียด’ กันบ้าง?! เชื่อว่าหลายคนในที่นี่อาจจะยังไม่รู้จักกับ โรคผิวเครียด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีข้อสงสัย เพราะด้วยความเครียดจากการเรียน การทำงาน การประชุม หรือจะเป็นการเดินทางที่แสนทรหดในกรุงเทพฯ ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด ‘โรคผิวเครียด’ ได้ เรามาลองทำความรู้จักกับ โรคผิวเครียด กันว่าเพื่อน ๆ เคยมีอาการที่คล้ายคลึงกันหรือไม่
โดยโรคผิวเครียด เป็นโรคทางจิตวิทยาผิวหนังที่เกิดจากความเครียดที่สะสมอยู่ในร่างกายและจิตใจ และส่งผลให้เห็นทางระบบต่างๆ ของร่างกาย หนึ่งในนั้นคือ ‘ผิวหนัง’ เช่น ผื่นแดง สิว ผิวแห้ง และโรคผิวหนังอักเสบ ซึ่งจะมีอาการบ่งบอกได้ดังนี้
- ผิวหนังระคายเคืองจากการอักเสบภายใน – เมื่อความเครียดสะสมมากๆ ทำให้ระบบย่อยทำงานไม่ดี จนเกิดการอักเสบของลำไส้ แน่นอนว่ามีผลต่อโรคผิวหนังเช่น สะเก็ดเงิน หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนังอื่น ๆ ได้
- ผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น – ความเครียดเรื้อรังส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและผิวหนัง ทำให้ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นทำหน้าที่ได้ไม่ดี
- หน้าเป็นสิวจากความเครียด – ความเครียดทำให้เซลล์ในร่างกายผลิตไขมันมากขึ้น เมื่อผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและแบคทีเรียจะอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิว
- ผิวหน้าหมองคล้ำ – การที่ร่างกายสะสมความเครียด สามารถทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำดูอิดโรยได้ เพราะเลือดจะไหลเวียนไปที่ หัวใจ, สมอง, ปอด และตับก่อนนั่นเอง
- ผลเสียต่อหนังศีรษะและเส้นผม – ความเครียดทำให้เส้นผมมันมากขึ้น แห้งแตกปลาย เกิดรังแค หรือผมร่วงมากขึ้น
ซึ่งวิธีการรับมือ และการรักษาหลักๆ ของ ‘โรคผิวเครียด’ คือ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ – เป็นเรื่องสำคัญที่อาจจะทำยาก ซึ่งทุกวันควรนอนหลับอย่างน้อย 7 – 9 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายบ่อยขึ้น – เพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกายควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-4 วัน หรือเล่นโยคะแบบชิลๆ
- ฝึกสมาธิ – กำหนดลมหายใจเข้าออก เพื่อฝึกให้จิตใจผ่อนคลายมากขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ – เลือกทานผักผลไม้ วิตามิน และแร่ธาตุให้ครบ
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง – หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อรักษา
เพื่อน ๆ จะเห็นว่าการดูแล โรคผิวหนัง อาจเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็ดูแลง่ายเพียงจัดการกับความเครียด รับมือกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันให้ได้มากยิ่งขึ้น