วิธี ล้างเครื่องซักผ้า ทำความสะอาดถังซักผ้า กำจัดสิ่งสกปรก ป้องกันกลิ่นอับ

รู้หรือไม่ว่าเครื่องซักผ้าที่เราใช้กันเป็นประจำ อาจจะมีสิ่งสกปรกและคราบต่าง ๆ ซ่อนอยู่ ยิ่งถ้าใช้มาเป็นเวลาหลายปี และไม่เคย ล้างเครื่องซักผ้า เลย ก็อาจทำให้คราบนี้ฝังลึกจนยากที่จะทำความสะอาดได้ และอาจปะปนมากับเสื้อผ้าจนทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่าง ๆ ขึ้น ในบทความนี้เราจึงขอแนะนำวิธีการ ล้างเครื่องซักผ้า ให้เอาไปจัดการกันดู

1.น้ำส้มสายชู

เครื่องซักผ้าทุกรุ่น ทั้งแบบฝาบน ฝาหน้า หรือจะแบบสองถัง จะต้องมีโหมด ล้างเครื่องซักผ้า หรือโหมดทำความสะอาดกันอยู่แล้ว แต่การกดล้างด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำร้อนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการทำความสะอาดพวกคราบ กลิ่น หรือตะกรันต่าง ๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานาน วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้เทน้ำส้มสายชูยี่ห้อใดก็ได้ประมาณ 200 มิลลิลิตรลงไปในช่องผงซักฟอก แล้วกดให้เครื่องทำงานตามปกติ  แนะนำว่าถ้ามีโหมดน้ำอุ่นและโหมดแช่ทิ้งไว้ได้ ก็ให้แช่ไปเลย 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยให้ทำงานอีกครั้ง หลังจากที่กำจัดน้ำออกไปหมดแล้ว ให้ล้างถังเปล่าเพิ่มอีกครั้งเพื่อจัดการกับกลิ่นน้ำส้มสายชูให้หมด

2.ผงฟู

ผงฟู หรือเบคกิ้งโซดา จัดเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรมีอยู่ในครัว เพราะใช้ได้ทั้งเอาทำความสะอาด เอามาประกอบอาหาร แถมยังเอามาใช้หมักหมูให้นุ่มได้อีกด้วย แต่การจะใช้เบคกิ้งโซดาในการ ล้างเครื่องซักผ้า จะมีวิธีการที่ยุ่งยากกว่าน้ำส้มสายชูอยู่สักหน่อย เพราะถ้าเป็นแบบฝาบน จะต้องมีการเปิดน้ำให้เต็มถังก่อน แล้วค่อย ๆ เอาเบคกิ้งโซดาประมาณ 1 ถ้วยใส่ลงไป แล้วคนให้ละลายทั่วถึงกัน แต่ถ้าเป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ถึงจะเอาผงฟูใส่ลงในช่องใส่ผงซักฟอกได้ แต่ก็ควรมีบางส่วนที่เอาไปโรยทิ้งไว้ภายในถังก่อน

สำหรับเครื่องฝาหน้าควรใช้ทั้งน้ำร้อนอุณหภูมิ 60-80 องศาเพื่อช่วยในการละลาย และควรจะแช่ถังทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งวันขึ้นไป หลังจากที่จัดการกับผงฟูเรียบร้อย ให้ล้างถังเปล่าซ้ำอีก 1-2 ครั้งเพื่อไม่ให้มีเบคกิ้งโซดาตกค้างอยู่ในเครื่อง นอกจากทำความสะอาดภายในถังซักแล้ว ให้ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำให้ข้นๆ แล้วเอาแปรงสีฟันเก่าๆ มาขัดทำความสะอาดบริเวณช่องใส่ผงซักฟอก และช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ผงซักฟอกแบบผงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ จะมีก้อนสะสมอยู่ ซึ่งก้อนนี้อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เชื้อรา และปัญหาอื่น ๆ อีกด้วย

3,ผงซักฟอก

ใครที่อยาก ล้างเครื่องซักผ้า แบบด่วน ต้องเตรียมน้ำส้มสายชูหรือผงฟูไว้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ผงซักฟอกไปก่อนได้ เพียงแค่ตั้งโหมดซักผ้าเหมือนปกติ แล้วใส่ผงซักฟอกลงไปในปริมาณที่เคยทำประจำ จากนั้นก็เปิดให้ระบบทำงานจนเสร็จ เพียงแต่ผงซักฟอกอาจจะช่วยจัดการได้แค่เรื่องของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เรื่องคราบ ตะกอน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ อาจจะยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร และถ้าหากต้องการกำจัดเชื้อแบคทีเรียหรือคราบรา ก็อาจจะจำเป็นต้องหาผงซักฟอกสูตรเฉพาะมาใช้แทน

4,กรดซิตริก

ในกรณีที่คุณเจอคราบฝังลึกที่ไม่สามารถ ล้างเครื่องซักผ้า ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นก้อน เป็นตะกรัน หรืออะไรก็ตามที่ดูแล้วว่าน่าจะเกิดจากการสะสมของผงซักฟอกเป็นเวลานาน ๆ ให้หากรดซิตริก กรดมะนาว หรือผงวิตามินซีเข้มข้นก็ได้ เอามาผสมกับน้ำร้อนในอัตรา 1:2 แนะนำให้เป็นน้ำต้มเดือดเพื่อให้สารเหล่านี้ละลายหมด จากนั้นให้เอาไปใส่ในช่องผงซักฟอกปกติ และควรแบ่งส่วนหนึ่งใส่ลงไปในถังผ้าโดยตรงด้วย เสร็จแล้วให้ตั้งโปรแกรมซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิสูงสุดที่เครื่องมี หลังจากโปรแกรมเสร็จสิ้นแล้ว คุณจะเห็นคราบเหล่านี้หลุดออกมาเป็นก้อน ข้อดีอย่างหนึ่งของวิธีนี้ก็คือไม่มีกลิ่นตกค้างรุนแรงมาก และกรดซิตริกก็มีราคาที่ถูกมากด้วย

5.น้ำยาฟอกขาว

ในกรณีที่กรดซิตริก หรือผงวิตามินซียังทำความสะอาดได้ไม่สะอาดพออย่างที่ต้องการ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำยาฟอกขาวที่มีอานุภาพทำลายล้างที่สุดได้ เพียงแค่เอาน้ำยาฟอกขาวใส่ลงไปในช่องผงซักฟอกประมาณ 20 มิลลิลิตร และเอาอีก 20 มิลลิลิตรไปใส่ไว้ในเครื่อง หากรู้ว่าคราบสกปรกอยู่ตรงไหน สามารถเอาน้ำยาราดไปบริเวณนั้นได้โดยตรง หลังจากนั้นให้เปิดโปรแกรมซักน้ำร้อน แล้วแช่ถังทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างน้ำออกตามปกติ หลังจากโปรแกรมซักน้ำร้อนจบแล้ว ให้ล้างถังปั่นอีก 1-2 ครั้งเพื่อกำจัดน้ำยาฟอกขาวออกให้หมด เพื่อความมั่นใจว่าคุณได้ล้างถังสะอาดแล้ว ให้เอาผ้าขาวลงมาซักก่อนทุกครั้งที่ทำความสะอาดด้วยวิธีนี้ เพราะถ้าหากเอาผ้าสีมาซักโดยที่ทำความสะอาดน้ำยาไม่หมด ผ้าของคุณอาจสีตกจนต้องทิ้งทั้งถังแน่นอน

6.แอมโมเนีย

แอมโมเนียที่เรารู้จักกันดีในนามเยี่ยวอูฐที่เอามาดมเวลาเป็นลมกันนี่แหละ สามารถเอามาใช้ในการ ล้างเครื่องซักผ้า ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการทำความสะอาดคราบเล็กน้อย และกลิ่นที่ไม่ค่อยดีในเครื่อง วิธีการก็เพียงแค่เอาแอมโมเนียมาผสมกับน้ำเปล่าเท่ากัน แล้วแช่ถังที่มีน้ำแอมโมเนียผสมไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมงแล้วตั้งโปรแกรมให้เครื่องซักจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ให้ล้างถังเปล่าเพิ่มอีกครั้งหนึ่งเพื่อล้างกลิ่นออกให้หมด เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว

7.ผงทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

คนส่วนมากอาจจะไม่ค่อยรู้เท่าไร ว่ามีผงทำความสะอาดแบบเฉพาะทางอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะผงนี้มักจะมีขายแค่ในร้านขายสินค้าที่มาจากประเทศญี่ปุ่น หรือต้องสั่งทางช่องทางออนไลน์เท่านั้น มีราคาตั้งแต่ 60-200 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่คุณต้องการ หากต้องการกำจัดคราบฝังแน่น ก็อาจจะมีราคาสูงกว่าผงที่เอามา ล้างเครื่องซักผ้า เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือเรื่องของความปลอดภัย และสารตกค้างที่ไม่มีเหลือในเครื่องหลังใช้แน่นอน วิธีการใช้ผงนี้ ก็เพียงแค่ผสมกับน้ำตามที่ระบุหลังซอง แล้วเอาใส่แทนผงซักฟอกได้เลย นอกจากแบบผงแล้ว จะมีแบบเม็ดฟู่ที่ใช้โยนลงไปผสมกับน้ำอีกด้วย แต่แนะนำให้ใช้แบบผงจะดีที่สุด เนื่องจากมันสามารถละลายไปกับน้ำได้เลย

8.น้ำยาฆ่าเชื้อโรค

ถึงแม้ว่าถังซักผ้าของคุณจะสะอาดอย่างที่ต้องการแล้ว แต่ในช่วงเวลาที่มีทั้งโรคโควิด 19 และฝุ่น PM 2.5 หากเป็นไปได้ควรจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือเดทตอลทำความสะอาดถังซักผ้าเป็นประจำทุกเดือน เพียงแค่เอาเดทตอลใส่ลงไปผสมกับน้ำครึ่งลิตร ถ้าหากเป็นฝาบนก็รอจนน้ำเต็มถังแล้วเทผสมลงไป แต่ถ้าเป็นฝาหน้า ก็ต้องเททิ้งไว้ในถังก่อนแล้วค่อยเปิดให้โปรแกรมทำงาน ถ้าหากมีเวลาก็ควรจะแช่ถังทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยากำจัดแบคทีเรียและเชื้อโรคได้อย่างทั่วถึง และยังช่วยกำจัดกลิ่นอับภายในเครื่องซักผ้าได้อย่างหมดจดอีกด้วย เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้สึกเหมือนมีเครื่องซักผ้าใหม่เอี่ยมอยู่ตลอดเวลาแล้ว

9.น้ำยากำจัดเชื้อรา

ไม่ใช่แค่ถังซักอย่างเดียวที่ต้องทำความสะอาด บริเวณขอบยางที่ผิดฝาก็ต้องทำความสะอาดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ปกติแล้วยางนี้จะยึดติดกับตัวเครื่องเลย ไม่สามารถถอดออกมาได้ แต่คุณสามารถดึงให้ยางอ้าเพื่อดูว่ามีสิ่งสกปรกอะไรตกค้างอยู่หรือเปล่า โดยเฉพาะเหรียญหรือเครื่องประดับเล็ก ๆ บางครั้งก็อาจจะเจอเส้นผมเป็นก้อนเลย ให้เอาสิ่งสกปรกเหล่านั้นออกมา ก่อนที่จะกลายเป็นสิ่งอุดตันชิ้นใหญ่ที่ทำลายยางให้เสียหาย ถ้าเห็นว่าขอบยางมีจุดสีดำขึ้นเต็มไปหมด ให้รู้ไว้เลยว่านั่นคือราที่มักจะเกิดจากความชื้นอยู่เสมอ ให้ใช้น้ำยากำจัดเชื้อราฉีดพ้นให้ทั่วขอบยาง แล้วใช้ผ้าสะอาดแห้งๆ เช็ดออก ถ้าทำแล้วยังมีราหลงเหลืออยู่ ก็ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ดทำความสะอาดแทน แต่อาจจะต้องเตรียมผ้าสะอาดไว้หลายผืน เพื่อไม่ให้ราที่ติดอยู่กับผ้ายังเข้าไปอยู่ในขอบยางได้อีก

10.ล้างถังเปล่า

เชื่อได้เลยว่า มีคนจำนวนมากที่ไม่ยอมใช้โปรแกรมนี้ เพราะกลัวว่าจะทำให้ค่าน้ำแพงกว่าปกติและเป็นการเปลืองน้ำไปแบบเปล่าประโยชน์อีกด้วย แต่อย่าลืมว่าเครื่องซักผ้าก็เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีการทำความสะอาด มีการซ่อมแซมเพื่อให้เครื่องใช้งานได้ดีอยู่เสมอ เพื่อให้เครื่องสามารถใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น โหมดล้างถังเปล่าจึงได้ถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ หากคุณทำความสะอาดด้วยวิธีข้างต้นแล้ว ก็เพียงแค่ล้างถังเปล่าทุก 2 เดือนต่อครั้งก็พอ และถ้าหากไม่สบายใจเรื่องเปลืองน้ำ ก็ให้หาถังมารองไว้เพื่อเอาไปใช้รดน้ำ หรือทำอย่างอื่นต่อไปได้เลย

11.เรียกช่างมาล้างถังให้

เครื่องซักผ้าที่ไม่เคยผ่านการล้างมาเลยมากกว่า 3 ปีขึ้นไป จะใช้แค่น้ำยา หรือสารอะไรบางอย่างมาล้างเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่พอแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงมีบริการล้างถังจากช่างตามแบรนด์ของเครื่องซักผ้า บริการนี้จะเป็นการรื้อถังทุกอย่างออกมา รวมทั้งความสะอาดฟิลเตอร์ มอเตอร์ที่ใช้ปั่น สายพาน และท่อระบายน้ำต่าง ๆ นอกจากนี้อาจจะมีการตรวจสอบการทำงานของเครื่อง และสายไฟต่าง ๆ ว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่คุณต้องการใช้บริการ ส่วนมากแล้วจะมีราคาตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ใช้เวลาในการล้างครั้งหนึ่งอยู่ที่ 90-120 นาที ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาปกติที่คุณใช้ในการซักผ้าอยู่แล้ว ใครที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่เคยล้างถังเลยเป็นเวลานานมาก เรียกใช้บริการจากช่างเลยน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ใครที่ซื้อคอนโดของอนันดา ส่วนใหญ่จะต้องใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า เนื่องจากโครงการได้เตรียมช่องวางไว้ให้แล้ว เครื่องซักผ้าแบบนี้จะดูแลง่ายกว่าฝาบน เพราะสามารถล้วงเข้าไปเช็ดได้ง่ายกว่า และทุกครั้งหลังซักผ้า ควรเอาผ้าสะอาดเช็ดไปตามขอบยาง แล้วปล่อยให้ถังแห้งสนิทก่อนที่จะปิดฝากลับเข้าไป เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เครื่องซักผ้าของคุณใช้ได้นานขึ้นกว่าเดิมมาก

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top