ท่วงทำนองของเพลง Jingle Bells และ Last Christmas เมื่อดังก้องไปทั่วทั้งเมืองและสถานที่ท่องเที่ยว จะเป็นสัญญาณบ่งบอกการมาถึงของ วันคริสต์มาส ที่ใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่าเทศกาลนี้มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมตะวันตก แต่ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก จึงถึงเวลาแล้วที่ผู้คนจะมารวมตัวกันและเฉลิมฉลอง เพื่อเป็นการหลีกหนีจากความวุ่นวายและความเหนื่อยในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ลองมาสำรวจข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับคริสต์มาสภายในบทความนี้
ความเป็นมาและประวัติของ วันคริสต์มาส
วันคริสต์มาส หรือวันมิสซาของพระคริสต์ เป็นงานฉลองการประสูติของพระเยซู มีการเฉลิมฉลองเป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงการประสูติของพระเยซูคริสต์ เป็นวันหยุดทางศาสนา และวัฒนธรรมที่ผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลกคุ้นเคย ในวันที่ 25 ธันวาคม วันนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของพิธีกรรมชาวคริสต์ พร้อมเป็นวันหยุดที่ถือเป็นการสิ้นสุดเทศกาลจุติ และเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลคริสต์มาสไทด์ ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลอง 12 วัน ทั้งยังเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศ และได้รับความนิยมมากขึ้น ในหมู่บุคคลที่ไม่ใช่คริสเตียน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
แต่นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่คาดการณ์ว่า วันคริสต์มาส จะเกิดขึ้นประมาณ 2 ปี ก่อนคริสตศักราช และคริสตศักราชที่ 7 ในช่วงต้นถึงกลางศตวรรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ตะวันตก ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันคริสต์มาส ซึ่งต่อมาได้นำมาใช้ โดยศาสนาคริสต์ตะวันออก มีทฤษฎีที่อธิบายการเลือกวันที่ 25 ธันวาคมว่าเป็นการเฉลิมฉลองการประสูติ และตรงกับช่วง 9 เดือนหลังจากการรับสารของพระแม่มารีย์ หรือกับเทศกาลดาวเสาร์ของโรมัน และกลายเป็นการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของชาวคริสเตียน
7 ธรรมเนียมควรรู้! วันคริสต์มาส ทําอะไรบ้าง สำหรับคนที่เตรียมพร้อมจะจัดงาน
คริสต์มาสเป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองการประสูติ ของพระเยซูคริสต์ในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ในประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ ช่วงนี้ถือเป็นวันหยุดยาว ทำให้ชาวคริสต์สามารถกลับไปหาครอบครัว และใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน ในช่วงเวลาสำคัญของปีนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วันคริสต์มาส ก่อให้เกิดขนบธรรมเนียมและประเพณีมากมาย ตั้งแต่การแขวนถุงเท้าไปจนถึงการตกแต่งต้นคริสต์มาส แต่ละประเพณีก็มีความสำคัญในตัวเอง วันนี้ จะมาเจาะลึกโลกแห่งประเพณีคริสต์มาสอันน่าทึ่ง และสำรวจความสำคัญของประเพณี คือ
1.การรวมตัวของครอบครัว
วันคริสต์มาส อีฟ ครอบครัวจะมารวมตัวกันด้วยความสุข ตามประเพณีชาวอเมริกัน เป็นวันที่เต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองและความสนุกสนาน ซึ่งทุกคนมารวมตัวกันที่โต๊ะ พร้อมใจกันที่จะเฉลิมฉลอง หนึ่งในไฮไลท์หลักของงานฉลองนี้ คือ ของย่างที่ปรุงตามความชอบ และสูตรอาหารส่วนตัว อย่างไรก็ตาม การเฉลิมฉลองคริสต์มาสจะไม่สมบูรณ์หากไม่มีเค้ก โดยเค้กนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของเค้กวันเกิดของพระเยซู ตามประเพณี เค้กคริสต์มาสจะเป็นสีขาวเสมอ ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์พระบุตรของพระเจ้า สาระสำคัญของการทำเค้กนี้ อยู่ที่การเล่าเรื่องการเดินทางของพระเยซูที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
2.การมอบของขวัญ
แม้ วันคริสต์มาส จะเป็นวันหยุดที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลอง แต่ผู้คนที่ไม่ใช่คริสเตียนก็มีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองเช่นกัน แจ่จะแตกต่างจากพิธีกรรมทางศาสนา และมีรูปแบบของประเพณีทางวัฒนธรรม เล่น การแลกเปลี่ยนของขวัญ ตลอดจนการส่งการ์ดอวยพร เป็นกิจกรรมยอดนิยมในช่วงเทศกาลคริสต์มาส สำหรับบ้านที่มีต้นคริสต์มาส เป็นเรื่องปกติที่จะวางของขวัญไว้ใต้ต้นไม้ แม้ว่าการให้ของขวัญอาจเป็นประเพณีสมัยใหม่ แต่ก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของแก่นแท้คริสต์มาส ซึ่งก็คือการเผยแพร่ความสุขและถ่ายทอดพลังบวกแห่งการให้แก่กัน
3.การทำอาหารให้ครอบครัว
วันคริสต์มาส จะตรงกับฤดูหนาวในโลกตะวันตก จึงมีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมการนพอาหารแปรรูปมากมาย มาจัดทำอาหารแสนอร่อย และให้ความเพลิดเพลินของเครื่องดื่มหมักอย่างไวน์ เป็นเวลาที่ชาวตะวันตกมารวมตัวกัน เพื่อสนุกสนานและทำอาหารต่าง ๆ พร้อมรวมตัวกันทานอาหารสูตรตัวเอง ไปกับความอบอุ่นและการเฉลิมฉลอง
4.การแขวนถุงเท้าของเด็ก ๆ
วันคริสต์มาส อีฟ ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ธันวาคม หรือหนึ่งวันก่อนวันคริสต์มาส เด็ก ๆ จะแขวนถุงเท้าหน้าเตาผิง เพื่อรอรับของขวัญจากซานตาคลอส เนื่องจากเรื่องราวดังกล่าวได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตามตำนานที่โด่งดัง มีเรื่องราวของ ซานตาคลอส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขึ้นไปบนปล่องไฟ เพื่อมอบเหรียญเงินเป็นของขวัญให้กับเด็กด้อยโอกาส เหตุการณ์นี้เป็นจุดกำเนิดของความเชื่อที่สืบทอดมาในหมู่เด็ก ๆ ที่รอคอยของขวัญจากซานตาคลอส ในโอกาสอันเป็นมงคลของคริสต์มาสอย่างใจจดใจจ่อ
5.การประดับต้นคริสมาสต์
ต้นคริสต์มาสถือเป็นสัญลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ใน วันคริสต์มาส โดยต้นคริสต์มาสดั้งเดิมนั้น ทำมาจากต้นสน ซึ่งพบได้ง่ายในยุโรปและอเมริกา แต่ในปัจจุบันก็มีต้นคริสต์มาสเทียมที่ทำจากพลาสติก ซึ่งสามารถนำมาใช้ซ้ำได้หลายปี ผู้คนจะตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ เช่น ลูกบอล ดวงดาว กล่องของขวัญเล็ก ๆ และไฟหลากสีสวยงาม เป็นต้น
6.การเขียนคำอวยพรให้กัน
การกล่าวคำว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส” เปรียบเสมือนการอวยพรผู้อื่น โดยหวังว่าผู้รับคำอวยพรจะได้สัมผัสกับความสงบสุขในจิตใจ สำหรับในภาษาไทย สามารถแสดงความรู้สึกนี้ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีคำทักทายอื่น ๆ อีกหลายคำที่สามารถใช้เพื่อถ่ายทอดความปรารถนาของตัวเอง คำอวยพรเหล่านี้ทำให้มีทางเลือกที่หลากหลาย ในการส่งความปรารถนาอันอบอุ่นและหวังดี ไปยังผู้อื่นในช่วงเทศกาลนี้ จึงสามารถเสริมสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและให้ความปรารถนาดีระหว่างบุคคลได้ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแก่นแท้ของคริสต์มาส อยู่ที่การเผยแพร่ความสุขและความรักให้กับคนรอบข้าง
7.การร้องเพลงอวยพร เพื่อเริ่มต้นการเฉลิมฉลอง
ประเพณีหนึ่งที่ยังคงปฏิบัติกัน คือ การเยี่ยมเพื่อนบ้าน คนรู้จัก หรือญาติ ๆ เพื่อการอวยพรและมอบความสุข ให้กับคนที่คุณรักในวันคริสต์มาส โดยจะรวมตัวกันและเดินไปตามบ้าน ร้องเพลงหนึ่งหรือสองเพลง เมื่อประตูถูกเปิดจะได้การต้อนรับด้วยขนม อาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เพลงยอดนิยมที่ถูกร้องในวันนี้ คือ White Christmas, Santa Claus Is Coming to Town และ Rudolph the Red-nosed Reindeer เป็นต้น ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงแรม และสถานประกอบการต่าง ๆ ได้นำกิจกรรมนี้มาสร้างความสุข และแสดงความขอบคุณต่อลูกค้า ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
วันคริสต์มาส ประเพณีแห่งการขอบคุณและการแบ่งปันความสุข ที่แพร่หลายไปทั่วโลก
การเฉลิมฉลอง วันคริสต์มาส เป็นประเพณีที่ได้รับความนิยม ซึ่งพบเห็นได้ในหลายประเทศ เป็นการผสมผสานระหว่างแนวคิดและต้นกำเนิดที่มีมาก่อนคริสต์ศาสนา ตลอดจนองค์ประกอบจากศาสนาคริสต์และศาสนานอกรีต ประเพณีคริสต์มาสสมัยใหม่ ซึ่งได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บุคคลจำนวนมากที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับคริสต์มาส เช่น ซานตาคลอส พ่อคริสต์มาส นักบุญนิโคลัส และคริสคริงเกิล ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับการให้ของขวัญแก่เด็ก ๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และแต่ละคนก็มีประเพณีกับตำนานเป็นของตัวเอง การให้ของขวัญและการแจกทางในแง่มุมอื่น ๆ มากมายของเทศกาลคริสต์มาส มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นการซื้อขายและการขยายตัวของธรุกิจต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งชุมชนชาวคริสต์ และผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียน ดังนั้น วันคริสต์มาส จึงเป็นโอกาสสำคัญและเป็นช่วงเวลาการขายที่สำคัญ สำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจต่าง ๆ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของเทศกาลคริสต์มาส เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดหลายศตวรรษในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก