เครื่องซักผ้าถือเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านต้องมี เพราะจะอำนวยความสะดวก ในเรื่องของการทำความสะอาดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นที่ช่วยกำจัดคราบสกปรก เชื้อโรค และอาจจะมีการผสมผสานเครื่องอบผ้าไว้ภายในตัว จึงให้ประโยชน์ได้หลากหลายด้าน คุณจึงควรรู้วิธีใช้เครื่องซักผ้าและการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้ใช้งานได้ยาวนาน เพราะเครื่องซักผ้ายุคปัจจุบันมักจะผลิตและจำหน่ายเป็นเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ จึงทำให้การใช้งานต้องมีความระมัดระวังพอสมควร ดังนั้นจึงขอแนะนำ 12 เคล็ดลับการดูแลและวิธีใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกต้อง ดังนี้
1.ทำความสะอาดเครื่องเสมอ
การใช้งานเครื่องซักผ้าทุกครั้ง มักจะทิ้งคราบสกปรก เชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และเศษฝุ่นต่าง ๆ ไว้ที่ก้นถัง ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาเฉพาะ เดือนละ 1-2 ครั้ง ซึ่งเครื่องซักผ้าอัตโนมัติจะมีโหมดสำหรับการล้างถังซักเตรียมไว้ให้เรียบร้อย นอกจากนี้คุณควรใช้น้ำอุ่นในอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป ผสมกับผงซักฟอกแล้วเทลงเครื่องซักผ้า จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการกำจัดกลิ่นและคราบสกปรกต่าง ๆ รวมไปถึงเชื้อโรคและเชื้อไวรัสได้มากขึ้น ที่สำคัญคือควรทำความสะอาดที่บริเวณช่องใส่ผงซักฟอก ซีลของฝาเครื่อง และบริเวณไส้กรองของเครื่องซักผ้า ที่จะเป็นจุดสำคัญในการสะสมคราบผงซักฟอก, คราบน้ำ และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ถือเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง ลดความเสียหาย ไม่ทำให้เสื้อผ้าเหม็นอับ และช่วยทำให้เครื่องใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
2.ใส่ผ้าในปริมาณพอเหมาะ
การซักผ้าด้วยเครื่องอัตโนมัติควร ใส่เสื้อผ้าในปริมาณที่พอเหมาะไม่ควรอัดเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักมากลงไป เกินความจำเป็นเพราะจะทำให้การทำงานมีปัญหา ดังนั้นจึงเลือกวิธีใช้เครื่องซักผ้าด้วยการคัดเสื้อผ้าในปริมาณที่พอเหมาะ คือ 8-12 ตัวต่อการซัก 1 ครั้ง พร้อมการแยกผ้าให้เรียบร้อย ควรแยกเสื้อ, กางเกง และกระโปรง เพื่อทำให้การซักง่ายมากยิ่งขึ้น โดยนำชั้นในหรือผ้าที่มีความบางใส่ภายในถุงตาข่ายแล้วนำไปซัก เพื่อทำให้การปั่นภายในถังไม่หนักมากเกินไป นอกจากนี้เสื้อผ้าที่มีความพิเศษจากการตกแต่งด้วยโลหะ มีกระดุม และมีการตกแต่งด้วยการใช้วัสดุแข็ง จะต้องแยกส่วนซักด้วยมือเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้โลหะเหล่านี้กระแทกกับถังซัก จนอาจกลายเป็นความเสียหาย ซึ่งโลหะต่าง ๆ อาจหลุดและฝังเข้าใต้ถังที่จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้อีกด้วย
3.ตรวจสอบเสื้อผ้าก่อนซัก
ตรวจสอบเสื้อผ้าให้ดีว่ามีเหรียญ, แบงค์ หรือการ์ดที่ค้างอยู่ภายในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาต่อเครื่องซักผ้าได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเหรียญทุกขนาดที่อาจฝังอยู่ใต้เครื่องซักผ้าและก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับมอเตอร์ได้ นอกจากนี้ควรตรวจสอบดูว่ามีวัสดุอื่น ๆ ติดอยู่ภายในเสื้อผ้าหรือกระเป๋าที่คุณกำลังจะซักอีกหรือไม่ เช่น ปากกา, กรรไกรขนาดเล็ก, ไม่บรรทัดเหล็ก, เข็มหมุด, เข็มกลัด, กระดุมโลหะ รวมไปถึงอุปกรณ์ทุกประเภทที่เป็นโลหะ เพื่อป้องกันความเสียหายของถังเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์ที่คุณจำเป็นต้องใช้งาน ถือเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่จะลดเรื่องความเสียหายเป็นหลักและยังช่วยทำให้คุณเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน ต่อการตรวจสอบมากขึ้น
4.ไม่ทิ้งผ้าคาเครื่องนานเกินไป
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ใครหลาย ๆ คนมักจะทำและกลายเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ไม่ถูกต้อง คือ การทิ้งผ้าซักเสร็จแล้วคาเครื่องไว้เป็นเวลายาวนาน บางบ้านอาจจะถึงขั้นลืมจนทิ้งไว้ข้ามวันและกลายเป็นความอับชื้น ที่สะสมอยู่ภายในถังซักจำนวนมาก ทำให้เกิดเป็นเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่จะขึ้นถังได้ง่าย เมื่อมีการสัมภาษณ์ครั้งต่อไป จึงทำให้เกิดกลิ่นอับและทำให้การสวมใส่เกิดปัญหาอาการคันบนผิวหนังได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นให้คุณตั้งเวลาเพื่อเตือน หรือฟังเสียงการแจ้งเตือนของเครื่องซักผ้าให้ดี เมื่อซักเสร็จแล้วควรรีบนำผ้าขึ้นตากทันที หรือไม่ควรให้เกิน 30 นาทีขึ้นไป เพราะจะทำให้กลายเป็นผ้าอับชื้นและสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ไว้ในถัง พร้อมทำให้เกิดปัญหาต่อเครื่องได้ง่ายอีกด้วย
5.ตรวจมอเตอร์เครื่องเสมอ
วิธีใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกต้อง คือ เมื่อเริ่มใช้งานมาในระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ควรทำการตรวจสภาพของเครื่องซักผ้าเป็นประจำ เช่น การดูจังหวะของการปั่นผ้ายังคงเหมือนเดิมหรือไม่, ฟังเสียงภายใน, สังเกตดูปัญหาเรื่องน้ำรั่ว, ตรวจดูว่าถังซักยังคงมีความปกติแค่ไหน และที่สำคัญที่สุดคือการตรวจ Motor กับอะไหล่ เพื่อทำให้คุณได้รู้ทันปัญหาก่อนเครื่องซักผ้าจะเสียหายหนัก แต่ขั้นตอนของการตรวจ Motor ภายใน อาจจะต้องติดต่อกับช่างโดยตรง เพื่อมาตรวจสอบให้ชัดเจน แต่ทั้งนี้คุณสามารถสังเกตได้จากการหมุนที่อาจจะผิดปกติกว่าเดิม หรือการกดใช้งานแล้วอยู่ดี ๆ เครื่องหยุดทำงานเอง ซึ่งวิธีใช้เครื่องซักผ้านี้ จะทำให้คนได้รู้ทันเครื่องของตัวเอง ถ้ามีปัญหาจะได้รีบเปลี่ยนอะไหล่และซ่อมแซมให้เรียบร้อย จึงไม่ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาที่อาจจะพาพังไปทั้งเครื่องได้
6.เปิดฝาเครื่องทิ้งไว้บ้าง
การเปิดฝาถังของเครื่องซักผ้า จะเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ช่วยระบายอากาศและระบายกลิ่นอับต่าง ๆ ได้มากขึ้น จึงช่วยลดเชื้อโรค, เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราได้ดี ดังนั้นหลังซักผ้าเสร็จแล้วควรเปิดถังซักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที นอกจากนี้ควรนำผ้าสะอาดมาเช็ดภายในถัง เพื่อลดการเกิดฝุ่นละอองต่าง ๆ รวมไปถึงการเช็ดคราบสกปรกออก เพื่อทำให้การใช้งานครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพในการซักมากขึ้น พร้อมการนำตัวกรองออกมาทำความสะอาด นำเศษขยะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศษผ้า, เศษทิชชู่, เศษผม หรือเศษคราบสกปรกอื่น ๆ ที่ติดอยู่ออกมาทิ้ง และล้างทำความสะอาดใหม่ เพื่อไม่ทำให้เกิดการอุดตัน จึงทำให้การซักผ้าครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพของการขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น
7.วางเครื่องให้เหมาะสม
จุดวางเครื่องควรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ควรวางชิดกับผนัง เพราะการปั่นหมาดที่เครื่องจะหมุนอย่างหนักอาจจะกระทบต่อผนังและทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องซักผ้าได้ง่าย วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง คือ การกะระยะให้ตัวเครื่องอยู่ห่างจากผนังประมาณ 4 นิ้ว ที่ถือเป็นระยะดีที่สุด พร้อมการตั้งในจุดที่สามารถต่อน้ำเข้า-ออกเครื่องได้อย่างคล่องตัว ไม่มีท่อส่วนใดที่ถูกทับหรือถูกหัก จนอาจทำให้น้ำค้างอยู่ภายในเครื่องเป็นจำนวนมาก พร้อมการเลือกทำเลของการตั้งเครื่องซักผ้าที่จะไม่โดนแดดหรือโดนฝนหนักมากจนเกินไป ไม่อยู่ในจุดที่สัตว์เลี้ยงอาจจะทำลายสายไฟ หรือตัวเครื่องได้ง่าย นอกจากนี้ควรอยู่ในจุดที่จะไม่มีแมลงสาบ หนู หรือแมลงใด ๆ เข้าเครื่อง เพราะสัตว์เหล่านี้จะสามารถเข้าไปได้ลึกถึงตัวเครื่องภายใน จนอาจกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เครื่องซักผ้าเสียหายได้ง่าย ส่วนของการตั้งบริเวณที่มีแสงแดดร้อนเกินไปหรือถูกฝนบ่อยครั้ง อาจจะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพและกลายเป็นสนิมได้ง่าย ดังนั้นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ดีที่สุด คือ การมองหาทำเลวางเครื่องซักผ้าให้เหมาะสม มีอุณหภูมิที่ดี มีหลังคาหรือจุดหลบทั้งแดดและฝน เพื่อทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
8.ใช้ผงซักฟอกให้ถูกต้อง
วิธีใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกต้อง คือ การเลือกผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดเสื้อผ้า รวมไปถึงน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เหมาะสมต่อการใช้กับเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งในปัจจุบันมีการผลิตน้ำยาและผงซักฟอกที่จะระบุไว้อย่างชัดเจน สำหรับการใช้งานร่วมกับเครื่องซักผ้าในประเภทต่าง ๆ เช่น การใช้กับเครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องซักผ้าฝาบน รวมไปถึงการซักด้วยมือ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อมาใช้ให้เหมาะสมที่สุด เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพของการซัก การกำจัดคราบสกปรก และเป็นตัวช่วยถนอมไม่ให้ถังซักเสียหายได้ง่ายจนเกินไป โดยเฉพาะผงซักฟอกและน้ำยาทำความสะอาดที่ถูกระบุว่าเหมาะสำหรับการซักมือ ไม่ควรนำมาใช้กับการเครื่องซักผ้าอย่างเด็ดขาด ถือเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าแบบผิด ๆ เพราะผลิตภัณฑ์สำหรับซักมือ มักจะมาพร้อมฟองที่มีจำนวนมาก จึงส่งผลทำให้เครื่องซักผ้าเกิดความเสียหายได้เร็วกว่าปกติ
9.ตรวจสอบระบบเป็นประจำ
ระบบการใช้งานภายในของเครื่อง จะมีการระบุไว้ด้านหน้าหรือที่เรียกว่ามีเมนูการซักอย่างชัดเจน ดังนั้นให้คุณตรวจสอบดูว่าแต่ละเมนูยังคงใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่? ยังคงให้การปั่นที่มีความคล่องตัวแค่ไหน? พร้อมการตรวจสอบเรื่องระบบของการจ่ายน้ำและการจ่ายไฟ ที่ยังคงเป็นปกติดีหรือไม่? ถ้าในระหว่างการซักพบว่าไฟตัดบ่อยครั้ง หรือซักแล้วมีปัญหาเครื่องดับ บ้างติดบ้างและอาจดับไปเลย นั่นหมายความว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนจากเครื่องซักผ้าที่กำลังจะเสียหายหนัก นอกจากนี้ปัญหาเรื่องไฟดับบ่อยครั้ง อาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องซักผ้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรติดตั้งปั๊มน้ำและถังน้ำไว้ภายในบริเวณบ้าน เพื่อช่วยทำให้การตัดน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว ให้น้ำที่พอเหมาะต่อการใช้งาน สามารถนำน้ำเข้าสู่เครื่องซักผ้าได้ทันต่อการใช้ จึงลดปัญหามอเตอร์ไหม้ได้เป็นอย่างดี
10.ไม่ควรซักบ่อยเกินไป
ภายใน 1 วัน ไม่ควรใช้เครื่องซักผ้าต่อเนื่องหลายครั้งมากจนเกินไป เพราะอาจกลายเป็นการใช้งานที่หนักหน่วง ดังนั้นจึงควรมีการจัดตารางและกำหนดวันในการซักอย่างชัดเจน ควรแยกเสื้อผ้าและเลือกการซักประมาณ 8-12 ชิ้นต่อครั้ง เมื่อสักแล้วควรให้อยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อวันเท่านั้น หรือถ้าเป็นการซักเพียง 1 ครั้งต่อวันจะยิ่งดี เพราะจะทำให้เครื่องไม่ถูกใช้งานหนักมากจนเกินไป ไม่กินไฟ ไม่ทำให้มอเตอร์ต้องร้อนผิดปกติ จึงถือเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่จะถนอมเครื่องได้ดี ที่สำคัญคือการเปลี่ยนโหมดการซักแบบรวดเร็ว มีการปรับเปลี่ยนให้เปิด-ปิด, การเปิดฝาถังขณะใช้งาน หรือเปลี่ยนการปั่นบ่อยครั้ง จะเป็นอีกหนึ่งวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ผิดเป็นอย่างมากและอาจทำให้มอเตอร์ไหม้ได้ง่ายอีกด้วย
11.เลือกโหมดซักให้ถูกต้อง
เครื่องซักผ้าจะมีโหมดการใช้งานที่ถูกทำขึ้นมา เพื่อให้เหมาะสมต่อการซักในแต่ละรูปแบบ ดังนั้นถ้าต้องการวิธีใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกต้อง ควรเลือกใช้ให้ถูกโหมด เช่น ถ้าเป็นการซักผ้านวม ควรเลือกใช้โหมดของการซักผ้านวมโดยเฉพาะ เพื่อทำให้เครื่องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานให้เหมาะสม แต่ถ้าคุณเลือกใช้เป็นการซักเสื้อผ้าปกติ แต่เป็นผ้านวม อาจจะพาให้เครื่องต้องทำงานหนักมากขึ้น และกลายเป็นความเสียหายที่รวดเร็ว โดยโหมดของการซักจะมีโหมดปกติที่จะเป็นการซักเสื้อผ้าทั่วไป หรือการซักผ้าขนหนูและเครื่องนอนที่มีความเบาบาง, โหมดการซักสำหรับผ้านวม ผ้าห่ม หรืออาจจะซักหมอนได้, โหมดการปั่นเร็วและช้าที่เหมาะสำหรับเนื้อผ้าแบบใยสังเคราะห์ หรือผ้าที่จะต้องมีการรีดบ่อยครั้ง, โหมดสำหรับผ้าบอบบางจะเป็นการปั่นช้าลงเพื่อถนอมเนื้อผ้า และโหมดพิเศษต่าง ๆ ที่เครื่องซักผ้าจะใส่มาให้กลายเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจมากขึ้น เช่น การฆ่าเชื้อ, การอบไอน้ำ, การขจัดคราบ และการแช่ผ้า เป็นต้น
12.ไม่เปิดฝาซักระหว่างเครื่องทำงาน
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้และห้ามทำเด็ดขาด เพราะถือเป็นวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ผิดอย่างมาก คือ การเปิดฝาเครื่องในขณะที่กำลังปั่นซักหรือปั่นแห้งอยู่ แม้ว่าเครื่องจะหยุดลง แต่ถ้าทำในลักษณะนี้บ่อยครั้ง จะทำให้วงจรภายในเกิดปัญหากลายเป็นการช็อตและส่งผลทำให้มอเตอร์ไหม้ได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นจึงควรระมัดระวัง ถ้าต้องการใส่ผ้าเพิ่มควรกดหยุดหรือ Stop ก่อน แล้วจึงค่อยเปิดฝาถัง ไม่เช่นนั้นเครื่องซักผ้าของคุณจะเสียอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับทำได้ง่าย ๆ ทั้ง 12 วิธีใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกต้องนี้ จะช่วยทำให้คุณสามารถดูแลเครื่องซักผ้าให้ใช้งานได้ยาวนานที่สุด พร้อมให้การซักที่มีประสิทธิภาพ ไม่เสียหายง่าย ไม่ก่อให้เกิดปัญหากวนใจบ่อยครั้ง พร้อมทำให้เสื้อผ้ามีความสะอาดและมีกลิ่นหอมที่ดีไปตลอดทั้งวันอีกด้วย