ใช้เงินเดือนชนเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินเก็บไม่เคยมี แม้ว่าคุณจะพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่การเก็บเงินในบัญชีก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล แม้มันอาจจะเกิดจากปัจจัยรอบด้านทั้งเรื่องค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร หรือค่าครองชีพต่างๆ ที่ปรับสูงขึ้น แต่คุณก็ยังสามารถเก็บออมได้ด้วยสูตรลับนี้ครับ
40-30-10-10-5-5 คืออะไร
การจัดสรรค่าใช้จ่ายต่างๆ ออกเป็น 5 กลุ่ม โดยที่แต่ละสัดส่วนมนาย์ออฟฟิศทุกคนน่าจะสามารถจัดสรรเงินของตัวเองให้ลงตัวได้ โดยแบ่งออกเป็น
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการอยู่อาศัย 40%
- ค่าอาหาร และค่าเสื้อผ้า 30%
- ค่าเดินทาง 10%
- เก็บออม 10%
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการพักผ่อนและความบันเทิง 5%
- ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ 5%
ลองคำนวณกันง่ายๆ จากฐานเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท บอกไว้ก่อนว่าการเก็บออมเงินจำนวนนี้ได้ไม่จำเป็นต้องทำงานสักระยะหนึ่ง หรือมีเงินเดือนมากกว่า 30,000 บาทขึ้นไปเพราะแม้คุณจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานก็สามารถใช้สูตรนี้ได้เช่นกัน
เงิน 15,000 บาท จะสามารถใช้จ่ายค่าเช่าห้อง ผ่อนคอนโดฯ รวมน้ำ ไฟ ค่าโทรศัพท์ และของใช้ภายในบ้านได้ไม่เกิน 6,000 บาทต่อเดือน (40%) เป็นค่าอาหารและค่าเสื้อผ้าได้ไม่เกิน 4,500 บาทต่อเดือน (30%) หมดเงินกับค่ารถในการเดินทางไปทำงานได้ไม่เกิน 1,500 บาทต่อเดือน (10%) ควรเก็บออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน (10%) จึงจะสามารถดูหนัง ร้องคาราโอเกะ แฮงเอาต์กับเพื่อนฝูงได้ไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน(5%) หากเจ็บป่วย ต้องการซื้อยา หรือหาหมอก็ต้องไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน (5%)
หรือถ้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัยเพื่อนำเงินที่เหลือมาขยับขยายเก็บออมในส่วนอื่นเพิ่มลองมองหาโปรโมชั่นดีๆ อย่าง #AnandaKnockoutDeals ผ่อน 999 บ./ด. ทุกยูนิตนาน 2 ปี แต่งครบ พร้อมอยู่ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ จาก 10 โครงการใกล้รถไฟฟ้า ประหยัดเงินในกระเป๋าไปทำอย่างอื่นได้เยอะ แถมยังสามารถสร้างกำไรให้ตัวเองด้วยการปล่อยเช่าที่อยู่อาศัยในราคาสบายๆ 7-9 กันยายนนี้พบกันได้ที่สำนักงานขายโครงการ หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2MOyYx2
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการออมคือการจด เมื่อจดแล้วเราจะเห็นตัวเลขที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจว่าเราใช้เงินเยอะไปกับสิ่งไหนเกินเปอร์เซนต์ที่ตั้งไว้หรือไม่ ควรวางแผนการใช้เงินต่อไปอย่างไรให้ดีกว่าเดิม
ถ้าวิธีการออมนี้ไม่พอใช้สำหรับใครบางคนที่ทำงานอยู่ในเมือง คุณไม่เพียงแต่ต้องมองหาหนทางในการใช้เงินที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ต้องคิดตามเปอร์เซ็นต์ข้างต้นว่าพอใช้หรือไม่เมื่อเทียบกับรายได้ หากไม่พอ… ลองสร้างรายได้อื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากเวลางาน อาจเป็นงานอดิเรกที่เราถนัด ก็ช่วยเพิ่มเงินสำหรับเก็บออมได้เช่นกัน