“บ้าน” เป็นที่พักอาศัย ที่ซุกหัวนอน ที่พักใจ เวลาที่เราเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน อย่างน้อยถ้าเรามีบ้านเป็นของตัวเองก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่า เรามีที่พักพิง หลายคนคงไม่อยากแก่ไปโดยไม่มีบ้าน เรามาดูกันว่าเราไม่ควรทำอะไรบ้างหากอยากมีบ้านก่อนอายุ 30
ประการแรก “หยุดการใช้จ่ายโดยไม่คิด”
ถ้าเราอยากมีบ้าน เราต้องมีเงินเก็บ เงินดาวน์บ้าน เงินผ่อนบ้าน หรือบางคนอาจซื้อบ้านเป็นเงินสด (ซึ่งในยุคนี้มีน้อยมาก) เราก็ต้องเริ่มคิดที่จะเก็บเงินสำหรับการเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกเสียที บางคนเงินเดือนมาก็หมดตั้งแต่ยังไม่กดออกจากเอทีเอ็มซะแล้ว แบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ และห่างไกลจากการเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกไปทุกที
การใช้จ่ายโดยไม่คิด แก้ไขด้วยการวางแผนทางการเงิน ก่อนที่เราจะใช้จ่ายอะไรออกไป ควรแบ่งเงินมาเก็บไว้ก่อนอย่างน้อย 10-20% หมายความว่าถ้าเรามีรายรับเดือนละ 20,000 บาท เราควรเก็บเงินอย่างน้อยที่สุด 2,000 บาทต่อเดือน ถ้าเก็บได้เท่านี้ 1 ปี = 24,000 บาท เมื่อเรามีเงินเดือนมากขึ้นก็แบ่งเก็บมากขึ้นตามสัดส่วน ถ้าเงินเดือนเราเพื่อขึ้นทุกปีปีละ 5-10% เราจะมีเงินเก็บหลักแสนได้ภายในไม่เกิน 5 ปี
ประการที่สอง “หารายได้หลายๆ ทาง”
เมื่อเราอายุยังน้อย ยังมีกำลังวังชา เราสามารถทำอาชีพเสริม ใช้เวลาว่างให้เกิดกระแสเงินสด ยิ่งในยุคนี้มีเทคโนโลยีช่วย ยิ่งง่ายกว่าในอดีตมากมาย การที่เรามีรายไดหลายๆ ทางจะช่วยให้เงินของเรางอกเงยเร็วขึ้น จากที่เคยเก็บได้แค่เดือนละ 2,000 บาท อาจเก็บได้มากถึงเดือนละ 4,000 บาท นั่นหมายความว่าในหนึ่งปีเราอาจเก็บได้มากถึง 48,000 บาท ทำแบบนี้ได้ไม่เกิน 3 ปี เราได้เห็นเงินแสนแน่นอน
ประการที่สาม “วางแผนอนาคตซะ! อย่าใช้ชีวิตไปวันๆ”
คนเราถ้าใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่วางแผน เราก็จะเดินแบบไร้ทิศทาง การใช้ชีวิตไปวันๆ เราจะมองไม่เห็นเลยว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง หลายคนคงได้ยินคำว่า “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโครต” ประโยคนี้หมายความว่าเราควรกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต วางแผนชีวิต และรีบลงมือทำตั้งแต่ยังหนุ่ม ยังสาว คงเคยเห็นคนที่ล้มเหลวตอนแก่ มันไม่สนุกอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าแก่ไปแล้วไม่มีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง ยังต้องอาศัยเขาอยู่ ต้องเช่าเขาอยู่คงดูไม่จืดเลยทีเดียว ความทุกข์มันจะ “คับอก” อยากทำให้ดีกว่านี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว
ประการที่สี่ “หมั่นศึกษาทำเลดีๆ ทำเลที่มีอนาคต”
แม้เรายังไม่มีเงินทองในวันนี้ แต่ถ้าเรามุ่งมั่นเราจะมีเงินทองมากมายในอนาคต ดังนั้นการที่เราเดินทางไปดูอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ ทำเล จะช่วยเปิดมุมมองให้กับเราเป็นอย่างดี บางคนอาจคิดแค่อยากมีบ้านก่อนอายุ 30 แต่บางคนอาจคิดไกลไปกว่านั้น จะเป็นนักลงทุนอสังหาฯ หรือประกอบกิจการเกี่ยวกับอสังหาฯ ดังนั้นการเดินทางออกไปดูทำเลดีๆ รับรองว่าเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าชีวิตแน่นอน
ประการสุดท้าย “อย่าหยุดฝัน”
คนเราถ้าไร้ซึ่งความฝัน ก็เหมือนคนตายไปแล้วไร้ซึ่งจิตวิญญาณ การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าได้แม้วันนี้มันอาจจะมืดแสนมืด เราต้องใช้ความฝันนำทาง ความฝันเป็นดังดาวดวงใหม่ที่เราจะข้ามไป เป็นแสงสว่างนำทาง เราไม่ควรหยุดฝัน หยุดคิดได้ แต่ไม่หยุดฝัน ความฝันจะเป็นเจ้าของบ้านซักหลังจะเป็นความจริงได้ถ้าเราไม่หยุดนิ่ง สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยก็คือ ทำตัวไปวันๆ แบบไร้ซึ่งความฝัน เริ่มคิด เริ่มฝัน และลงมือทำทันทีเลยครับ อย่ารอ
