Article by Veedvil
ช่วงปี 2014-2015 ที่ผ่านมาหลายคนคงได้เห็นเพื่อนหรือคนรอบข้างของเรามีเจ้าอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพสวมใส่อยู่บ้าง หนึ่งในนั้นก็คือเจ้าสายรัดข้อมือยี่ห้อ Fitbit แบรนด์ที่มาจับตลาด Internet of Things ก่อนใครซึ่งทำยอดขายไปได้ถึง 4.4 ล้านชิ้นในปี 2015 และหลังจากนั้นก็มีอีกหลากหลายแบรนด์ทยอยกันเปิดตัวกันออกมาซึ่งทำให้ตลาดอุปกรณ์ Wearable device เติบโตกว่า 223% ในปี 2015
Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะที่กล้าประกาศว่าจะทำให้อุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาของสวิตสั่นคลอน
หนึ่งในบริษัทที่ว่ากันว่าเก็บความลับของผลิตภัณฑ์ตัวเองได้ดีที่สุดบริษัทหนึ่งของโลกอย่าง Apple สร้างความฮือฮาให้กับโลกอีกครั้งเมื่อเปิดตัวนาฬิกา Apple Watch ออกมาเมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี 2015 และขายได้กว่า 3.6 ล้านเรือนเมื่อจบสิ้นปี โดยในช่วงที่เปิดตัวนั้น Tim Cook และทีมงานให้สัมภาษณ์ว่า Apple Watch นั้นจะทำให้วงการนาฬิกาหรูหรือ Swiss made นั้นสั่นคลอนเลยทีเดียว เพราะมันจะทำให้ผู้คนหันมาสวนใส่นาฬิกาอัจฉริยะชิ้นนี้แทนนาฬิกาหรูจากประเทศสวิตแทน ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่เดือนบรรดาค่ายผู้ผลิตนาฬิกาหรูในสวิตก็ได้ออกนาฬิกาอัจฉริยะหรือ Smart Watch ตามกันมาเลยทีเดียว
อย่างเช่นแบรนด์นาฬกาดังอย่าง TAG Heuer ที่ได้จับมือกับทาง Google ที่พัฒนา Android Wear ระบบปฏิบัติการสำหรับ Smart Devices อย่างนาฬิกาในไปใช้ และบริษัท Intel ในการพัฒนาชิปประมวลผลให้นาฬิกา TAG Heuer Connected มาสู้กับ Apple เมื่อสิ้นปี 2015 และยังมีแบรนด์นาฬิกาอีกหลายแบรนด์ก็มีจัดทำแผนการผลิตนาฬิกาอัจฉริยะออกมาขายแข่งในตลาดนี้ด้วยเช่นกัน
วิดีโอเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะ TAG Heuer Connected
“เสื้อผ้าอัจฉริยะ” อีกหนึ่งเทรนด์ของการออกแบบอุปกรณ์เพื่อสวมใส่ Wearable device
Internet of Things ไม่หยุดอยู่ที่การออกแบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นใหม่ๆมาให้เราได้เท่านั้น แต่อย่างกับเสื้อผ้าที่เราสวมใส่กันอยู่ทุกวันก็มีการพัฒนาต่อยอดไปด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดทาง Intel ก็ได้ร่วมมือกับสองพี่น้องนักออกแบบเสื้อผ้า Ezra Çetin และ Tuba Çeti ทำการออกแบบชุดเดรสสุดล้ำที่ชื่อว่า Butterfly Dress โดยใช้ Wearable technology จาก Intel ใส่เข้าไปในชุดนี้
วิดีโอเบื้องหลังการออกแบบชุด Butterfly Dress จาก Intel
เมื่อชมวิดีโอชุด Butterfly Dress จบไปแล้วเราคงคิดออกแล้วว่าในอนาคตจะมีแบรนด์เสื้อผ้าอีกหลายแบรนด์ออกแบบเสื้อผ้าอัจฉริยะกันออกมากันอีกแน่นอน เดากันได้เลยว่าต่อไปเราจะได้เห็นเสื้อ T-Shirt ที่เปลี่ยนลวดลายบนเสื้อได้เองตามต้องการ และร้านรับสกรีนเสื้อ T-Shirt อาจจะต้องปรับตัวไปรับออกแบบลายลงบนเสื้อ T-Shirt อัจฉริยะแทน หรือเสื้อผ้าที่อาจจะแจ้งให้ร้านซักรีดมารับผ้าไปซักโดยที่เราไม่ต้องบอกอะไรเพราะมันอาจจะรู้สถานะของเสื้อตัวนั้นๆแล้วว่าถึงเวลาจะต้องถูกส่งไปซักแล้ว
ซึ่งความอัจฉริยะที่เกิดจากนำ Wearable technology มาพัฒนาเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์สวมใส่เหล่านี้จะทำให้โลกในยุคของ Internet of Things ในชีวิตประจำวันของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ปัจจุบันในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มได้มีการเรียกการพัฒนาเสื้อผ้าอัจฉริยะนี้ว่า Smart Clothing โดยในวงการออกกำลังกายหรือฟิตเนตก็เริ่มนำ Wearable technology มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองกันมากอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างแบรนด์เสื้อผ้าชื้อดัง Ralph Lauren ก็ได้มีการเปิดตัวเสื้อผ้ารุ่น The Polo Tech Shirt ทีมีการนำเอาเทคโนโลยีการทอผ้าแบบใหม่ที่ใส่ Wearable technology ลงไปในขั้นตอนการทอผ้า ซึ่งได้นำเส้นไฟเบอร์เงิน (biosensing silver fibers) ใส่เข้าไปด้วยซึ่งเจ้าเส้นไฟเบอร์เงินที่ใส่เข้าไปนั้นจะทำการเก็บข้อมูล Biometric ของผู้สวมใส่เสื้อตัวนี้มาวิเคราะห์ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่ทาง Ralph Lauren ได้ทำการออกแบบและวิเคราะห์ข้อมูลเอาไว้ให้ผู้สวมใส่ได้ดูข้อมูล calories ที่เผาผลานออกไปขณะสวมเสื้อ Polo Tech Shirt ตัวนี้หรือข้อมูลการเคลื่อนไหวต่างๆขณะออกกำลังกาย
เสื้อออกกำลังกายอัจฉริยะ The Polo Tech Shirt
ภาพหน้าจอแอพพลิเคชั่น The Polo Tech Shirt
วิดีโอสาธิตการทำงานของ Smart Clothing จากแบรนด์ Ralph Lauren
ยังมีอีกหลายแบรนด์อย่าง Heddoko (https://www.youtube.com/watch?v=9X_I6BvCjdk) และแบรนด์ Hexoskin(https://www.youtube.com/watch?v=sjcfHGaZ18Q) ที่มีการพัฒนาเสื้อผ้าสำหรับใส่ออกกำลังกายของตัวเองให้สามารถวัดผลการออกกำลังกายขณะสวมใส่เสื้อผ้าอัจฉริยะนั้นเอาไว้และนำไปประมวลผลร่วมกับแอพบนสมาร์ทโฟนให้ผู้ใช้สามารถดูผลลัพธ์และการประเมินผลได้อย่างแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากชุดออกกำลังกายอัจฉริยะแล้วก็ยังมี Startup หน้าใหม่ที่คิดค้นชุดเสื้อผ้าเด็กอัจฉริยะออกมาด้วยโดยออกแบบชุดเด็กอ่อนให้วิเคราะห์ข้อมูลของเด็กว่ามีพัฒนาการเติบโตไปอย่างไรหรือมีอาการผิดปกติหรือเจ็บป่วยอย่างไรบ้าง โดยชุดที่เด็กสวมใส่จะมีเซ็นเซอร์จับข้อมูลอุณหภูมิของตัวเด็กและการเคลื่อนไหวของเด็กส่งไปยังแอพพลิเคชั่นของพ่อแม่เพื่อให้ทราบถึงภาวะของลูกในแต่ละช่วงเวลาเพื่อให้พ่อแม่นั้นเห็นพัฒนาการและข้อมูลต่างๆของลูกได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วขึ้น เพราะบางครั้งพ่อแม่อาจจะไม่ทราบสาเหตุมาก่อน
ติดตามบทความน่ารู้สุดคูลสำหรับชาว GEN-C ได้ทุกเดือนทาง THE GEN-C Urban Living Solution Blog
#Anandaurbanconvenient
