ถ้าพูดถึงผลไม้ที่รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ทานสดแช่เย็นก็สดชื่น หรือจะนำมาเป็นส่วนประกอบของเมนูไหน ๆ ก็อร่อยสดชื่น หลายคนน่าจะนึกถึง ‘มะยงชิด’ ผลไม้ยอดฮิตหน้าร้อนให้ผลผลิตมาก และสามารถหาทานได้ง่ายในช่วงฤดูร้อน
ซึ่งในช่วงซัมเมอร์ของทุก ๆ ปี เรามักจะเห็น มะยงชิด ถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารคาว-อาหารหวานมากมาย และถูกนำเสนอเป็น Special Menu อยู่ในร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ ร้านขนมหวาน หรือแม้กระทั่งคาเฟ่ชิล ๆ ที่จำหน่ายขนมโฮมเมดนั่นเอง ซึ่งนอกจากความอร่อยแล้ว มะยงชิด ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย และวันนี้ Ananda ก็รวบรวมมาให้ทุกคนได้รู้จักกัน ตามไปดูกันได้เลย
มะยงชิด เป็นผลไม้ฤดูร้อนที่ขึ้นชื่อของไทย และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดนครนายก เป็น ‘มะยงชิดนครนายก’ หมายถึงการได้รับตราสัญลักษณ์ที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว
มะยงชิด มีประโยชน์มากกว่าที่คิด ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวอมหวาน รวมไปถึงเป็นผลไม้สีส้มเหลืองจึงอุดมไปด้วยประโยชน์ดี ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- วิตามินซีสูง เสริมสร้างภูมิต้านทาน และป้องกันหวัดได้
- มีเบตาแคโรทีน ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา
- มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
- และเป็นผลไม้ที่ให้ความสดชื่น คลายร้อนได้อย่างดี
แต่ทั้งนี้ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน และสำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางรายต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมะยงชิดเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง อาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้
รู้จักถึงประโยชน์ของ มะยงชิด กันเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือ ‘การทาน’ ซึ่งวิธีการที่ง่ายที่สุดคือการปอกเปลือกมะยงชิดพร้อมคว้านเมล็ดออกให้เกลี้ยง แน่นอนว่าเป็นวิธีปราบเซียนของเพื่อน ๆ หลายคนเลย ใครที่อยากรู้วิธีการปอกเตรียมตัวจดได้เลย!
- ขั้นตอนแรกเลือก มะยงชิด ที่สุกแล้ว เป็นผลสีเหลืองส้มและมีกลิ่นหอม
- เตรียมมีดคว้านผลไม้ ลับให้คมกริบ เพราะเป็นข้อสำคัญที่จะทำให้ มะยงชิด ไม่ดำและออกมาประณีตสวยงาม
- ปอกเปลือกด้านนอกของ มะยงชิด และตัดขั้วออกให้หมด
- ใช้ปลายมีดคว้านผลไม้ จิ้มลงไปให้เป็นวงกลมรอบขั้วที่ตัดทิ้ง
- จากนั้นทำการเซาะเมล็ด 3 รอบ โดยรอบแรกเซาะและหมุนแบบตื้น ๆ และเพิ่มความลึกลงในรอบสองและรอบสาม
- กลับด้านมะยงชิดบากตรงสันเมล็ดให้ลึก จากนั้นเซาะให้เนื้อกับเมล็ดแยกกัน
- จากนั้นกลับด้านมะยงชิดอีกครั้ง และใช้มือดันเมล็ดออกเป็นอันเสร็จสิ้น
เป็นขั้นตอนที่ต้องระมัดระวังและเบามือที่สุดไม่งั้น มะยงชิด อาจจะช้ำจนไม่น่าทาน แต่สำหรับเพื่อน ๆ Gen C ที่ต้องการความสะดวกสบาย ทานง่ายรวดเร็ว เราแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ ‘เจาะแกนผลไม้’ เจาะเมล็ดออกได้เลย
เมื่อได้ ‘มะยงชิด’ ที่ปอกเปลือกคว้านเมล็ดมาเรียบร้อย คราวนี้เพื่อน ๆ ก็สามารถช้อยส์ เลือกวิธีการทานได้เลยตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็น
- ทานแบบสด นำมะยงชิดใส่กล่องสุญญากาศ นำเข้าตู้เย็นแช่ไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงก็จะได้มะยงชิดที่เย็นชื่นใจพร้อมทานแล้ว
- มะยงชิดลอยแก้ว เพิ่มความแอดวานซ์ด้วยการนำมะยงชิดแช่ในน้ำเชื่อมนานข้ามคืน หรือนาน 6-8 ชั่วโมง
ดูสูตรและวิธีการทำได้ที่: https://www.wongnai.com/recipes/sweet-preserved-marian-plum - ชีสทาร์ตมะยงชิด เมนูฮิตของทุกร้าน เป็นความเข้ากันของรสชาติเปรี้ยวอมหวาน และความหอมมันของชีสทาร์ตบอกเลยว่าห้ามพลาดสำหรับเมนูนี้
ดูสูตรและวิธีการทำได้ที่: https://krua.co/recipe/mayong-chid-cheese-pie - ยำมะยงชิด สายแซ่บต้องไม่พลาดนำมะยงชิดมาปรุงกับน้ำยำสูตรตามชอบ พร้อมทานเป็นมื้อเย็นปิดวันแบบฟินๆ
ดูสูตรและวิธีการทำได้ที่: https://krua.co/recipe/spicy-mango-chid-salad - ม้าฮ่อมะยงชิด เป็นการปรับเปลี่ยนเมนูฤดูร้อนโบราณตามผลไม้แต่ละฤดูกาลนั่นเอง
ดูสูตรและวิธีการทำได้ที่: https://www.wongnai.com/recipes/plango-with-pork-filling