NOTE:
– “สรรเสริญพระบารมี” เคยถูกใช้เป็นเพลงชาติของประเทศไทยในระหว่างปี พ.ศ. 2431 – 2475
– ก่อนหน้าที่จะมีเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น ประเทศไทยได้ใช้เพลง “God Save the King” ของสหราชอาณาจักร เป็นบทเพลงบรรเลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์
– “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์” ทรงเป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องประกอบทำนองของเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นในปี พ.ศ. 2431
ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่พสกนิกรทุกคนในประเทศต้องร้องได้สำหรับ “เพลงสรรเสริญพระบารมี” บทเพลงเพื่อสรรเสริญพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ของไทย แต่ใครจะรู้ว่าในอดีตเพลงนี้เคยถูกใช้แทนเพลงชาติไทยในช่วงปี พ.ศ. 2431 – 2475 ซึ่งตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นต้นมา
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยจุดเริ่มต้นของบทเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น สืบเนื่องมาตั้งแต่ในสมัย “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” (รัชกาลที่ 4) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการใช้เพลง “God Save the King” ในการบรรเลงถวายความเคารพแด่องค์กษัตริย์ตามแบบอย่างธรรมเนียมการฝึกทหารจากทางฝั่งสหราชอาณาจักร ครั้นเมื่อถึงรัชสมัยของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” (รัชกาลที่ 5) ที่มีการเดินทางติดต่อกับต่างแดน เช่นการเสด็จประพาสเกาะชวาและเมืองสิงคโปร์ในช่วงปี พ.ศ. 2414 ทหารที่นั่นก็ได้ใช้เพลง God Save the King บรรเลงเป็นเพลงพระเกียรติเพื่อรับเสด็จเช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและซ้ำซ้อนกันนี้ พระองค์จึงมีพระราชดำริแก่ครูดนตรีไทยให้แต่งเพลงรับเสด็จขึ้นใหม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร)
ซึ่งในช่วงเริ่มของเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้นใช้ “เพลงบุหลันลอยเลื่อน” ที่มีการเรียบเรียบทำนองดนตรีขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2414 ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาใช้ทำนองเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ “พระประดิษฐไพเราะ” (มี ดุริยางกูร) ได้ดัดแปลงมาจากเพลงสรรเสริญนารายณ์ของเก่าแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายในปี พ.ศ. 2416 แทน โดยในปี 2431 “ปโยตร์ ชูรอฟสกี้” นักประพันธ์ดนตรีชาวรัสเซียได้นำมาเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับดนตรีตะวันตก และ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์” ได้ทรงนิพนธ์เนื้อร้องประกอบทำนองพร้อมออกบรรเลงต่อหน้าสาธารณะชนครั้งแรกที่ศาลายุทธนาธิการ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
ทั้งนี้เนื้อร้องของเพลงสรรเสริญพระบารมีในปัจจุบันนั้น พระองค์ได้ทรงนิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร” และได้มีการดัดแปลงเนื้อความตอนท้ายจากคำว่า “ฉะนี้” เป็น “ชโย” ในสมัยรัชกาลที่ 6
ภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพลงสรรเสริญพระบารมีจึงไม่ได้ถูกใช้ในฐานะเพลงชาติไทยอีกต่อไป แต่ยังคงเป็นเพลงที่แสดงถึงการสรรเสริญพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทยจวบจนถึงในปัจจุบัน ซึ่งในหนังสือ “คุณานุคุณไตรภาค” ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ถอดความหมายของเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งหมดไว้ดังต่อไปนี้
ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบถวายบังคมด้วยหัวใจและด้วยเศียรเกล้า
[ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน]
แด่พระผู้อภิบาลรักษาแผ่นดิน ผู้เพียบพร้อมด้วยบุญคือคุณความดีอันรุ่งเรือง
[นบพระภูมิบาล บุญดิเรก]
ทรงเป็นที่หนึ่ง และทรงเป็นที่สุดในบรรดาผู้มีจักรคือพระราชาทั้งปวง ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในสยาม มีพระเกียรติยศอย่างยอดยิ่งและยั่งยืน
[เอกบรมจักริน พระสยามินทร์ พระยศยิ่งยง]
ความร่มเย็นที่อยู่เหนือหัว(ราษฏร)ก็เพราะพระองค์ทรงดูแลรักษา
[เย็นศิระเพราะพระบริบาล]
ผลแห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้รักษาป้องกัน
[ผลพระคุณ ธ รักษา]
ประชาราษฎร์ทั้งปวงให้เป็นสุขและสันติ
[ปวงประชาเป็นสุขศานต์]
ขอจงดลบันดาลให้สิ่งที่พระองค์ต้องพระราชประสงค์ สำเร็จผลสมดังที่ทรงตั้งพระราชหฤทัย
[ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดังหวังวรหฤทัย]
เหมือนชัยมงคลที่ถวายมานี้เทอญ
[ดุจจะถวายชัย ชโย]
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก: https://th.wikipedia.org/wiki/สรรเสริญพระบารมี , http://www.majorcineplex.com