NOTE:
– “อโศก” ย่านเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยคาเฟ่ร้านกาแฟ และร้านอาหารชั้นนำไว้มากมาย ตั้งแต่คาเฟ่ดีไซน์เก๋เอาใจวัยรุ่น ไปจนถึงร้านอาหารไทยรสอร่อย
– “อโศก” เป็นย่านที่เรียกว่า zero ground เพราะเชื่อมรถไฟฟ้า 2 สายเข้าด้วยกัน คือ MRT สถานีสุขุมวิทกับ BTS สถานีอโศก แถมยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Terminal 21 อีกด้วย
– ย่านอโศก จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตตามแบบฉบับ Urban Living ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง และตั้งอยู่ใจกลางเมืองอีกด้วย
เมื่อกล่าวถึง ‘อโศก’ หลายคนนึกถึงห้างสรรพสินค้าดังอย่าง Terminal 21 แถมถัดไปอีกไม่ไกลเพียงหนึ่งสถานีรถไฟฟ้า ยังมีห้างสรรพสินค้าหรูอย่าง Emporium และ EM quartier จึงไม่แปลกหากพื้นที่ย่านดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ธุรกิจใจกลางเมืองที่น่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน
แต่หากถามว่ามีอะไรอร่อยให้ลิ้มลองบ้าง เชื่อว่าคุณคงต้องใช้เวลาคิดหาคำตอบกัน ด้วยเพราะย่าน ‘อโศก’ เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ซ่อนตัวอยู่มากมาย วันนี้เราจึงได้คัด 6 ร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีดีเรื่องความอร่อย แถมด้วยบรรยากาศชิคๆ ที่ถูกใจใครหลายคนมาฝากกัน!!
01. Storyline
คาเฟ่กึ่ง co-working space ในซอยสุขุมวิท 39 กับการตกแต่งที่เรียบง่าย แต่แฝงความเก๋เอาไว้อย่างลงตัวจากวัสดุ 3 สไตล์ ทั้งความเท่จากปูนเปลือยขัดมัน เจือความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และแฝงความหรูหราด้วยหินอ่อนสีขาว–ดำ ออกแบบให้ชั้นสองเป็นพื้นที่ co-working space ที่เจือกลิ่นอายศิลปะด้วยภาพถ่ายที่นำมาจัดแสดงเป็นแกลเลอรี่ขนาดย่อม จึงไม่แปลกหาก Storyline แห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เหมาะให้เรานั่งเล่นยามว่าง หรือจะมาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งทำงานก็คูลไม่แพ้กัน
ส่วนเมนูความอร่อย Storyline เอาใจคนเมืองตื่นสายอย่างเราด้วยเมนูบลันซ์อย่าง “French Toast” (160 บาท) ขนมปังชุบไข่ที่นำไปทอดจนเหลืองกรอบเคียงด้วยเบคอนทอดกรอบรสเค็ม ตัดรสเค็มด้วยกล้วยหอมและส้ม เป็นเมนูบลันซ์เบาๆ ที่เหมาะกับการทานคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดอย่าง “Iced Matcha Latte” (110 บาท) ที่เข้มข้นด้วยรสชาเขียวหวานกำลังดี หรือถ้าชอบเข้มๆ ต้องลอง “Americano” (90 บาท) ก็เข้ากัน
พิกัด: ซอยพร้อมศรี 1 สุขุมวิท 39
เวลา: เปิดทุกวัน 8.30 – 21.30 น.
02. Tealily Cafe
คาเฟ่สีขาวที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 49/1 เหมาะสำหรับคนชอบ ‘ชา’ และหลงใหลในเสน่ห์แบบ ‘ญี่ปุ่น’ กับบรรยากาศเสมือนไปเยือนบ้านเพื่อน เพราะ Tealily Café ได้แปลงบ้านพักอาศัยมาเป็นพื้นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนและคนสนิท ที่นี่จึงอบอวลด้วยบรรยากาศความเป็นกันเอง แถมยังเจือกลิ่นอายความเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นชวนให้เราผ่อนคลาย และยังมีเจ้าเหมียวสก็อตติชหูพับ ‘โมจิ’ มาเอาใจทาสแมวอีกด้วย
เมนูความอร่อยคงหนีไม่พ้นเมนู ‘ชา’ ซึ่งเจ้าของร้านผู้หลงใหลชาได้คัดสรรชามัทฉะ ส่งตรงจากเกียวโตมาโดยเฉพาะ “Iced Houjicha” (125 บาท) เครื่องดื่มจากใบชาโฮจิฉะที่มีกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์จากใบชาที่นำไปคั่วจนไหม้กลายเป็นสีน้ำตาล เมื่อนำไปชงจะได้กลิ่นหอมไหม้และรสขมเล็กๆ ของใบชา แนะนำให้ทานคู่กับ “Matcha Brownie” (130 บาท) บราวนี่ชาเขียวที่ทั้งหอมและเข้มข้นที่มีรสหวานกำลังดี เพิ่มความอร่อยด้วยชามัจฉะเข้มข้น เป็นเมนูขนมหวานที่รับรองว่าคนชอบชาเขียวต้องติดใจไม่รู้ลืม
พิกัด: ซอยสุขุมวิท 49/1
เวลา: เปิดจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.30 – 18.30 น. และเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9.30 – 18.30 น. (หยุดวันพุธ)
03. Meat Bar 31
ร้านอาหารของคนรักสเต็กในซอยสุขุมวิท 31 กับบรรยากาศสบายๆ ในโทนสีขาวชวนนั่ง เสริมบรรยากาศโปร่งโล่งด้วยกระจก ไม่ลืมเพิ่มความสดชื่นและความเป็นกันเองด้วยสีเขียวจากไม้ประดับที่ห้อยตามเพดาน โดยมีจุดดึงสายตาอยู่ที่รูปวัวขนาดใหญ่ที่เพ้นท์บนผนังสีขาว เพื่อสื่อถึงอาหารจานเด่นของร้าน เพิ่มกลิ่นอายความคลาสสิกด้วยดนตรีแจ๊ส ทำให้ Meat Bar 31 กลายเป็นร้านอาหารบรรยากาศดีที่ให้เราละเมียดละไมสเต็กจานอร่อยได้อย่างไม่เคอะเขิน
ที่นี่มีหลากหลายเมนูให้เลือกชิม ทั้งสเต็กเนื้อ สเต็กหมู และสเต็กปลา โดยความพิเศษของที่นี่คือ การย่างเนื้อด้วยหินลาวา ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถจุความร้อนได้สูงกว่าถ่านหรือเตาแก๊สทั่วไป จึงได้สเต็กที่มี Crust สีน้ำตาลอยู่ภายนอก ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งความชุ่มฉ่ำ โดยเมนูที่เราอยากแนะนำในวันนี้เป็นสเต็กปลาเนื้อขาวนุ่ม แต่กรอบนอกอย่าง “Baked Fish & Chip” (580 บาท) เสิร์ฟคู่กับซอสสูตรพิเศษของร้าน ทานคู่กับสลัดจานโตอย่าง “Classic Caesar Salad with 36 °C Onsen Egg” (280 บาท) สลัดซีซาร์ที่อร่อยด้วยผัดสลัดที่ทั้งสดและกรอบ โรยด้วยซีส ขนมปังกรอบ และเบคอนทอดกรอบ เสิร์ฟคู่กับไข่ออนเซ็น เป็นอีกหนึ่งมื้อที่ชวนอิ่มเอมทั้งกายและใจอย่างแน่นอน
พิกัด: ซอยสุขุมวิท 31
เวลา: เปิดจันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.00 – 23.00 น. และเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 14.00 น. และ 18.00 – 23.00 น.
04. Sansumran at San Saab
‘แสนสำราญที่แสนแสบ’ ร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูอาหารไทยง่ายๆ แต่ความอร่อยไม่ธรรมดาในซอยสุขุมวิท 31 ติดกับคลองแสนแสบในบรรยากาศที่ชวนให้คิดถึง ‘บ้าน’ มากกว่าร้านอาหาร เพราะเจ้าของร้านตั้งใจออกแบบอาคารหลังนี้ให้เป็นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโซนโต๊ะญี่ปุ่นที่วางหมอนใบนุ่มกับชั้นหนังสือชวนให้คิดถึงห้องนั่งเล่น หรือการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ที่เว้น space เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้า อีกทั้งเสริมความเป็นบ้านด้วยบรรยากาศร่มรื่นชวนผ่อนคลายจากสวนริมคลอง โดยมีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่และไม้ประดับล้อมรอบอาคาร
ความอร่อยของที่นี่คงหนีไม่พ้นเมนูอาหารไทยสูตรลับเฉพาะของเจ้าของร้าน แม้จะเป็นเมนูอาหารไทยที่เราคุ้นเคย แต่รับรองความอร่อยได้ทุกจาน ไม่ว่าจะเป็นเมนู “ปลากะพงต้มมะนาวพริกขี้หนู” (200 บาท) ที่ให้รสจัดจ้านแบบกลมกล่อม เติมอรรถรสด้วยปลากะพงสดเนื้อขาว ปรุงรสด้วยน้ำปลา พริก มะนาว ทานกับข้าวสวยร้อนๆ หมดจานโดยไม่รู้ตัว อีกหนึ่งเมนูแนะนำคือ “ยำถั่วพู” (180 บาท) ที่ต้องบอกว่าครบเครื่อง โดยเฉพาะถั่วพูอ่อนที่กรุบกรอบ โรยด้วยหอมกับกระเทียมที่เจียวจนได้สีเหลืองนวล เพิ่มรสชาติด้วยน้ำยำสูตรลับเฉพาะของร้าน ปิดท้ายกันด้วยเมนูทานเล่นเบาๆ อย่าง “ข้าวตังหน้าตั้ง” (95 บาท) นอกจากข้าวตังที่ทั้งกรอบและหอม จัดแบ่งให้ทานง่ายพอดีคำแล้ว น้ำจิ้มหรือน้ำพริกที่เสิร์ฟพร้อมกันก็อร่อยไม่แพ้เมนูอื่น แน่นอนว่าอาหารทุกจานมีสูตรลับของทางร้าน ซึ่งเป็นเคล็ดลับความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร
พิกัด: ซอยสุขุมวิท 31
เวลา: เปิดอังคาร – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 23.00 น. หยุดวันจันทร์
05. El Gaucho
ใครหลายคนคงคุ้นเคยกับ Steakhouse แห่งนี้ เพราะ El Gaucho มีสาขาหลายแห่งในต่างประเทศทั้งอเมริกา, อังกฤษ และเวียดนาม ความโด่งดังของร้านนี้นอกจากการเสิร์ฟเนื้อคุณภาพดีแล้ว ยังให้บรรยากาศคุ้นตาที่มักเห็นจากภาพยนตร์ตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งในโทนสีเข้มด้วยอิฐมอญสีส้ม ตัดดัวยสีเทาเข้มของปูนเปลือยและเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลเข้ม เสริมเสน่ห์ให้น่าหลงใหลด้วยหลอดไฟที่เล่นระดับรอบบาร์
แน่นอนว่าเมนูอร่อยของที่นี่คงไม่พ้นสเต็กเนื้อที่พรีเมียมคัดเกรดอย่างดี นำมาเสิร์ฟให้คนรักสเต็กเนื้อได้ทาน หากใครไม่ทานเนื้อ ที่นี่ยังมีสเต็กเมนูอื่นๆ ที่รสชาติอร่อยไม่แพ้กัน อย่าง “Grilled Kurobuta Pork Chop” (890 บาท) สเต็กหมูดำคุโรบุระเนื้อแน่นแต่ไม่เหนียว เสิร์ฟคู่กับมันบดรสหวาน โดย Steakhouse ร้านนี้จะเน้นรสชาติของเนื้อเป็นหลัก จึงไม่มีซอสเสิร์ฟมาด้วย แต่หากคุณต้องการก็สามารถสั่งเพิ่มได้ อีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำให้ลองคือ “Spaghetti Pomodoro” (450 บาท) สปาเก็ตตี้จานโตรสกลมกล่อมที่ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศสูตรลับของร้าน เสิร์ฟคู่กับซีสเพิ่มความอร่อย
พิกัด: ซอยสุขุมวิท 19
เวลา: เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 24.00 น.
06. Craft
ปิดท้ายกันด้วยแหล่งแฮงก์เอาท์ยามเย็นจรดค่ำกับการจิบคราฟท์เบียร์เบาๆ เคล้ากับแกล้มรสอร่อยจาก Craft ร้านโอเพ่นแอร์ในบรรยากาศชิคๆ ด้วยการใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง จนทำให้ร้านนี้มีบรรยากาศเป็นกันเอง ไม่ว่าจะชวนแก๊งเพื่อนมาสนุก หรือจะจิบคราฟท์เบียร์เงียบๆ คนเดียวก็ไม่ตกเทรนด์
ส่วนจุดเด่นของที่นี่ก็คือการเสิร์ฟ “คราฟท์เบียร์” ซึ่งส่วนใหญ่มาจากฝั่งอเมริกา แต่ก็มีคราฟท์เบียร์สัญชาติไทยด้วย โดยมีให้เลือกหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีรสชาติเฉพาะ จนกลายเป็นความสนุกที่ได้ลิ้มลองคราฟท์เบียร์ที่มีรสชาติหลากหลายไม่ซ้ำกัน อาทิ Pfeifferhorn Lager, Pacific Wonderland, Summer Solstice เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคราฟท์เบียร์สดที่มีคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวให้เลือกลิ้มลองอีกด้วย ส่วนเมนูอาหารก็จะเป็นเมนูง่ายๆ กินเป็นกับแกล้ม และอาหารจานพิเศษสัญชาติตะวันตกอย่าง Prosciutto Pizza พิซซ่าโฮมเมดแป้งบางกรอบที่พิเศษด้วย Serrano Ham หรือ Tacos al pastor อาหารประจำชาติของเม็กซิโก เป็นต้น
พิกัด: ซอยสุขุมวิท 23
เวลา: เปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 00.00 น.
…และทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของ ‘ต้นแบบของวิถีการใช้ชีวิต’ ที่ ASHTON Asoke มอบให้คุณ
Ashton Asoke คอนโดมิเนียม Super Luxury บนพื้นที่สุดท้ายใจกลางเมืองและตั้งอยู่บนจุด zero ground ที่เชื่อมรถไฟฟ้า 2 สายเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น MRT สุขุมวิทเพียง 20 เมตร และใกล้ BTS อโศก เพียง 230 เมตรเท่านั้น
นอกจากความโดดเด่นเรื่องทำเล อีกทั้งยังใกล้กับห้างสรรพสินค้าดังอย่าง Terminal 21 Ashton Asoke ยังโดดเด่นด้วย Serenity Design Concept ที่จะมอบความเงียบสงบให้ชีวิตด้วยการพาเราหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ภายใต้การดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ ท่ามกลางทัศนียภาพบนชั้น 35 ที่ได้รับ Panoramic View Skyline แบบเต็มอิ่ม
อีกทั้งยังมีความโดดเด่นเหนือโครงการใดด้วย Concept กระจกโค้งในห้องพักอาศัยให้คุณได้สัมผัสวิวเมืองแบบ 270 องศาพร้อมกับการออกแบบธรรมชาติที่ยังยืนตามแบบฉบับ Art Piece เพื่อให้ทุกการพักผ่อนเต็มไปด้วยความร่มรื่น
Ashton Asoke ยังมอบความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการมอบพื้นที่ส่วนกลางเกือบ 1 ไร่ ไม่ว่าจะเป็นความร่มรื่นจากสวนวงกต, Pool Bar ซึ่งเชื่อมต่อกับทางลงสระว่ายน้ำที่ยาวกว่า 45 เมตร พร้อมทั้งระบบ Jacuzzi ตลอดแนวสระ และยังได้เต็มอิ่มกับห้อง Fitness Room ที่สามารถ Take View ได้รอบทิศทาง หรือจะชวนแก๊งเพื่อนมาจัดปาร์ตี้แบบส่วนตัวที่ Social Club ก็ได้เช่นกัน
ห้องพักอาศัยก็โดดเด่นไม่แพ้พื้นที่ส่วนกลางด้วยดีไซน์ที่กว้างขวาง ทั้งเพดานห้องที่โปร่ง รับกับการตกแต่งที่เน้นความเรียบหรู โดยไม่ทิ้งบรรยากาศสบายๆ ชวนผ่อนคลายตามแนวคิด Serenity Design Concept ที่ออกแบบ ‘บ้าน‘ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนอย่างแท้จริง ที่สำคัญโครงการ ASHTON ASOKE มีกำหนดเสร็จช่วงเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งพร้อมมอบอิสระแห่งการใช้ชีวิตในบรรยากาศเงียบสงบใจกลางเมืองให้เราได้สุขใจ โดยไม่ต้องรอนาน …สัมผัสความหรูหราของการพักผ่อนก่อนใครได้ที่นี่ คลิก หรือโทร 02 316 2222
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development