แอพตัดต่อวิดีโอทำคลิปง่าย ๆ

คุณสมบัติของแอพตัดต่อวิดีโอ สายโซเชียลต้องรู้

คอนเทนต์ที่เรียกได้ว่ามาแรงที่สุดในยุคนี้ คงหนีไม่พ้นคอนเทนต์ประเภทคลิปวิดีโอ เทรนการเล่นโซเชียลของคนทุกวัยได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นฟันน้ำนม วัยรุ่นฟันแท้ วัยรุ่นผมสีบลอนด์ก็ตามแต่ ก็สามารถเรียนรู้สกิลตัดต่อวิดีโอง่าย ๆ ได้แล้ว จะได้มีคลิปเก๋ ๆ ไว้ลง Tiktok, Story, Instagram Reels, Facebook Reels โดยไม่ต้องคลิปสวยหรูดูแพง ไม่ต้องใช้งบประมาณในการอำนวยการผลิตมากมายอะไรทั้งนั้น ขอแค่เป็นคลิปเรียล ๆ มีความจริงใจเท่านั้นก็เพียงพอที่จะเรียกยอดไลค์ ยอดวิว และยอด Engagement ได้มากแล้ว ทางฝั่งของผู้พัฒนาแอพพลิเคชันเอง ก็ได้ปล่อยแอพตัดต่อวิดีโอมาให้เลือกใช้กันเป็นจำนวนมาก แอพไหนดี แอพไหนปัง มาดูกันเร็ว

แอพตัดต่อวิดีโอคืออะไร?

แอพ หมายถึง แอพพลิเคชัน (Application) ที่สามารถติดตั้งบนอุปกรณ์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเลต ไอแพดได้ อุปกรณ์เหล่านี้มีระบบปฏิบัติการ ได้แก่ แอนดรอยด์ (Android) ไอโอเอส (iOS) ไอแพด (iPadOS) วินโดวส์ (Windows) แมค (macOS) เป็นต้น ระบบปฏิบัติการที่เป็นที่นิยม ได้แก่ แอนดรอยด์และไอโอเอส โดยแอพพลิเคชันต่าง ๆ บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Play Store ส่วนระบบปฏิบัติการไอโอเอสสามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store

ดังนั้นแอพตัดต่อวิดีโอจึงเป็นแอพพลิเคชันที่ทำงานบนอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นแอพที่ใช้ในการจัดวางองค์ประกอบภาพ เสียง ข้อความ เอฟเฟ็กต์และบันทึกเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหว แอพตัดต่อวิดีโอมีความแตกต่างจากโปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนคอมพิวเตอร์ในแง่ของอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งแอพพลิเคชัน ส่วนเรื่องของลักษณะการทำงานมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก โดยในบางแอพตัดต่อวิดีโอนั้นพัฒนามาจากโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ที่เป็นผู้พัฒนาค่ายเดียวกัน เพียงแต่แอพพลิเคชันถูกออกแบบมาใช้งานง่าย เหมาะสมกับมือถือนั่นเอง

คุณสมบัติของแอพตัดต่อวิดีโอที่ดี

แอพตัดต่อวิดีโอและงานตัดต่อวิดีโอ

แอพตัดต่อวิดีโอจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ขึ้นอยู่กับคนใช้งานว่าชอบแบบไหน สะดวกแบบไหน เรื่องถูกจริตสำคัญเป็นที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ได้รวบรวมมาให้แล้วว่า คุณสมบัติของแอพตัดต่อวิดีโอที่ดีมีดังนี้

ความเข้ากันได้กับทุกอุปกรณ์ (Compatibility)

ประเภทและรุ่นของอุปกรณ์ในการบันทึกภาพทำให้ได้คุณภาพและรูปแบบไฟล์แตกต่างกัน ในกล้องรุ่นใหม่หรือเทคโนโลยีการบันทึกภาพสมัยใหม่อาจทำให้เกิดไฟล์รูปแบบใหม่ขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นภาพ 360 องศา (360-Degree) ภาพพาโนรามา (Panorama) ภาพเพอร์สเปคตีพ (Perspective) ภาพสามมิติ (3D) เป็นต้น ดังนั้นแอพตัดต่อวิดีโอควรรองรับไฟล์ได้หลายรูปแบบหรือไฟล์ที่มาจากหลายอุปกรณ์ ในทำนองเดียวกันแอพตัดต่อวิดีโอที่ดีสามารถติดตั้งและทำงานบนอุปกรณ์ที่หลากหลายได้ เพราะบนโลกไร้พรมแดนนี้ มีความหลากหลายของผู้ใช้งานและมีความหลากหลายของอุปกรณ์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ตด้วยเช่นกัน

ใช้งานง่าย (Easy to use)

ลักษณะเด่นของอุปกรณ์ประเภทมือถือ (Mobile Device) หรืออุปกรณ์ประเภทแท็บเล็ต (Tablet) ก็ตาม คือมีการใช้งานแบบเคลื่อนที่ พกพาสะดวก ดังนั้นแอพตัดต่อวิดีโอควรอำนวยความสะดวกในเรื่องของความสามารถในการใช้งานได้ทุกสถานที่ เรียกว่า “ใช้งานง่าย” มีส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User Interface) ที่ไม่ซับซ้อน แม้ไม่มีพื้นฐานการตัดต่อวิดีโอมาก่อนก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ไอคอนมีขนาดใหญ่และองค์ประกอบต่าง ๆ สามารถคลิกได้ง่าย แม้จะอยู่ในหน้าจอทัชสกรีนเล็กเท่าโทรศัพท์มือถือก็ตาม

เครื่องมือปรับแต่ง (Editing tools)

แอพตัดต่อวิดีโอนั้นจะขาดเมนูเหล่านี้ไม่ได้เลย นั่นก็คือ เครื่องมือปรับแต่งพื้นฐาน อย่างเช่น การตัด (Cut) การตัดแต่ง/ตัดเล็ม (Trim) การครอบตัดบางส่วน (Crop) การหมุนคลิป (Rotate) เอฟเฟ็กต์เปลี่ยนฉาก (Transition) เร่งความเร็ว (Fast) ลดความเร็ว (Slow) พากย์เสียง (Voiceover) ใส่ข้อความ (Text) ใส่ภาพพื้นหลัง (Backgroud) เป็นต้น

คลังของสื่อมีเดีย (Integrated stock media library)

ในการตัดต่อวิดีโอนั้นจะมีการแทรกสื่อหลายประเภท เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว กราฟิกเอฟเฟ็กต์พิเศษ เสียง ดนตรี เพลง ฟอนต์ ตัวอักษร ข้อความและสื่ออื่น ๆ ทำให้วิดีโอมีชีวิตชีวา น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ต้องตระหนักเป็นอย่างมาก คือ เรื่องของลิขสิทธิ์ของสื่อดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ แอพตัดต่อวิดีโอจึงรวบรวมสื่อเหล่านี้มาอย่างถูกต้อง แอพตัดต่อวิดีโอที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจ ย่อมทำให้เราออกแบบผลงานได้อย่างสร้างสรรค์

การเข้ารหัสที่รวดเร็ว (Fast encoding power)

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตัดต่อ ถัดไปเป็นกระบวนการเข้ารหัสหรือแปลงไฟล์ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ ขั้นตอนนี้มีชื่อเรียกที่หลากหลาย เช่น Encode Render Export หากขั้นตอนนี้แอพตัดต่อวิดีโอใช้เวลานานเป็นชั่วโมงคงจะไม่ดีแน่ ด้วยแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ประเภทมือถือนั้นมีจำกัด และมีโอกาสถูกรบกวนจากแอพพลิเคชันอื่น ๆ ที่ต้องทำงานในเวลาเดียวกัน อีกทั้งกระบวนการนี้ยังเป็นการใช้ทรัพยากรเครื่องอย่างหนัก มีโอกาสกระทบถึงแอพพลิเคชันอื่นและหากทรัพยากรเครื่องถูกใช้จนเกินขีดความสามารถ อาจจะทำให้เครื่องค้างได้เลย หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กระบวนการเข้ารหัสนี้ถูกรบกวนแล้ว งานตัดต่อที่เราใช้ความพยายามสร้างสรรค์มา อาจสูญหายได้ไปในพริบตา ดังนั้นแอพตัดต่อวิดีโอจึงควรมีประสิทธิภาพในการเข้ารหัสและทำงานอย่างรวดเร็ว

การแชร์ (Sharing)

หลังจากการตัดต่อเสร็จสิ้น ขั้นตอนถัดไปเป็นการเผยแพร่ไปยัง Youtube, Facebook, Instagram, Tiktok หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ แอพตัดต่อวิดีโอที่มีเมนูการแชร์ไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยตรง ทำให้ลดขั้นตอนการบันทึกไฟล์ลงเครื่องและสามารถเผยแพร่ได้เลย เรียกได้ว่า สะดวก รวดเร็วและทันใจ

อัปเดตสม่ำเสมอ (Frequent updates)

ธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีการอัปเดตสม่ำเสมอ ย่อมทำให้เท่าทันต่อเหตุการณ์ มีโอกาสพัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนแอพตัดต่อวิดีโอที่ดีนั้นควรมีการอัปเดตอยู่เป็นประจำด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีไฟล์รูปแบบใหม่ถือกำเนิดขึ้น หากมีการพัฒนาแอพพลิเคชันให้รองรับทุกรูปแบบไฟล์ ย่อมทำให้เป็นแอพที่เพียบพร้อม ใช้งานง่ายตลอดกาล หรือมีการสร้างเอฟเฟ็กต์ใหม่ ๆ ที่กำลังฮิตกันอยู่ในโลกโซเชียล ก็สามารถดึงดูดให้มีคนสนใจเข้ามาใช้งานจำนวนมากได้เช่นกัน

การสนับสนุนระดับคุณภาพ (Quality support)

การรับฟังเสียงของผู้ใช้งานหรือลูกค้าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพของผู้ให้บริการได้เป็นอย่างดี การใช้งานแอพพลิเคชันทุกอย่าง เสียงสะท้อน ข้อตำหนิติเตียน ข้อเสนอแนะทุกอย่าง นำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับแอพตัดต่อวิดีโอนั้น มีฟังก์ชันการทำงานค่อนข้างละเอียดด้วยกระบวนการทำงานอยู่แล้ว ในความละเอียดนี้เอง ย่อมมีความถูกใจ ความไม่ถูกใจของผู้ใช้งานที่หลากหลาย ดังนั้นการสนับสนุนให้ลูกค้าได้ในสิ่งที่ต้องการ การตอบคำถาม ช่องทางการติดต่อ ความรวดเร็วในการทำงานและการพัฒนาปรับปรุงเป็นคุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่งของแอพตัดต่อวิดีโอที่ดี

ฟีเจอร์ที่พบได้บนแอพตัดต่อวิดีโอ

ฟีเจอร์ตัวที่นำมาใช้ปรับแต่งในงานตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ในการปรับแต่งเสียงหรือภาพ ยิ่งมีลูกเล่นมาก มีให้เลือกใช้มาก ยิ่งทำให้งานตัดต่อของเราน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ที่มักจะพบได้ในแอพตัดต่อวิดีโอมีดังนี้

Transition

เอฟเฟ็กต์ในการเปลี่ยนฉากเป็นฟีเจอร์สำคัญของแอพตัดต่อวิดีโอ เรียกว่าไม่มีไม่ได้ เป็นการเชื่อมโยงระหว่างคลิปสองคลิปขึ้นไป ได้แก่ Fade In, Fade Out, Wash Out, Cross Dissolve, Wipe, Blur, Ripple Dissolve, Jump Cut, Cutaway, Iris In, Iris Out, Pan, Zoom, Swipe, Glitch, Spin, Flip Over เป็นต้น

Effect

เอฟเฟ็กต์ในการทำให้วิดีโอมีลูกเล่นขึ้นมา ฟีเจอร์นี้ก็ต้องมีทุกแอพตัดต่อวิดีโอเช่นกัน มีความคล้ายคลึงกับ Transition เพียงแต่ Transition เป็นเอฟเฟ็กต์ในการเปลี่ยนฉากเท่านั้น ส่วนเอฟเฟ็กต์อื่นที่ไม่ใช่การเปลี่ยนฉากนั้น มีการสร้างสรรค์ขึ้นมาอีกมากมาย แถมยังมีให้ดาวน์โหลดเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเอฟเฟ็กต์ เช่น Exposure, Framing, Focus, Lighting, Color balance, Fine-tune color,Slow down, Speed up, Reverse, Stabilization, Color grading, Color correction, Extract, Levels เป็นต้น

Audio

นอกจากฟีเจอร์เกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหวแล้ว แอพตัดต่อวิดีโอก็ยังมีฟีเจอร์ในการปรับแต่งเสียงด้วย ตัวอย่างเช่น Gain structure, Gain level, Equalization, Compression, Limiting, Audio repair, Choral, Echo, Distortion เป็นต้น

Text

ฟีเจอร์ในการแทรกข้อความ เช่น ข้อความสั้น ๆ หรือข้อความบรรยาย (Subtitle) เป็นต้น ซึ่งแอพตัดต่อวิดีโอทุกแอพต้องมีฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว อาจจะแตกต่างที่ลูกเล่น ฟอนต์และรูปลักษณ์

Template

แอพตัดต่อวิดีโออาจมีเทมเพลตให้เลือกว่างานตัดต่อจะเป็นไปในทิศทางใด สีโทนไหน ธีมแบบไหน และสามารถปรับแต่งหรือเพิ่มเติมองค์ประกอบย่อยภายในเทมเพลตได้

Media

สื่ออื่น ๆ ที่แอพตัดต่อวิดีโอรวบรวมมาไว้ในคลัง สามารถนำมาสอดแทรกได้ แอพไหนจะเริสหรือไม่เริส วัดกันที่ตรงนี้แหละ ตัวอย่างเช่น Footage คลิปสั้น ดนตรี เพลงลิขสิทธิ์ กราฟิกเก๋ ๆ ภาพนิ่ง การ์ตูน สติกเกอร์ แอนิเมชัน เป็นต้น

เลือกแอพตัดต่อวิดีโอตามสไตล์เรา

เลือกแอพตัดต่อวิดีโอที่เหมาะกับตัวเรา

แอพตัดต่อวิดีโอมีจำนวนมากในท้องตลาดทั้งแบบฟรีและเสียเงิน มีให้เลือกเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแอพเหมาะกับเรา มาดูกัน

ประสบการณ์การใช้งาน (User experience)

สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ ความง่ายในการเรียนรู้การใช้งาน เราควรมองหาแอพพลิเคชันที่สามารถแก้ไขวิดีโอในสไตล์ที่เราต้องการได้อย่างง่ายและรวดเร็ว แอพตัดต่อวิดีโอที่ดีจะมีบทช่วยสอน (Tutorials) เพื่อให้เราได้เรียนรู้และใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้เต็มศักยภาพ ส่วนมากแอพพลิเคชันที่มีค่าใช้จ่ายจะมีระยะเวลาให้ทดลองใช้ 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง โดยภายในระยะเวลานี้จะมีการเปิดให้ทดลองใช้ทุกฟีเจอร์แบบจัดเต็ม นี่เป็นโอกาสดีเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้งานเพื่อจะได้ทราบว่า แอพพลิเคชันไหนเป็นมิตรกับเรามากที่สุด

ฟีเจอร์ที่ใช้ในการปรับแต่ง (Editing features)

แอพตัดต่อวิดีโอจะเหมาะกับเราหรือไม่ อย่างไร ให้ดูที่เครื่องมือหรือฟีเจอร์ว่าสามารถสร้างความประทับใจให้กับเราได้ มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์งานตัดต่อของเรา ตัวอย่างเช่น เราอาจต้องการปรับแต่งการไล่ระดับสี (Color grading) ให้กับวิดีโอของเรา ก็ต้องดูว่าแอพตัดต่อวิดีโอมีฟีเจอร์นั้นด้วยไหม

ค่าใช้จ่าย (Cost)

แอพตัดต่อวิดีโอบางตัวนั้น “ฟรี” แต่จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อเราจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อถึงฟีเจอร์ที่ดีกว่า เก๋กว่า แอพตัดต่อวิดีโออาจรองรับรูปแบบไฟล์ที่จำกัด ประสิทธิภาพการทำงานต่ำ จำกัดเลเยอร์ภายในไทม์ไลน์ มีลายน้ำติดมาด้วย มีคลังของสื่อลิขสิทธิ์ให้เลือกน้อย ไม่มีเมนูการปรับแต่งบางเมนูที่เราต้องการ ดังนั้นเราจึงควรพิจารณางานของเราว่าแอพตัดต่อวิดีโอสามารถปรับแต่งได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือซื้อเพิ่มเติมแค่บางส่วนที่ต้องการเท่านั้น ในเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดควรนำมาพิจารณาว่ามีความเหมาะสมกับงานของเราหรือไม่

การสนับสนุนลูกค้า (Support)

การสนับสนุนลูกค้ามีประโยชน์เสมอ ยิ่งเราเป็นมือใหม่ในการตัดต่อวิดีโอ หากเรามีคำถามเกี่ยวกับฟีเจอร์ จึงควรมีช่องทางในการติดต่อสอบถาม ผู้พัฒนาแอพตัดต่อวิดีโอควรมีบริการสนับสนุน เช่น การสนับสนุนทางอีเมล โทรศัพท์ FAQs หรือกระทู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Community forums) เป็นต้น

การบันทึกไฟล์ (Export options)

เราควรพิจารณาในเรื่องของการเผยแพร่งานตัดต่อไปยังแหล่งต่าง ๆ หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ และมีแอพตัดต่อวิดีโอใดบ้างที่สามารถส่งออกวิดีโอคุณภาพสูงในรูปแบบที่นิยมกันในช่องทางที่เราต้องการได้ ดังนั้นงานตัดต่อของเราจึงจะสำเร็จลุล่วงและได้เผยแพร่ตามความต้องการของเรา

ความเข้ากันได้ (Compatible)

อุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ย่อมมีจุดเด่น จุดด้อย มีความจำเพาะเจาะจง เช่น สเปค ระบบปฏิบัติการ ทรัพยากรของเครื่อง ความเร็ว ความจุ ขนาด ดังนั้นอุปกรณ์ที่มีอยู่จึงเป็นปัจจัยสำคัญว่า แอพตัดต่อวิดีโอใดที่สามารถติดตั้งและทำงานได้ดีบนอุปกรณ์ที่เราใช้อยู่ บางทีเราอาจจะไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์ใหม่ที่แรงที่สุด เพื่อจะได้แอพพลิเคชันที่ทำงานเริสที่สุดก็ได้ เพียงแค่ตรวจสอบดูว่ามีแอพพลิเคชันไหนเหมาะสมบ้าง ความเข้ากันได้จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าสิ่งใดเหมาะสมกับเราบ้าง

สรุป

งานตัดต่อวิดีโอในยุคนี้เป็นสิ่งที่ไม่ยากแล้ว แค่มีอุปกรณ์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ตก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้แอพตัดต่อวิดีโอที่มีให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย ทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย ทุกแอพพลิเคชันนั้นมีข้อดี ข้อเสีย มีฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องลิขสิทธิ์ของสื่อที่นำไปแทรกในคลิปด้วย การเลือกใช้งานนั้นให้ดูความต้องการของเราก่อนและดูคุณสมบัติของแต่ละแอพพลิเคชันว่าตอบโจทย์ไหมและเลือกแอพตัดต่อวิดีโอที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด นั่นแหละ คือแอพพลิเคชันที่ดีที่สุดแล้ว

 

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top