เพื่อนๆ ชาว Gen C เคยได้ยินปรากฏการณ์ Pet Humanization หรือไม่? ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่กำลังเติบโตอย่างมาก เมื่อการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไม่เป็นเพียงแค่สัตว์ตัวนึงอีกต่อไป แต่พวกเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เป็นเพื่อน หรือเป็นทุกอย่างในชีวิต ทำให้ผู้เลี้ยงเต็มใจที่จะเป็น Pet Parent ให้ความรัก ความเอ็นดู และทุ่มเทค่าใช้จ่ายให้กับสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกหนึ่งคนในครอบครัว หรือเรียกรวมๆ ว่า ทาสหมา และ ทาสแมว นั่นเอง ซึ่งเป็นพฤติกรรมใหม่ที่น่าสนใจและกำลังเติบโตอย่างมากสำหรับประเทศไทย
ในปัจจุบันพบว่ากว่า 70% มองว่าสัตว์เลี้ยงคือครอบครัว หรือปรากฏการณ์ Pet Humanization การเลี้ยงสัตว์เป็นเสมือนคนในครอบครัวกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะมีทั้งทาสหมา (เลี้ยงสุนัข), ทาสแมว (เลี้ยงแมว) และสัตว์ Exotic ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วิถีชีวิต และค่านิยมของสังคม ที่กำลังปรับลดขนาดของครอบครัวลง เน้นการใช้ชีวิตคู่มากยิ่งขึ้น และเลือกที่จะอุปการะเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนคนในครอบครัวแทน
แน่นอนว่าการเติบโตของ Pet Humanization ก็ต้องมาพร้อมกับ Petconomy หรือย่อมาจาก Pet + Economy เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีการขยายการเติบโตตามปรากฎการณ์ Pet Humanization อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น
- ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
- ธุรกิจอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
- บริการรักษาสัตว์
- บริการดูแลสัตว์เลี้ยง
- ประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง
- ธุรกิจท่องเที่ยวสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly)
และในทุก ๆ เดือน Pet Parent จะมีค่าใช้โดยเฉลี่ยประมาณ 10,000 – 20,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อของและคุณภาพเพื่อเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ยกตัวอย่างเช่น
- เลี้ยงเป็นเหมือน ‘ลูก’ เอ็นดูไม่ต่างจากคนในครอบครัว
ค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ย 40,000 บาทต่อตัว แบ่งเป็น ค่าอาหาร ค่าขนม ค่าดูแลสุขภาพ ค่าของแล่น และค่าดูแล รวมไปถึงบริการ Pet Wellness ที่กำลังมาแร่ง เช่น พาสุนัขว่ายน้ำ, อาบน้ำสัตว์เลี้ยง, สปาสัตว์เลี้ยง หรือเอ็นเตอเทนเมนต์ต่าง ๆ - เลี้ยงเป็นเหมือน สมาชิก ในบ้านปล่อยเป็นอิสระ
ค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ยน 7,800 บาทต่อตัว โดยที่แบ่งเป็น ค่าอาหาร ค่าขนม ค่าดูแลสุขภาพ ค่าของแล่น และค่าดูแลระดับพื้นฐาน