1. จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมในแต่ละวัน
การที่เรารู้จักเรียงลำดับความสำคัญ รู้ว่าอะไรควรทำก่อนทำหลัง งานไหนด่วนมากด่วนน้อย ทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ยิ่งถ้างานเยอะมากก็น่าจะทำ to do list ขึ้นมาและระบุเวลาไปว่าเราจะใช้เวลาในกิจกรรมนั้นๆประมานเท่าไหร่ จะได้ช่วยให้เราทำงานในเวลาที่มีจำกัดได้ดีมากขึ้น และจะได้ไม่ใช้เวลาในการทำอะไรให้มันมากเกินไป การวางแผนการทำงานเป็นประจำก็จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนตารางของเราได้ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา
2. หาแหล่งพลังงานของคุณ
การที่เราจะมี Productive day นั้น พลังงานสำคัญมาห พลังงานคือแรงที่จะทำให้เราทำงาน หรือใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทุกคนต้องการแหล่งพลังงานในแบบของตัวเอง เช่น คนที่ใช้ชีวิต Urban หลายๆคนมองหาร้านกาแฟดีดีตอนเช้า และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะจ่ายมากขึ้นอีกหน่อยเพื่อความสุขของการเริ่มต้นตอนเช้าที่สดใส บางคนอาจจะใช้วิธีวิ่งหรือออกกำลังกายเป็นประจำ หรือการมองหาอาหารคุณภาพที่ดีก็ทำให้ชีวิตมีพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ
3. ไม่เสียเวลาบน internet และ social media นานเกินไป
อินเตอร์เน็ต นับเป็นกิจกรรมที่คนเราในปัจจุบันให้เวลาแทบจะเป็นอันดับแรกของวัน ด้วยเวลาที่สูงถึง 7.2 ชม. (อ้างอิงจาก สพธอ. ปี 2557) หรือ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 30% แทบจะเท่ากับเวลานอนเลยนะนั่น แต่ไม่ได้แปลว่าจะเล่นไม่ได้นะคะ เพียงแค่เราควรที่จะให้ความสำคัญมันน้อยลง และเลือกใช้อยากฉลาดหรือแบ่งเวลาสัก 20 นาทีอยู่บน social media แล้วเอาเวลาอีก 7 ชั่วโมงที่เหลือมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง อย่างเช่น อ่านหนังสือ ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว มองหาลู่ทางการลงทุน หรือออกกำลังกาย
4. ใช้เวลาในเดินทางให้น้อยที่สุด
การที่รถติดอยู่บนถนนเป็นเวลานานๆเป็นเรื่องที่บ่นแล้วบ่นอีกได้ทุกวี่ทุกวัน การวางแผนการเดินทางก็อาจจะช่วยให้คุณร่นระยะเวลาไปได้ หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางที่รถหนาแน่ในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ถ้ายังไงๆคุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ลองเปลี่ยนจากการขับรถมาใช้รถสาธารณะยิ่งในยุคนี้สมัยนี้การเดินทางสะดวกกว่าแต่ก่อนมากแม้แต่รถเมล์ยังมี application: Bangkok Bus Map ที่บอกรายละเอียดเส้นทางวิ่งรถของแต่ละสาย ไม่ต้องพูดถึงความเร็วของรถไฟฟ้า หรือ รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ทำให้คุณสามารถควบคุณเวลาในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี แถมระยะเวลาของแต่ละสถานีไม่เกิน 5 นาที แถมรถไฟฟ้า1ขบวนสามารถบรรทุกคนได้ 1000 คนซึ่งเท่ากับการใช้รถยนต์ส่วนตัวถึง800คัน อีกทั้งแต่ละสถานีก็สามารถเชื่อต่อไปยังการเดินทางประเภทอื่นได้
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการ balance ชีวิตของเราก็คือการพักผ่อน ถึงเราจะใช้ชีวิตให้สนุกสานเต็มที่แค่ไหนเราก็ต้องพักผ่อนเพื่อ boost up energy สำหรับวันใหม่ มันจะดีแค่ไหนถ้าหากเราสามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และสามารถเชื่อมต่อเรากับสถานีรถไฟฟ้า เพื่อเติมเต็ม urban lifestyle ของเราได้