NOTE:
– จากผลสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่า ระบบปฏิบัติการ Android 5.x Lollipop มีสัดส่วนผู้ใช้งานถึงร้อยละ 32 รองลงมาเป็น Android 6.0 Marshmallow ร้อยละ 30 โดยระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Android 7.0 Nougat มีผู้ใช้งานเพียงร้อยละ 1.2 เท่านั้น
– ทางฟากคู่แข่งอย่าง ios พบว่า มีผู้ใช้งาน iOS 10.x เกินกว่าร้อยละ 80 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้สรุปได้คร่าวๆว่าผู้ใช้ฝั่ง ios มักจะอัพเดตระบบปฏิบัติการทันทีที่มีรุ่นใหม่ออก ส่วนแอนดรอยด์นั้นจะค่อยๆทยอยอัพเดตในภายหลัง
– จากผลสำรวจพบว่า Android คือระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกกว่า 2 พันล้านเครื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต รถยนต์ สมาร์ทวอช และโทรทัศน์
เป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่าหลายล้านคนสำหรับ Android (แอนดรอยด์) โดยในแต่ละปีก็จะต้องมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ที่เป็นการพัฒนาความสามารถรวมไปถึงแก้ไขข้อเสียในรุ่นก่อนหน้าอยู่เสมอ และในปีนี้ทาง Google ก็ได้เปิดตัว Android O ซึ่งเป็นแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดให้นักพัฒนาได้ลองใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดย Android O จะเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุดต่อจาก Android 7.0 Nougat ที่ได้ปล่อยมาให้ใช้กันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง Android O ที่ปล่อยออกมาตอนนี้ก็เพื่อให้นักพัฒนาได้นำไปทดลองใช้เพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆเพิ่มขึ้นจากเวอร์ชั่น Nougat มากอยู่พอสมควร ซึ่งจะมีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากเดิมบ้างนั้น วันนี้เราได้รวบรวมมาให้ 10 ฟีเจอร์ด้วยกันดังนี้ครับ
1.No more broken emoji
หลายๆครั้งที่ Emoji บางตัวในสมาร์ทโฟนต่างรุ่นจะไม่สามารถแสดงผลได้ แต่ในระบบ Android O จะมีการอัพเดต Emoji ที่ออกใหม่ให้กับนักพัฒนาโดยอัตโนมัติแม้จะยังไม่ได้ใช้แป้นพิมพ์ก็ตาม
2.Smart Sharing
Android O ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น อาทิ ถ้าผู้ใช้งานถ่ายรูปใบเสร็จรับเงิน ระบบก็สามารถแนะนำแอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับรายรับรายจ่ายได้ในทันที ทั้งนี้รวมไปถึงวิดีโอ เว็บไซต์ ข้อความและแอปพลิเคชั่นต่างๆที่เราชอบใช้งานอีกด้วย
3.Cleaner Icons
Adaptive Icons เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของไอคอนบนแอปพลิเคชั่นต่างๆได้ในตัวเครื่องโดยที่ไม่จำเป็นต้องลง Theme เพิ่มแต่อย่างใด
4.Notification Snoozing
เป็นสิ่งที่ทาง Android O ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับการแสดงผลการแจ้งเตือนที่สามารถกดปิดเสียงเตือนชั่วคราวได้ในภายหลัง
5.Badge Notifications
ฟังก์ชั่นนี้ในผู้ใช้ ios อาจมีมานานแล้วแต่ใน Android เพิ่งจะใส่เข้ามาให้ก็คือ Badge Notifications หรือจุดแจ้งเตือนเล็กๆบนมุมด้านขวาบนของแอปนั่นเอง
6.Background colors for notifications
เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถใส่สีสันลงบนการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นของตนได้อย่างอิสระ แต่ทาง Google เองได้ให้ข้อควรระวังแก่นักพัฒนาเอาไว้ว่า ควรใช้การแจ้งเตือนที่มีสีสันนี้เฉพาะการเตือนจากแอปที่กำลังใช้งานอยู่เช่น GPS นำทาง เพื่อที่ว่าจะได้เกิดความแตกต่างและสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว (ไม่งั้นจะหลากหลายสีสันเกินไปจนตาลาย)
7.Notification Channels
นอกจากนี้ Android O ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถจัดกลุ่มการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆให้เป็นหมวดหมู่พร้อมเปิด-ปิดได้ เช่นหมวดเกม หมวดเทคโนโลยี หมวดโซเชียล หรือแม้แต่การพินการแจ้งเตือนจากแอปที่สำคัญไว้บนสุดก็ทำได้เช่นเดียวกัน
8.New animation styles
Android O ได้ปรับปรุงระบบให้สนับสนุนการแสดงผลรูปแบบแอนิเมชั่นอันใหม่ที่เรียกว่า Physics-Based Animation หรือการเคลื่อนไหวตามหลักการฟิสิกส์ ทั้งนี้การแสดงผลแบบ Physics-Based Animation จะมีความสมจริงและเนียนตามากขึ้นกว่าแบบเดิมหลายเท่าตัว
9.New Android TV Launcher
เพิ่มความสามารถใหม่ๆให้กับ Google Assistant และออกแบบ Launcher ของ Android TV ใหม่ให้ใช้งานง่ายมากยิ่งขึ้น
10.Picture-in-picture
เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน Android O จะสามารถรับชมวิดีโอได้ตลอดเวลาแม้จะใช้งานแอปพลิเคชั่นอื่นอยู่ก็ตาม โดยคลิปวิดีโอที่ว่านี้จะถูกย่อขนาดให้เล็กลงเพื่อไม่ไปรบกวนการทำงานของแอปพลิเคชั่นอื่น
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก: http://mashable.com/2017/05/20/new-android-o-features/