สำหรับชาว The Gen C คนไหนที่พักอาศัยอยู่ในย่านอุดมสุขแล้วกำลังมองหาคาเฟ่เก๋ ๆ ไว้สำหรับนั่งทานขนม พร้อม ๆ กับจิบกาแฟดี ๆ สักแก้วแล้ว เราขอแนะนำ 3 คาเฟ่สุดชิค ที่รับรองว่าถูกใจจนต้องตามไปเช็คอินกันเลยทีเดียว
Bestow
Bestow ร้านฟาสต์ฟู้ดเพื่อสุขภาพแห่งใหม่ใกล้สวนหลวง ร.9 เกิดจากไอเดียของคุณเบส – เจ้าของร้าน ที่เห็นว่าไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันเปลี่ยนไป ไม่ค่อยมีเวลาทานข้าวมากนัก และมักจะเลือกอาหารประเภท Grab & Go มากกว่า ด้วยเหตุนี้คุณเบสจึงริเริ่มที่จะทำฟาสต์ฟู้ดที่ไม่ได้เป็นแค่ฟาสต์ฟู้ดธรรมดา แต่ยังดีต่อสุขภาพและรสชาติดีอีกด้วย บรรยากาศร้านภายในเน้นตกแต่งแบบ Rustic ตัดกับสีเขียวจากต้นไม้บนผนังเพื่อให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีคำคมเท่ ๆ เกี่ยวกับสุขภาพให้ผู้ที่เข้ามาในร้านได้ตระหนักถึงสุขภาพร่างกายของตนเอง สำหรับที่นั่ง มีทั้งแบบโต๊ะสำหรับ 4 ท่าน และโต๊ะยาวสำหรับลูกค้าท่านเดียว อาหารที่นี่จะสั่งเป็นสเต็ป เริ่มจากการเลือกแป้ง มี 3 ประเภท คือ แป้งปอเปี๊ยะ ตอติญ่า หรือโฮลวีต จากนั้นตามด้วยการเลือกชนิดของเนื้อ ที่มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสันในไก่ สันในหมู สันคอหมู แฮมไก่ ทูน่า กุ้ง หรือแซลมอนรมควัน ขั้นตอนต่อไปคือเลือกผักที่จะใส่ ปิดท้ายด้วยซอสที่มีให้เลือกกว่า 6 ชนิด เอาใจคนรักแซลมอนด้วย Smoked Salmon Whole Wheat (109 บาท) แซลมอนรมควันหอม ๆ ห่อแป้งโฮลวีตนุ่ม ๆ ที่ทางร้านทำขึ้นเอง ใส่ซอส Sesame Zinc ก็อร่อย หรือจะ BTK ตามฉบับดั้งเดิมก็เข้ากันได้ดี รับประกันความอร่อยและได้สุขภาพ แถมให้พลังงานไม่ถึง 300 กิโลแคลอรี่ หรือจะเป็นเมนูคลาสสิคขายดีของทางร้าน Chicken Fillet Spring Roll (49 บาท) แป้งปอเปี๊ยะลนไฟอ่อน ๆ ด้านในเป็นไส้สันในไก่ ราดซอส BTK สูตรเฉพาะของทางร้าน ในส่วนของขนมหวานของ Bestow ที่แนะนำคือ Crème Brûlée (60 บาท) รสหวานเล็กน้อย เนื้อคัสตาร์ดเนียนนุ่ม ทำสดใหม่ทุกวัน ตบท้ายท้าย Red Soda Lime (59 บาท) น้ำแดงโซดามะนาวแก้เลี่ยน สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกมาที่ร้านก็มีบริการเดลิเวอรี่ด้วยเช่นกัน
Bestow
ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9
เปิดเวลา 07.00 – 21.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
โทร. 090-245-9415
www.facebook.com/bestow.th
The 66 Cottage
ใครจะรู้ว่าภายในซอยสุขุมวิท 66 นั้นซุกซ่อนร้านกาแฟที่มีพื้นที่สีเขียวขจีแห่งใหม่ต้อนรับให้คุณเข้ามาใช้บริการ ได้นั่งจิบกาแฟละเลียดบรรยากาศของสวนสไตล์อังกฤษ พร้อมพื้นที่สนามหญ้ากว้าง ๆ ที่เปิดให้เข้ามาจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ จากความตื่นตัวเรื่องวิถีสีเขียวของคนเมืองหลวง เราจึงได้เห็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีความสนใจร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นเดียวกับ 66 Cottage ร้านกาแฟและโครงการที่ตั้งใจเปิดเป็นพื้นที่สีเขียวให้คนในชุมชนใกล้เคียงได้มาพักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนอกจากร้านกาแฟ ร้านขายสลัดผักและข้าวสารออร์แกนิก และร้านเครื่องหนังทำมือที่ไม่ฟอกสารเคมีแล้ว บริเวณสนามหญ้าเขียวขจีด้านหลังร้านก็มักจะจัดกิจกรรมน่าสนใจ อย่าง โยคะในสวน และโรงเรียนทำนาอยู่สม่ำเสมอด้วย หากจะมาเพื่อผ่อนคลายเปลี่ยนบรรยากาศ ที่นี่ก็มีกาแฟจากแบรนด์ Lavazza บริการอย่าง English Toffee Latte (110 บาท) กาแฟลาเต้ผสมไซรัปอิงลิชทอฟฟี่กลิ่นหอมนุ่มนวล หรือจะลอง Affogato (95 บาท) ไอศกรีมวานิลลา ราดเอสเพรสโซ่ช็อตเข้ม ๆ ในส่วนขนมโฮมเมดแนะนำให้ลอง Shibuya Honey Toast (195 บาท) ที่ตัดขนมปังเป็นคำแล้วทาเนยทีละชิ้น กรอบนอกนุ่มใน หอมเนยทั่ว ๆ กันค่ะ หรือ Chocolate Lava (130 บาท) รสเข้มข้นทานคู่ไอศกรีม ถ้ามองหาอาหารว่างรองท้องมี Egg Salad Sandwich (110 บาท) ขนมปังแผ่นหนาประกบไส้แฮมและไข่ หรือเลือกเป็นเมนูประจำวันที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนตลอด เช่น ขนมจีนและ ข้าวแกงไก่ (90 บาท) ทานคู่กับ Blue Curacau (70 บาท) อิตาเลียนโซดาออกรสเปรี้ยวเย็นสดชื่น
The 66 Cottage
ซอยสุขุมวิท 66
เปิดทุกวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 10.00 – 19.00 น. และ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น.
โทร. 086-895-0202
www.facebook.com/The66Cottage
Maggio Coffee
ปิดท้ายกันที่ Maggio ไลฟ์สไตล์คาเฟ่ที่อยู่ห่างจากสถานีบีทีเอสอุดมสุขไม่มาก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ใครที่อยู่แถวนี้มานั่งจิบกาแฟทานขนมกัน จากเดิมที่เป็นเพียงโชว์รุมเฟอร์นิเจอร์แสนเก๋ จน คุณตุ๊ นพรัตน์ ชินนิรันดร์ ได้โอกาสมาเปิดเป็นคาเฟ่ที่มีทั้งเครื่องดื่ม ขนม และโซฟา ให้ทุกคนได้อิ่มไปพร้อม ๆ กับการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ สำหรับการตกแต่งร้านจะเป็นสไตล์ลอฟต์ ผสมกับการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งจากทางร้านเอง จะเลือกนั่งมุมไหนก็ตามสะดวก โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โซน ซึ่งชั้นล่างจะเป็นเคาน์เตอร์และที่นั่งสำหรับลูกค้า และชั้นสองจะเป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ โดยมีทั้งโต๊ะ โซฟา เครื่องหนังและของกระจุกกระจิกที่เป็นของคุณตุ๊เองและนำมาจากที่อื่น เช่น หมอน รูปภาพ ต้นไม้ เป็นต้น ใครที่แวะมาชมเฟอร์นิเจอร์และมองหาเครื่องดื่ม ทางร้านมีเมนูเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ ที่ทางร้านใช้เมล็ดกาแฟจากดอยสะเก็ด เป็นเมล็ดพันธุ์อาราบิก้า 100% ทางร้านแนะนำ Maggio Coffee (80 บาท) กาแฟเย็นสูตรจากทางร้านโดยเฉพาะ เพราะใช้ไซรัปที่ทำขึ้นมาแทนความหวานจากน้ำตาลให้กลิ่นหอมจากวานิลลาปนกับกลิ่นไหม้อ่อน ๆ หรือหากใครที่ไม่ดื่มกาแฟ แนะนำเป็น Banana Chocolate Shake (90 บาท) กล้วยปั่นผสมกับช็อคโกแลต ท็อปด้วยกล้วยหั่นแว่น แฟน ๆ ขนมหวาน ลอง เค้กชาเย็น (85 บาท) เนื้อเค้กนุ่ม ๆ หอมกลิ่นชาเย็น รสชาติไม่หวานมาก
Maggio Coffee
ซอยสุขุมวิท 101/2
เปิดทุกวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 10.30 – 20.30 น. และ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 09.30 – 19.30 น.
โทร. 02-747-5631
www.facebook.com/Maggioliving-410593732366374