NOTE:
– คลองสาน – วงเวียนใหญ่ ย่านที่ทรงเสน่ห์ของวิถีชีวิตดั้งเดิม ผนวกกับโกดังเก่าที่ถูกปล่อยร้าง จนเกิดเป็นไอเดียให้เหล่าอาร์ทติสแปลงโกดังร้างเป็นสเปซเท่ๆ ตอบโทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่
– โดย 3 สเปซเท่ๆ ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ประกอบด้วย The Jam Factory, Warehouse 30 และ Lhong 1919 โดยพื้นที่ทั้ง 3 นำเสนองานคราฟท์ดีไซน์เก๋จากดีไซเนอร์ไทย, คาเฟ่นั่งชิลยามว่าง และเสน่ห์สถาปัตยกรรมแบบดิบเท่
คลองสาน – วงเวียนใหญ่ อีกหนึ่งย่านที่ทรงเสน่ห์ของวิถีชีวิตดั้งเดิมและยังเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีอาคารเก่าแก่รักษาเอาไว้มากมาย ผนวกกับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่เข้ามาผสมผสานกันอย่างลงตัว จนเกิดเป็นไอเดียให้เหล่าอาร์ทติสเปลี่ยนพื้นที่ว่างและอาคารเก่าร้างให้กลายเป็นสถานที่ชิคๆ วันนี้เราจึงขอพาคุณบุกไปเยือน 3 สถานที่สุดชิคที่เกิดจากความครีเอทีฟในย่านนี้กัน!!
• The Jam Factory
จากพื้นที่โกดังเก่าถูกรีโนเวทใหม่ให้กลายเป็นสเปซเท่ๆ ในชื่อ The Jam Factory สถานที่ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘มีเสน่ห์‘ โดยเฉพาะบรรยากาศธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ผนวกกับโกดังเก่าที่สถาปนิก ‘คุณด้วง–ดวงฤทธิ์ บุนนาค‘ รีโนเวทให้สอดคล้องกับพื้นที่และวิถีชุมชนของคนย่านคลองสาน
The Jam Factory ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ฮิปๆ ที่ให้คนฝั่งธนฯ ได้แวะไปพักกายพักใจในวันหยุด โดยภายในโครงการประกอบไปด้วยร้านหนังสืออิสระ “ก็องดิด” (Candide) ที่อัดแน่นด้วยหนังสือมากมายไม่จำกัดสำนักพิมพ์ ข้างๆ กันเป็นร้านคาเฟ่ “Li-bra-ry” ที่ให้เราได้นั่งจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดพร้อมกับหนังสือในมือ ขณะที่อีกฝั่งของโกดังเป็นสถานที่จำหน่ายงานดีไซน์จากดีไซเนอร์ไทยในชื่อ Anyroom
นอกจากนี้โกดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาและใกล้ท่าเรือข้ามฟาก ยังถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารให้เราฝากท้องยามหิว โดยมี 2 ร้าน 2 สไตล์ให้เลือกคือ The Never Ending Summer ร้านอาหารไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังคงบรรยากาศของโกดังเก่าเอาไว้ ส่วนอีกร้านคือ The Summer House Project ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ตะวันตกในบรรยากาศโมเดิร์น โดยทั้งสองร้านเปรียบเสมือนพี่น้องกัน เพียงแต่เสิร์ฟความอร่อยที่ต่างกัน
The Jam Factory
• Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น.
• Address: ถนนเจริญนคร คลองสาน
• Tel: 02 861 0950
• Facebook: https://www.facebook.com/TheJamFactoryBangkok
• Warehouse 30
อีกหนึ่งสเปซเท่ๆ ที่เปรียบเสมือนแหล่งรวมตัวของเหล่าครีเอเตอร์ รีโนเวทมาจากโกดังปล่อยร้างเช่นเดียวกันกับ The Jam Factory แถมยังได้สถาปนิกชื่อดัง ‘คุณด้วง–ดวงฤทธิ์ บุนนาค’ เป็นผู้เปลี่ยนพื้นที่เปล่าประโยชน์ให้กลายเป็น Creative Community Mall เช่นเดียวกัน แม้ Warehouse 30 ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านคลองสาน – วงเวียนใหญ่ แต่ก็ไม่ไกลจาก The Jam Factory เพียงนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือคลองสาน (หรือท่าเรือโครงการ The Jam Factory) และเดินอีกนิดก็ถึง Warehouse 30 แล้ว
แม้จะออกแบบให้เป็นสเปซเท่ๆ แต่ Warehouse 30 ก็แตกต่างจาก The Jam Factory เพราะที่นี่ไม่ได้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ แต่กลับโดดเด่นด้วยอาคารเปลือยเปล่า ตั้งแต่ประตูเหล็กสีสนิมขนาดใหญ่ ตัดกับสีเทาเกือบดำของอาคาร จนกลายเป็นความแตกต่างที่ลงตัว ภายใน Warehouse 30 จะถูกแบ่งออกเป็นห้องๆ โดยเชื่อมต่อด้วยทางเดินยาวเป็นเส้นตรง เสริมความเท่ด้วยผลงานศิลปะจนทำให้ Warehouse 30 เป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานสุดอาร์ตของศิลปินขนาดย่อมก็ว่าได้
Warehouse 30 แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซนด้วยกัน คือ Food & Beverage Zone โซนคาเฟ่ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจากแบรนด์ Li-bra-ry ควบคู่กับคาเฟ่ The Fox & The Moon Cafe ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่โกดัง 5 โดยมีเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง สุดปลายทางตกแต่งด้วยไฟนีออนสีแดงสดที่เรียงเป็นตัวอักษร ขณะที่รอบๆ ก็จัดวางโต๊ะเก้าอี้หลากหลายแบบ เพื่อตอบโจทย์เหล่าครีเอเตอร์ที่อยากเปลี่ยนพื้นที่คุยงาน
อีกโซนคือ Concept Stores ขนาดใหญ่ โดยจุดเด่นของพื้นที่นี้คือ เสน่ห์ของงานดีไซน์ ซึ่งล้วนเป็นผลงานจากดีไซเนอร์สัญชาติไทยมาจัดวางให้เราช็อปได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าดีไซน์เก๋จากแบรนด์ Lonely Two-Legged Creature, ของตกแต่งบ้านจากแบรนด์ Bespoke Living Shop หรือสินค้าออแกนิกจากแบรนด์ Organic Supply ฯลฯ เพราะที่นี่คือ Creative Community Mall ภายใน Warehouse 30 จึงมีการจัดพื้นที่ฉายภาพยนตร์ให้ได้ชมกัน รวมทั้งยังสามารถดัดแปลงให้เป็นพื้นที่จัดเวิร์คช็อปได้อีกด้วย
Warehouse 30
• Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น.
• Address: ถนนเจริญกรุง ซอย 32
• Tel: 084 364 8289
• Facebook: https://www.facebook.com/TheWarehouse30
• LHONG 1919
สถานที่สุดฮิปแห่งสุดท้ายคือ “ล้ง 1919” (LHONG 1919) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน โดยที่นี่ถูกขนามนามว่า ‘ท่าประวัติศาสตร์ศิลป์ไทย–จีน’ และเป็นพื้นที่ Community Mall สำหรับการพักผ่อนควบคู่กับการส่งต่อเสน่ห์ของวัฒนธรรมไทย – จีน โดยเฉพาะเมื่อที่นี่เคยเป็น ‘ท่าเรือกลไฟ’ โดยมีอาคาร ‘ซาน เหอ ย่วน’ สถาปัตยกรรมที่มีอายุมากถึง 167 ปีเป็นไฮไลท์
อาคาร ‘ซาน เหอ ย่วน’ เป็นอาคารหลักของท่าเรือแห่งนี้และยังเป็นอาคารประดิษฐานของ ‘เจ้าแม่หม่าโจ้ว’ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โดยอาคาร ซาน เหอ ย่วน เป็นอาคารที่นิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 3 ลักษณะเป็นอาคาร 3 หลังเชื่อมต่อกันเป็นผังรูปทรงตัว U ตัวอาคารก่ออิฐถือปูน พื้นสร้างจากไม้ และหลังคาสร้างจากกระเบื้อง ในปัจจุบันสถาปัตยกรรมจีนแบบซาน เหอ ย่วนเหลืออยู่ไม่กี่หลังเท่านั้น
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครมาเยือนล้ง 1919 ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกคือ จิตรกรรมฝาผนังโบราณที่มีอายุเก่าแก่ถึง 167 ปี ซึ่งถูกซ่อนภายใต้สีที่ฉาบทับไว้ซ้ำไปมาหลายชั้น เพราะเป็นจิตรกรรมที่เขียนสีด้วยพู่กันลงบนผนังปูน ทำให้ภาพไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา เพียงแต่อาจมีจุดชำรุดบ้าง โดยจิตรกรรมเหล่านี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าล้ง 1919 ยังเป็นแหล่งศูนย์ช่างฝีมือของชาวจีนในอดีต ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมรูปผู้หญิงชาวจีนขนาดใหญ่ตรงทางเข้าโครงการ หรือจิตรกรรมภาพเด็ก 2 คนยืนชะเง้อริมหน้าต่าง ฯลฯ
ภายในล้ง 1919 ประกอบด้วยพื้นที่ 3 โซนหลักๆ คือศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วให้เราได้สักการบูชาขอพร, Art & Craft ร้านจัดจำหน่ายงานคราฟท์จากฝีมือคนไทย ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารซาน เหอ ย่วนที่ขนาบข้างกับศาลเจ้าแม่ และโซนร้านอาหารให้เราได้นั่งพักเติมความอิ่ม ซึ่งร้านอาหารภายในล้ง1919 ประกอบด้วยร้าน “โรงสี” ร้านอาหารไทยที่เสิร์ฟอาหารซีฟู้ดรสไทยๆ ข้างๆ กันเป็นร้าน “นายห้าง” ร้านอาหารที่นำเสนอสตรีทฟู้ดแบบพรีเมี่ยม โดยได้แรงบันดาลใจจากเยาวราช และร้านสุดท้ายคือร้าน “เพลินวาน พาณิชย์” คาเฟ่ขนมหวานที่เสิร์ฟความอร่อยของเครื่องดื่มและขนมโบราณที่เราคุ้นเคยในอดีต โดยทั้ง 3 ร้านต่างครีเอทเมนูขึ้นใหม่ที่หากินได้เฉพาะล้ง 1919 เท่านั้นอีกด้วย
LHONG 1919
• Open: เปิดทุกวัน โซนศาลเจ้าแม่และ Art & Craft เปิดเวลา 8.00 – 20.00 น. และโซนร้านอาหาร เปิดเวลา 11.00 – 22.00 น.
• Address: ถนนเชียงใหม่ คลองสาน
• Tel: 091 187 1919
• Facebook: https://www.facebook.com/LHONG-1919-472273323122096/
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development