NOTE:
– จาก Q1 ที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯประมาณ 14,050 ยูนิต ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 35
– ทั้งนี้ใน Q1 ที่ผ่านมา ราคาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่าร้อยละ 8 อยู่ที่ประมาณ 131,600 ตารางเมตร
– คอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในกรุงเทพฯส่วนใหญ่แบ่งเป็น High Rise (สูงเกิน 8 ชั้น) กว่าร้อยละ 75 ที่เหลือร้อยละ 25 คือคอนโดประเภท Low Rise (สูงไม่เกิน 8 ชั้น)
การลงทุนอสังหาฯ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างรายได้เพิ่มจากรายรับประจำ นับว่าคุ้มค่ามากถ้าเลือกโครงการให้เหมาะและมี demand สูงจากผู้คนที่ต้องการเช่าในระแวกนั้น แต่จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรให้เห็นผล วันนี้เรามีเทคนิค 5 เคล็ด (ไม่) ลับสร้างรายได้จากการปล่อย คอนโดย่านสุขุมวิท ให้เช่ามาฝาก เพื่อเป็นแนวทางให้ชาว GenCBlog ที่กำลังสนใจจะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจนี้มาฝากกันครับ
1.ทำเลที่ตั้งควรเป็นที่ต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อค้าขายหรือทำกิจการใดๆ “ทำเลที่ตั้ง” ถือเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ลงทุนทุกคนควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการสร้างกำไรจากการปล่อย คอนโดสำหรับชาวGenC ให้เช่ายิ่งควรเลือกทำเลที่อยู่อาศัยที่เป็นทำเลทองเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้ล้วนมีจำนวนความต้องการในการอยู่อาศัยที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะทำให้เราสามารถอัพราคาค่าเช่าเพื่อทำกำไรเพิ่มขึ้นได้
ตัวอย่างทำเลทองที่เป็นที่ต้องการของผู้เช่าเช่น คอนโดที่สามารถเดินทางจาก BTS และ MRT ได้โดยง่ายคอนโดที่ติดสถานศึกษา คอนโดที่ใกล้ห้างสรรพสินค้า หรือคอนโดที่ใกล้ทางด่วน ขึ้น-ลง สะดวก เป็นต้น
2.เลือกขนาดห้องให้พอเหมาะ
ส่วนใหญ่แล้วขนาดห้องโดยทั่วไปที่ผู้เช่านิยมเลือกอยู่อาศัยจะมีขนาดอยู่ที่ราวๆ 28-35 ตารางเมตร (สำหรับ 1-2 คน) ซึ่งห้องขนาดเท่านี้เมื่อเทียบกับอัตรารายได้โดยเฉลี่ยส่วนใหญ่ของประชากรไทยจะอยู่ในช่วงราคาที่สามารถเช่าคอนโดอยู่ได้อย่างสบายๆ จึงทำให้ห้อง 28-35 ตารางเมตร มักเป็นที่ต้องการของผู้เช่าที่ตัวคนเดียวหรืออยู่กันเป็นคู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเราเลือกซื้อห้องที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไปก็จะต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องราคาค่าใช้จ่ายในการตกแต่งซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคาค่าเช่าที่จะสูงขึ้นตามไปด้วย
3.คุมงบประมาณตกแต่งไม่ให้บานปลาย
ส่วนใหญ่แล้วผู้เช่ามักจะนิยมเลือกคอนโดที่มีการตกแต่งให้พร้อมเสร็จสรรพ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เจ้าของห้องหลายๆ คนต้องลงทุนตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเช่าให้กับลูกค้า แต่ทั้งนี้การตกแต่งที่มากเกินพอดีจะทำให้ต้นทุนของเราสูงขึ้นจนต้องคิดค่าเช่าที่แพงมากกว่าราคากลาง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะไม่มีผู้เช่าและขาดทุนในที่สุด
ทางที่ดีเราควรกำหนดงบประมาณในการตกแต่งให้แน่ชัด โดยมุ่งเน้นไปที่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่จำเป็นให้ครบเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยตกแต่งเพิ่มเติมให้ดูสวยงามตามงบประมาณที่เหลือเพื่อป้องกันไม่งบบานปลายนั่นเอง
4.เปรียบเทียบอัตราสินเชื่อของแต่ละแห่ง
“ดอกเบี้ยเงินกู้” ถือเป็นหนึ่งในต้นทุนที่เราควรคำนึงถึงเมื่อคิดจะซื้อ คอนโด BTS เพื่อปล่อยให้เช่า ดังนั้นจึงควรยื่นกู้หลายๆ สถาบันทางการเงินเพื่อเปรียบเทียบดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละแห่ง ซึ่งจะทำให้เราสามารถประหยัดต้นทุนและเพิ่มส่วนต่างในการทำกำไรได้ นอกจากนี้ในบางสถาบันทางการเงินยังได้มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งถ้าเราเลือกขอสินเชื่อกับธนาคารที่มีบัญชีเงินฝากอยู่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะได้ดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราพิเศษตามมา
5.คัดกรองผู้เช่าที่ไว้ใจได้
ไม่ใช่แค่ผู้เช่าเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือก เจ้าของห้องอย่างเราก็สามารถที่จะคัดกรองผู้เช่าเพื่อเลือกคนที่มีแนวโน้มที่จะสามารถชำระค่าใช้จ่ายในระยะยาว รวมไปถึงมีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่จะไม่สร้างผลกระทบต่อเพื่อนบ้านห้องอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าถ้าหากผู้เช่าทำพฤติกรรมที่รบกวนผู้อื่น บุคคลที่นิติฯ จะต้องติดตามเป็นคนแรกก็คือชื่อเจ้าของห้องซึ่งเป็นตัวเรานั่นเอง ดังนั้นการพูดคุยสอบถามเพื่อคัดกรองเบื้องต้นจะช่วยทำให้เรามั่นใจว่าจะได้ผู้เช่าที่เหมาะสมซึ่งส่งผลต่อการคงอยู่ของสภาพห้องและงบประมาณในการปรับปรุงที่จะตามมาในอนาคตอีกด้วย
แค่เพียงทำตาม 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น เท่านี้ ชาว Gen-C ก็สามารถสร้างกำไรจากการปล่อยให้เช่าคอนโดได้เรียบร้อยแล้ว แต่ขอเตือนสักนิดว่าการลงทุนทุกชนิดย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนนะครับ
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
