คนบนโลกใบนี้ล้วนแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “เงิน” การที่เราต่างก็แสวงหาเงินก็เพื่อความรู้สึกว่าตัวเรา และครอบครัวมีความ “มั่นคง” แต่หลายครั้งการแสวงหาของเรามันเกินขอบเขต เมื่อมันเกินกว่าขอบเขตที่ควรจะเป็น “ความสุข” มันก็จะลดน้อยถอยลงไป โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว เรามาดูวิธีการที่เราจะรวยได้แบบยั่งยืน ได้ทั้งความสุข ความมั่งคั่ง และมั่นคง
วิธีการแรก “มองหาสิ่งที่เราจะทำมันได้ไปตลอดชีวิต”
คนเราแต่ละคนมีความถนัด และความชอบที่แตกต่างกัน หากเราไปทำในสิ่งที่มันไม่ใช่ ก็เปรียบเหมือนเอาปลาไปปีนต้นไม้ เอาลิงไปว่ายน้ำ ทำแบบนี้ทั้งปลา และลิงต่างก็ไม่มีความสุข … ถ้าเราอยากทำสิ่งต่างๆ อย่างมีความสุข ก็ควรที่จะมองหาสิ่งที่เราจะทำมันไปได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฝืนใจ หากเราคิดเพียงว่าทำเพื่อเงิน เราอาจต้องทนทุกข์ทรมาน เหมือนตกนรกตลอดเวลา ด้วยความอึดอัดคับข้องใจ ทำแบบนี้ไม่เป็นผลดีเอาเสียเลย
การที่เราเป็นทุกข์ = ชีวิตเราขาดทุนเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งสิ่งที่เราชอบอาจไม่ใช่ลักษณะของงาน แต่อาจเป็นวิถีชีวิตที่เราชอบ บางครั้งเราทำงานประจำโดยไม่รู้ว่าชอบมันหรือเปล่า แต่เราอาจรู้แน่ๆ ว่าเราชอบวิถีชีวิตแบบนั้น ตื่นแต่เช้าเดินทางไปทำงาน พบเพื่อนร่วมงาน จิบกาแฟอุ่น เริ่มต้นทำงาน เราอาจชอบวิถีชีวิตแบบนี้ ซึ่งนั่นก็คือ “ความสุขใจ” เช่นกัน
วิธีการที่สอง “ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ และสร้างสรรค์”
การตั้งเป้าหมายชีวิตเปรียบเหมือน “เข็มทิศ” ที่จะพาเราไปยังจุดหมายปลายทางที่เราตั้งใจเอาไว้ … แต่การตั้งเป้าหมายที่เกินความพอดีนอกจากจะไม่เป็นผลดีแล้ว อาจทำให้เราต้องทุกข์ใจเอาง่ายๆ เพราะหากเราไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้สูงลิ่ว หรือเกิดอุปสรรคใหญ่ๆ ที่เราผ่านมันไปไม่ได้ สิ่งนี้จะเป็นทุกข์แสนสาหัส ทางที่ดีเราควรตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ และสร้างสรรค์จะดีกว่า
วิธีการที่สาม “ทำงานวันต่อวันโดยไม่ต้องคิดอะไร”
การทำงานแบบเร่งรัดให้ถึงเป้าหมายเร็วๆ มันจะทำให้เราทุกข์ แต่หากเราทำงานวันต่อวันโดยไม่ต้องคิดอะไร จะทำให้เราสุขใจได้ง่ายกว่า … เมื่อมนุษย์คนหนึ่งเริ่มที่จะคิด เขาจะทุกข์ใจทันที สำหรับความคิดนั้น มีไว้ใช้ตอนเราวางแผนเพื่อปรับปรุงงานให้ดีขึ้น พอเราได้แผนการที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว เราก็ลงมือทำแบบวันต่อวันโดยไม่ต้องคิด ทำสะสมไปวันๆ ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานก็พอ สะสมมากๆ เข้ามันก็จะ “ทบต้น” และกลายเป็นผลงานชิ้นใหญ่ไปเองโดยอัตโนมัติ
วิธีการที่สี่ “อย่าลืมวางแผนการเงิน”
บางคนทำงานได้เงินมาก็ใช้ไปวันต่อวันโดยไม่ได้มีการวางแผน สิ่งเหล่านี้ทำจนเป็นนิสัย หลายๆ เดือน หลายๆ ปี หลายสิบปี ทำให้ทำงานมานานก็ยังไม่มีเงินเก็บซักที … ทางแก้ไขก็คือ ควรวางแผนการเงินตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน วิธีการนั้นง่ายมาก เราแบ่งเงินมาเก็บออมก่อน 10-20% ที่เหลือค่อยนำไปใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเงินเดือน 1 หมื่นบาท เราก็แบ่งมาเก็บอย่างน้อย 1,000 – 2,000 บาทต่อเดือนไปเลย เก็บแบบนี้ครบปีเราจะมีเงินกว่า 1.2 – 2.4 หมื่นบาท ถ้าเก็บไปเรื่อยๆ ภายในสิบปีเราจะมีเงินแสนได้อย่างแน่นอน ทำจนเป็นนิสัย มีวินัย เราก็จะมีเงินเก็บโดยอัตโนมัติ ทำได้แบบนี้รับรองไม่จน และถ้าหากรู้วิธีทำเงินให้งอกเงยได้ ยิ่งต่อยอดความมั่งคั่งได้อีกมากมายทีเดียวครับ
วิธีการสุดท้าย “ปล่อยวางจากทุกสิ่ง”
การยึดมั่นอะไรมากจนเกินไป สิ่งที่เรายึดไว้มันจะกัดเราในที่สุด ยึดตัวเอง เวลามีใครมาด่าตัวเราเราก็เจ็บ แบบนี้เรียกว่ามันกัดกินใจของเราเอง ยึดบาป บาปก็กัด ยึดบุญ บุญก็กัด ทางที่ดีที่สุดก็คือ “ปล่อยวางจากทุกสิ่ง”
ถ้าเรามองด้วยใจที่เป็นกลาง เราจะเห็นว่ารอบตัวเราล้วนมีความเป็นไปตามธรรมชาติ มีเหตุ มีปัจจัย และมีผลของการกระทำด้วยตัวมันเอง หากเราอยากให้ผลดีเราก็ต้องทำดี เช่น ถ้าเราหมั่นเก็บออมด้วยความมีวินัย เราก็จะมีเงินออมอย่างแน่นอนที่สุด ทำได้ดังนี้เราก็จะสุขใจ ทำงานได้งานก็มีความสุข ได้เงินเป็นของแถม เก็บออมก็มีเงินเก็บ นำเงินไปลงทุนต่อยอดให้งอกเงยได้ เราก็จะได้ทั้งความสุขใจ ความมั่งคั่ง และมั่นคงในที่สุดนั่นเอง
