NOTE:
– ส่วนใหญ่สถาบันการเงินทั้งหลายจะปล่อยกู้สินเชื่อให้กับลูกค้าทั่วไปในสัดส่วนร้อยละ 80 ของราคาประเมิน
– จากผลการสำรวจประจำเดือนมกราคม (2561) ธนาคารแห่งประเทศจีน (BOC) เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่หลากหลายและมีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านถูกที่สุดราวๆร้อยละ 3.10 รองลงมาเป็นธนาคารทหารไทย (TMB) ร้อยละ 3.99 และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ร้อยละ 4.18
– ปกติแล้วธนาคารจะกำหนดระยะเวลาการผ่อนบ้านเอาไว้ในช่วง 15 – 30 ปี โดยเมื่อรวมกับอายุของผู้กู้แล้วจะต้องไม่เกิน 65 – 70 ปี
เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดว่าอยากมีบ้านเป็นของตนเองกันใช่ไหมครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก่อนที่เราจะซื้อบ้านได้นั้นก็จำเป็นที่จะต้องมี “เงินเก็บ” ให้อยู่ในปริมาณที่เพียงพอกันเสียก่อน วันนี้เราจึงได้นำทริคออมเงินอย่างไรให้สามารถซื้อบ้านเป็นของตนเองได้มาฝากชาว Gen-C ให้ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ
อยากซื้อบ้านต้องมีเงินออมขั้นต่ำเท่าไหร่?
ไม่ว่าเราจะมีแผนซื้อบ้านหรือไม่ก็ตาม “เงินออม” ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์ทุกคนแทบทั้งสิ้น เนื่องจากเราไม่สามารถคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้เลยว่าจะมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็น คนในบ้านล้มป่วย เกิดอุบัติเหตุ ซ่อมแซมต่อเติมบ้าน ฯลฯ การออมเงินไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเราให้เราเสี่ยงต่อสถานการณ์ขัดสนน้อยที่สุด
และยิ่งถ้าหากมีแพลนที่กำลังจะซื้อบ้าน เราจึงควรออมเงินให้ได้เกินร้อยละ 20 ของราคาบ้านที่จะซื้อจะเป็นการดีที่สุด เช่นถ้าหากต้องการซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท เราควรมีเงินออมอย่างต่ำ 2 แสนขึ้นไป เพื่อที่ว่าจะได้นำเงินออมเหล่านี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีที่ขอสินเชื่อได้ไม่เต็ม 100% นั่นเอง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนใหญ่แล้วการซื้อบ้านแต่ละครั้งก็มักจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายในวันโอน ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า ค่าประกัน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อที่ต้องรับภาระ ดังนั้นนอกเหนือจากการออมเงินให้เกินร้อยละ 20 ของราคาบ้านแล้ว ควรต้องมีเงินออมอีกราวๆ ร้อยละ 5-10 เพื่อเผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
เริ่มต้นออมอย่างไรให้มีเงินเก็บเพียงพอ?
การออมเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านนั้นควรเป็นการออมที่ทำประจำสม่ำเสมอทุกเดือน โดยเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายราคาบ้านที่อยากได้เสียก่อน จากนั้นจึงดูว่าเราจะซื้อบ้านหลังนี้เมื่อตอนประมาณอายุเท่าไหร่ ซึ่งการออมที่มีระยะเวลายาวนานเกินไปก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยทางด้านอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดิน ค่าเงิน หรือแม้แต่ความเจริญที่อาจทำให้มูลค่าหมู่บ้านที่ต้องการเพิ่มสูงขึ้น
ยกตัวอย่าง หากเราตั้งเป้าว่าจะซื้อบ้านตอนอายุ 30 ปีในราคา 2 ล้าน เราจะต้องมีเงินเก็บอยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท ซึ่งในขณะนี้เรามีอายุ 25 ปี เงินเดือน 20,000 บาท เราจะต้องใช้เวลาที่เหลือในการออมเงินเดือนละ 8,333 บาท จึงจะมีเงินเก็บ 500,000 เพื่อซื้อบ้านได้ในตอนอายุ 30 นั่นเอง
และในปัจจุบันบางโครงการอสังหาริมทรัพย์ก็ได้เปิดให้ผู้ซื้อสามารถทยอยจ่ายเงินดาวน์ผ่านโครงการก่อนทำการซื้อขายจริงล่วงหน้าเป็นปีๆ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราได้ทยอยชำระค่าใช้จ่ายในบางส่วนก่อนวันซื้อขายจริงโดยไม่ต้องเก็บเงินเป็นก้อนได้อีกเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างวิธีการออมที่ทำให้เรามีเงินเก็บอย่างสม่ำเสมอ
1.สมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นหนึ่งในวิธีการเก็บเงินแบบเบสิคที่แทบจะทุกบริษัทต้องมี โดยข้อดีของกองทุนประเภทนี้คือจะหักออกจากเงินเดือนในจำนวนที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้แต่ละบริษัทยังมีการสมทบเงินให้เพิ่มเติมอีกด้วย (ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละบริษัท) และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกทาง
2.ฝากประจำ
ในเมื่อเป็นเงินออมที่ต้องใช้ในระยะยาวดังนั้นเราจึงควรฝากประจำเพื่อเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้มีความสม่ำเสมอทุกเดือน นอกจากนี้การฝากประจำยังทำให้เราได้ดอกเบี้ยที่มากกว่าการฝากแบบปกติอีกด้วย
3.ตั้งเป้าค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
ตั้งเป้าค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเพื่อควบคุมงบการเงินไม่ให้บานปลาย เช่น พกเงินไปทำงานวันละ 300 เหลือเท่าไหร่ก็หย่อนใส่กระปุก เป็นต้น
4.เพิ่มรายรับให้มากกว่าหนึ่งทาง
การหาเวลาว่างรับงานนอกเสริมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำให้เงินออมของเราเพิ่มขึ้นได้อีกเช่นเดียวกัน
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก: www.aborrow.com