หากใครที่เคยแวะเวียนไปแถวๆ ชิดลมคงต้องเคยเห็นตึกสีแดงที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบริเวณสี่แยกกันใช่ไหมครับ ซึ่งตึกที่ว่านี้ก็คือโครงการ ‘’ ที่ได้เปิดให้บริการมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทั้งนี้จุดเด่นของโครงการจะอยู่ที่การรวบรวมเอาบรรดาร้านอาหารชื่อดังจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาไว้กว่า 50 ร้าน ทำให้เราได้ลิ้มรสอาหารชื่อดังของต่างชาติได้โดยไม่ต้องเดินทางไปประเทศนั้นๆ ที่สำคัญยังตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับสถานีรถไฟฟ้าชิดลมอีกด้วย
และเพื่อไม่ให้เสียเวลา วันนี้เราจะพาชาว Gen-C Blog ไปทัวร์ Mercury Ville แลนด์มาร์กสำหรับนักชิม กันครับ
เริ่มต้นกันที่ร้านแรกกับ ‘Ya Kun Coffee & Toast’ ร้านกาแฟ ขนมปังชื่อดังจากสิงคโปร์ที่เราต่างคุ้นเคยกันดี ซึ่งตอนนี้ร้าน Ya Kun Coffee & Toast ก็ได้เข้ามาเปิดให้บริการภายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดเด่นของร้านอยู่ที่เมนูอาหารเช้าที่เป็นขนมปังโทสต์และเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ ที่ยังคงเอกลักษณ์ทั้งทางรสชาติและการตกแต่งร้านเช่นเดียวกับสาขาในประเทศสิงคโปร์เลยครับ
‘Sushi-OO’ คือร้านซูชิสไตล์โอซาก้าที่มีการอิมพอร์ตวัตถุดิบต่างๆ มาจากตลาดปลาในญี่ปุ่นโดยตรง จุดเด่นอยู่ที่เมนูสไตล์โอซาก้า ที่เป็นการดับเบิ้ลเนื้อปลาลงไปบนซูชิสองชิ้น ให้เราได้ลิ้มรสชาติในแบบฉบับของ ‘ซาซิมิง และ ‘ซูชิ’ ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งนอกจากซูชิแล้วทางร้านยังมีเมนูปลาอื่นๆ ให้เลือกชิมภายใต้บรรยากาศของร้านซูชิที่ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบสุดๆ
สำหรับใครที่เป็นสาวกอาหารประเภทเส้นคงต้องห้ามพลาด ‘Sato No Udon’ ร้านอูด้งเส้นเหนียวนุ่มที่ส่งตรงจากเมืองฟูจิซาวะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นอันขาด จุดเด่นภายในร้านอยู่ที่การทำเส้นอูด้งแบบสดใหม่ (ถ้าเหลือคือทิ้ง) และเมนูประเภทข้าวหน้าหมูแบบต่างๆ ที่ปรุงโดยพ่อครัวชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ให้ลิ้มรอง นอกจากเมนูอาหารแล้ว การตกแต่งภายในร้านยังอ้างอิงมาจากร้านอูด้งของญี่ปุ่นแท้ๆ เลยอีกด้วย
‘Sei Ryu Sushi’ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านซูชิที่มีมากมายหลายสาขาในบ้านเรา โดยหนึ่งในสาขาที่ว่าก็ตั้งอยู่ใน Mercury Ville แห่งนี้ โดยจุดเด่นของร้านอยู่ที่การตกแต่งที่ให้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นที่ถูกผสมผสานเข้ากับคาเฟ่สไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัว
‘Savoey Restaurant’ หรือ ‘เสวย’ ร้านอาหารไทยระดับตำนานที่ทุกๆ คนรู้จักกันดี จุดเด่นอยู่ที่เมนูซีฟู้ดที่มีความหลากหลาย และรสชาติกลมกล่อมเช่นเดียวกับสาขาต้นตำรับ
นอกจากร้านอาหารแล้ว ที่นี่ยังมีแหล่งชิลเอาท์ในยามค่ำคืนอย่าง ‘Roof 409 Bar & Bistro’ ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มีจุดเด่นอยู่ที่บรรยากาศที่สวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนดาดฟ้า ในส่วนของเมนูอาหารจะเน้นไปที่อาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำรับคู่กับเมนูเครื่องดื่มที่มีมากมายให้เลือก
และถ้าชาว Gen-C Blog คนไหนเป็นสายรักสุขภาพ คงต้องไม่พลาด ‘Veganerie’ คาเฟ่สุดชิลสำหรับคนรักสุขภาพนั่นเอง โดยจุดเด่นของร้านนี้คือการที่ทุกเมนูภายในร้านจะไม่มีส่วนผสมของ เนย นม ไข่ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเหมาะกับคนที่เป็น Vegan หรือ รับประทานเจ เป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้จะไม่มี นม เนย ไข่ แต่ก็สามารถปรุงอาหารออกมาได้หน้าตาน่ารับประทานมากๆ
นอกจากนี้แล้ว คอชาไข่มุกคงต้องห้ามพลาด เพราะที่ Mercury Ville ก็ได้นำเอา ‘CoCo Fresh Tea & Juice’ ร้านชาไข่มุกเคี้ยวหนึบที่โด่งดังสุดๆ ในต่างประเทศ จึงไม่แปลกที่จะเห็นชาวต่างชาติและคนไทยต่อแถวรอซื้อชาไข่มุกจากร้านนี้อย่างยาวเหยียด
หรือถ้ายังเติมความหวานกันไม่จุใจก็สามารถแวะมานั่งชิลที่ ‘Happy Now Café’ ร้านคาเฟ่เล็กๆ หนึ่งคูหาที่อยู่ตรงข้าม Sato No Udon ได้ด้วยเช่นเดียวกัน จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่เมนูเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ และของทานคู่กันอย่างเมนูขนมปังที่หลากหลายนั่นเอง
ปิดท้ายกันที่ ‘Dressed’ ร้านอาหารเพื่อคนรักสุขภาพ ที่ภายในจะมุ่งเน้นไปที่สลัดและเมนูผักต่างๆ ซึ่งนอกจะเลือกทานจากทางร้านแล้วยังสามารถสร้างสรรค์เมนูสลัดเป็นของตัวเองได้อีกด้วย
‘Superfit’ เมนูสลัดจากทางร้านที่ประกอบไปด้วย ผักกาดแก้ว ผักโขม ฝรั่ง เก๋ากี้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไก่ย่าง บร็อคโคลี่ และ น้ำสลัดชิลี่แมงโก ที่ให้พลังงานเพียงแค่ 304 kcals (Size S) เท่านั้น
‘Margherita’ เมนูขนมปังปานินี่ ที่ประกอบไปด้วย ขนมปังปานินี่ มะเขือเทศ มอสซาเรลล่าชีส ใบโหระพาอิตาเลียน น้ำมันมะกอก และน้ำส้มสายชูบัลซามิก ที่เติมพลังได้ดี (469 kcals) และอยู่ท้องแบบสุดๆ
เรียกได้ว่ามาที่ Mercury Ville ที่เดียวจบ ครบทุกความต้องการตั้งแต่เมนูของทานเล่น เครื่องดื่ม ไปจนถึงอาหารคาวและอาหารหวานที่มีมากมายให้เลือกตั้งแต่ในประเทศไปจนถึงร้านจากต่างประเทศ ชาว Gen-C Blog สายชิมคนไหนที่ยังไม่เคยแวะมา Mercury Ville ขอบอกว่าลองแวะเข้ามาดูสักครั้งรับรองต้องติดใจอย่างแน่นอนครับ
Mercury Ville
- Open: เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.
- Address: 540 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ (รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานี ชิดลม)
- Facebook: www.facebook.com/metromallbangkok
