ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันนั้น ที่ทำให้เราหลาย ๆ คนยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากมีข้อจำกัดและมาตรการป้องกันมากมาย การชมภาพยนตร์ภายในโรงหนังก็เช่นกัน ดังนั้นใคร ๆ หลาย ๆ คนก็คงยังคิดถึงช่วงเวลาที่เราได้เดินทางไปชมภาพยนตร์เรื่องโปรดที่คุณตั้งตารอคอยที่โรงภาพยนตร์ที่ไหนซักแห่งอยู่แน่ ๆ
วันนี้เราจึงมีคำแนะนำในการแปลงคอนโดของคุณให้กลายเป็นโรงหนังส่วนตัวด้วยโปรเจคตัวน้อย จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
วางแผนก่อนการซื้อโปรเจคเตอร์
philips screeneo home theater projector
ก่อนที่เราจะทำการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์สำหรับการใช้งานที่คอนโดนั้น เราควรที่จะวางแผน สำรวจพื้นที่สำหรับการติดตั้งเครื่องโปรเจคเตอร์ก่อนว่ามีพื้นที่ขนาดเท่าไหร่ มีระยะในการรับชมภาพที่เหมาะสมหรือไม่? เพราะอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าภายในพื้นที่ของคอนโดนั้นอาจจะมีข้อควรระวังในเรื่องข้อจำกัดของพื้นที่ห้อง ดังนั้นคุณอาจจะเลือกขนาดของโปรเจคเตอร์ที่มีขนาดเล็ก พกพาได้ง่าย น้ำหนักเบา และรองรับการใช้งานได้ทั้งการวางไว้บนโต๊ะหรือวางแขวนไว้กับเพดานอย่างโปรเจคเตอร์ประเภท Short Throw Projector นั่นเอง
เลือกสเปคความคมชัดของโปรเจคเตอร์
ในปัจจุบันนั้นมีโปรเจคเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการรับชมภาพยนตร์หรือใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง อีกทั้งยังมีความละเอียด ความคมชัดของภาพที่ต่างกันไปขึ้นอยู่กับสเปคของเครื่องโปรเจคเตอร์นั้น ๆ ซึ่งถ้าหากจะเลือกโปรเจคเตอร์ที่มีความคมชัดที่เหมาะสมสำหรับการรับชมภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ภายในคอนโดหรือที่บ้านนั้น
เราขอแนะนำให้เรื่องความละเอียดของภาพในระดับ Full HD (1920 x 2160) ขึ้นไป เพราะความละเอียดแบบ Full HD นี้จะทำให้คุณได้ชมภาพยนตร์ได้อย่างคมชัด เก็บทุกรายละเอียดได้อย่างชัดเจนและได้อรรถรส ถ้าหากเปรียบเทียบกับโปรเจคเตอร์ที่มีความละเอียดน้อยตามปกติทั่วไป โดยที่จะมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ XGA (1024 x 768) เท่านั้น ซึ่งความละเอียดนี้จะเหมาะสำหรับการใช้งานนำเสนอทั่วไปมากกว่าการนำมาใช้เพื่อความบันเทิง
สะดวกสบายทุกการใช้งานด้วยโปรเจคเตอร์ที่รองรับทุกการเชื่อมต่อ
คงจะดีไม่น้อยถ้าหากอุปกรณ์ Gadget หรือโปรเจคเตอร์ของคุณนั้นรองรับการใช้งานไร้สาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องต่อสายอะไรให้วุ่นวายและต้องทำให้คุณมานั่งเก็บสายที่ต่อกันระโยงระยางกันไปหมด ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์สำหรับใช้ภายในคอนโดหรือห้องพักของคุณทุกครั้ง อย่าลืมมองหาโปรเจคเตอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หรือการเชื่อมต่อโดยใช้ Wi-Fi เป็นต้น เพราะนอกจากที่จะทำให้คุณใช้งานได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อสาย USB หรือ HDMI แล้ว ยังทำให้คุณประหยัดพื้นที่ในการใช้งานเครื่องโปรเจคเตอร์อีกด้วย