แพ้ขนแมว อาการที่ทาสแมว ต้องรู้และจำเอาไว้ให้ดี พร้อมวิธีการแก้แพ้!

ถึงแม้หลายคนจะตกเป็นทาสแมวมานานแล้ว แต่เมื่อย้ายเข้าไปอยู่ในคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้พร้อมกับน้องแมวสุดที่รัก ก็ปรากฎอาการอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ แพ้ขนแมว หรือเปล่า เพราะก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยเป็น มาลองดูว่าอาการ แพ้ขนแมว เป็นแบบไหนกันบ้าง และถ้าหากว่าใช่ จะต้องรักษาอาการแพ้เหล่านี้ยังไงดี

แพ้ขนแมว เกิดจากอะไรได้บ้าง ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีอาการ

อาการแพ้ขนแมวที่มักพบกันบ่อยๆ มักจะต้องมีอาการดังต่อไปนี้ 1-3 ข้อด้วยกัน

  • มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณที่สัมผัสกับแมวบ่อยๆ
  • มีอาการระคายเคืองบริเวณดวงตาอย่างหนัก อาจพบอาการตาแดงร่วมด้วย
  • หายใจไม่ค่อยสะดวก น้ำมูกไหลตลอดเวลา
  • มีอาการไอ จาม และมีเสมหะอยู่ในลำคอบ่อยๆ
  • มีอาการคันรอบดวงตา และตามผิวหนัง

ถ้าคุณเคยเลี้ยงแมวมาก่อน แล้วมีอาการเหล่านี้น้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย แต่พึ่งมาเป็นตอนที่ย้ายมาอยู่คอนโด ก็เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากมีพื้นที่แคบลง ทำให้ได้รับฝุ่นต่างๆ ที่ติดมากับขนแมวเต็มๆ รวมถึงอาจจะทำความสะอาดห้องได้ไม่ดีพอ จึงทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น

ความจริงแล้วอาการที่เรียกกันว่า แพ้ขนแมว ไม่ได้เกิดจากการแพ้ขนที่หลุดร่วงของน้องแมวจริง ๆ แค่เป็นการแพ้โปรตีนบางอย่าง ที่เกิดจากน้ำลายของแมวเวลาเลียขนทำความสะอาดตัว บางครั้งโปรตีนนี้ก็อาจปะปนมาอยู่กับปัสสาวะและอุจจาระของแมวอีกด้วย โปรตีนชนิดนี้สามารถอยู่ได้นาน 5-6 เดือน เมื่อคุณเข้าไปกอด อุ้มแมว ก็จะได้รับโปรตีนชนิดนี้เข้าไปในร่างกาย ซึ่งก็เป็นไปได้ที่กลไกป้องกันสิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายของคุณจะสร้างแอนติบอดี้บางอย่างขึ้นมาต่อสู้กับโปรตีนชนิดนี้ จนทำให้เกิดอาการผิดปกติบางอย่างขึ้นมา

แน่ใจได้อย่างไร ว่าเรากำลังแพ้ขนแมวจริงๆ

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะบางคนก็เล่นกับแมว หรืออยู่กับแมวมานานมาก แต่ไม่เคยมีอาการเหล่านี้เลย จึงอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าตัวเองอาจจะแพ้อย่างอื่นมากกว่า วิธีการเช็กว่าตัวเองแพ้ขนแมวหรือเปล่าแบบที่ง่ายที่สุด ก็คือการไปทำสกินเทส (Skin Test) กับแพทย์ด้านผิวหนังโดยตรง วิธีนี้จะรู้ผลภายใน 15 นาที เพียงแค่หยดสารละลายที่มีส่วนผสมของสิ่งแปลกปลอมที่มักทำให้เกิดอาการแพ้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโปรตีนในขนแมวด้วย หลังจากนั้นจะมีการใช้เข็มสะกิดบริเวณผิวหนังนิดหน่อย เพื่อให้น้ำยาซึมลงไป และถ้าหากเกิดอาการบวมแดงขึ้นมา ก็แปลได้ทันทีว่าคุณแพ้ขนแมวเข้าแล้ว

รวมวิธีแก้แพ้ขนแมว สำหรับชาวคอนโดที่รักแมวยิ่งกว่าชีวิต

ถึงจะรู้แล้วว่าตัวเองแพ้ขนแมวแต่ทาสแมวทุกคนก็ยังเลือกที่จะจงรักภักดีและอยู่กับนายทาสของตัวเอง เพราะฉะนั้นเราจึงได้รวบรวมทั้งวิธีแก้แพ้ และวิธีป้องกันไม่ให้อาการกำเริบระยะยาวให้ลองเอาไปทำกันดู

1.แปรงขนให้แมว

ไม่ใช่แค่หมาเท่านั้นที่มีการผลัดขนจำนวนมากๆ แมวเองก็มีปัญหานี้เช่นกัน โดยเฉพาะแมวที่มีขนปุกปุยอย่างแมวเปอร์เซีย แร็กดอลล์ บริติช สก็อตติชโฟล์ด เพราะฉะนั้นคุณจึงควรแปรงขนให้แมวเป็นประจำทุกวัน เพื่อกำจัดเส้นขนและฝุ่นละอองที่ติดอยู่กับตัวแมว ยิ่งแปรงเช้าเย็นได้ยิ่งดี และควรใส่หน้ากากอนามัยในระหว่างที่แปรงด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้แพ้ขนแมวที่ร่วงลงมาฟุ้งกระจายเข้าไปในร่างกายของคุณ และอย่าลืมใช้ที่ดูดฝุ่นเก็บทำความสะอาดทุกครั้ง อย่าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ

2.อาบน้ำให้แมว

ถ้าคุณเคยอาบน้ำให้แมวอาทิตย์ละครั้ง หรือน้อยกว่านั้น ต้องเปลี่ยนมาอาบให้ถี่ขึ้นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อชำระล้างคราบโปรตีนที่เกิดจากน้ำลายแมว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณเกิดอาการ แพ้ขนแมว การที่แมวตัวสะอาดอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้แมวลดการเลียขนตัวเองลงด้วย แต่ถ้าหากใครพบว่าอาบน้ำให้น้องบ่อยแล้วน้องมีอาการระคายเคืองจากแชมพู อย่างน้อยก็ให้เอาทิชชูเปียก หรือผ้าชุบน้ำหมาด เช็ดไปตามตัวน้องก็ยังดี

3.ทำความสะอาดห้อง

นอกจากทำความสะอาดตัวแมวและหมั่นแปรงขนเป็นประจำแล้ว ห้องของคุณก็ต้องขยันทำความสะอาดเช่นกัน อย่างน้อยๆ ต้องดูดฝุ่นวันเว้นวัน หรือต้องกวาดเศษขนต่าง ๆ ไปทิ้ง และถ้าหากเป็นไปได้ ก็ควรขยันเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว พัดลม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขนแมวสามารถปลิวไปติดได้ ที่นอนของน้องแมวก็ควรขยันทำความสะอาดด้วย สำหรับใครที่มีโซฟา ก็ควรซื้อที่ดูดฝุ่นสำหรับโซฟาโดยตรง หรือควรมีผ้าคลุม ผ้ารองที่สามารถถอดออกไปซักได้ง่าย

4.ล้างมือบ่อยครั้ง

ทุกครั้งที่มีการกอดรัดฟัดเหวี่ยงแมวเสร็จสิ้นแล้ว ควรล้างมือเป็นประจำ เพื่อลดเชื้อโรค ฝุ่น แบคทีเรีย รวมทั้งโปรตีนจากน้ำลายแมวที่ติดอยู่ตามร่างกายของคุณ หรือถ้าหากมีอาการแพ้มากก็ควรจะอาบน้ำเลย และที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือเรื่องของอาหาร ในกรณีที่รู้ตัวว่า แพ้ขนแมว แล้ว ก็ไม่ควรจะหยิบอาหารกินด้วยมือ ควรใช้ช้อนส้อมหรือตะเกียบเท่านั้น เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนมือจะปนเปื้อนไปกับอาหาร ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้

5.กั้นพื้นที่ให้แมวเป็นสัดส่วน

ถ้าคุณเคยนอนใกล้ชิดกับน้องแมวมาก ขนาดที่นอนบนเตียงเดียวกัน ใช้ผ้าห่มเดียวกันต้องเลิกโดยเด็ดขาด ให้หาซื้อบ้านที่เป็นสัดส่วนให้กับน้องแมว อย่างน้อยก็ควรจะเป็นห้องกระจก หรือมีที่กั้นเป็นสัดส่วน มีประตูเปิดปิดที่น้องแมวเดินทะลุได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนติดตามบริเวณที่นอนของคุณมากจนเกินไป หรือถ้าหากมีห้องนอนแยกต่างหาก ก็ควรตั้งบ้านไว้ให้น้องนอนบริเวณด้านนอกของห้องนอนแทน

6.ใช้เครื่องฟอกอากาศ

ถึงแม้ว่าคุณจะทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่ายังไงก็ต้องมีขนแมวปลิวว่อนอยู่ในห้องของคุณอย่างแน่นอน เพราะขนแมวมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา และส่วนมากมักจะมองไม่ค่อยเห็นด้วยตาเปล่า เพราะฉะนั้นจึงควรซื้อเครื่องฟอกอากาศมาช่วยดูดขนแมวเหล่านี้ รวมทั้งเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่าง ๆ พร้อมกับปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน ถ้าหากว่าเลือกรุ่นที่ราคากลางค่อนไปทางสูง เครื่องจะมีระบบที่ช่วยกำจัดขนแมวแบบจริงจังอีกด้วย

7.เสริมวิตามินให้แมว

การเสริมวิตามินให้แมว เป็นสิ่งที่ทาสแมวทุกคนมักจะทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะใครๆ ก็อยากให้น้องอยู่กับเราแบบแข็งแรงๆ ไปนานๆ แต่สิ่งที่ต้องเน้นมากๆ คือวิตามินที่มีส่วนประกอบของโอเมก้า 3 หรือวิตามินอื่นๆ ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงขน วิตามินเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ขนแมวยาวขึ้น หรือยาวเร็วอย่างที่เข้าใจผิดกัน แต่จะช่วยลดการหลุดร่วงของขน และทำให้ขนมีความแข็งแรงมากขึ้น สังเกตได้เลยว่าหากให้แมวกินเป็นประจำ เวลาแปรงขนจะมีขนหลุดติดน้อยลงแบบชัดเจน

8.ให้แมวกินอาหารแบบไม่มีธัญพืช

อาหารไร้ธัญพืช หรือ Grain Free ไม่ได้มีแค่เฉพาะในคนเท่านั้น แต่ยังมีสำหรับแมวด้วย แม้ราคาจะสูงกว่าอาหารทั่วไปสักหน่อย แต่เชื่อว่าแลกกับอาการภูมิแพ้ของคุณ ยังไงก็คุ้มกว่าแน่นอน การให้แมวกินอาหารที่เป็นเกรนฟรี หรือกินแบบที่มีแต่เนื้อสัตว์โดยตรง จะทำให้โปรตีนที่อออกมากับน้ำลายของแมวเปลี่ยนไป และเมื่อแมวสุขภาพดีจากภายในก็ทำให้ขนหลุดร่วงน้อยลงด้วย เปลี่ยนอาหารครั้งเดียว ได้ถึงสองต่อเลย

9.เคลียร์พื้นที่ห้องให้โล่ง

เรื่องนี้ไม่น่าห่วงมาก เพราะทาสแมวหลายคนก็พยายามจะซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาน้อย ๆ เพื่อให้นายทาสของตัวเองมีที่เดินเล่นอย่างเต็มที่ และถ้าหากมีเฟอร์นิเจอร์มากเกินไปจนทำให้น้องอึดอัด ก็อาจทำให้เกิดอาการไม่พอใจและทำลายข้าวของได้ แต่ถึงยังไงก็อยากให้จัดการห้องให้โล่งมากที่สุด อาการถ่ายเทสะดวก สิ่งของอะไรที่มีลักษณะคล้ายกับพรมให้เอาออก แล้วให้เปลี่ยนมาใช้อะไรก็ได้ที่ไม่ติดขนสัตว์แทน เพื่อที่คุณจะได้ทำความสะอาดง่าย ไม่มีมุมอับที่อาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค

10.ล้างของเล่นแมว

หลายคนมักจะมีตุ๊กตา ลูกบอล หรือของเล่นต่าง ๆ ให้น้องแมวได้วิ่งไล่ในช่วงที่คุณไม่ว่างเล่นด้วย และบางทีคุณเองก็จับของเล่นเหล่านี้มาเล่นกับแมวของคุณ เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมทำความสะอาดของเล่นแมวเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเช่นกัน เพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดไปจับ แล้วเผลอขยี้ตา หยิบอาหารใส่ปาก หรือทำอย่างอื่นที่ทำให้โปรตีนจากขนแมวหลุดเข้าไปในร่างกายได้

11.กินยาแก้แพ้

ถึงแม้จะทำทุกอย่างแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะยังมีอาการ แพ้ขนแมว หรือแพ้บางอย่างอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ควรจะกินยาแก้แพ้ควบคู่กันไปด้วย สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยาใกล้คอนโดของคุณได้เลย แต่แนะนำว่าหากช่วงนี้มีการ Work From Home อยู่ด้วย ก็ควรเลือกยาแก้แพ้ชนิดแบบที่ไม่ง่วง ในกรณีที่ไม่สะดวกทานยา ให้เลือกใช้เป็นยาแก้แพ้หลายแบบที่สามารถฉีดพ่นเข้าไปทางจมูกและคอได้ เพียงแต่อาจจะมีราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว

12.ภูมิคุ้มกันบำบัด

ถ้าหากว่าทำมาทุกวิธี และต้องคอยกินยาแก้แพ้อยู่เรื่อย ๆ เป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับคุณพอสมควร ก็ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีการรักษาแบบทางเลือก ด้วยการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดดู วิธีนี้แพทย์จะเป็นผู้ฉีดสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งในที่นี้คือโปรตีนแทวเข้าไปในร่างกายของเรา เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชินและเลิกต่อต้านกับสิ่งนี้ไปเอง วิธีนี้ใช้เวลานาน มีราคาค่อนข้างสูง และยังต้องมาพบหมออยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าทำจนหายแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวปัญหาขนแมวนี้อีกเลย

ใครที่กำลังมองหาคอนโดของอนันดาที่สามารถเลี้ยงแมวได้ด้วย ก็ควรจะรู้เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการ แพ้ขนแมว ไว้บ้าง เพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ปฐมพยาบาลตัวเองได้ทัน หรือใครก็ตามที่ซื้อคอนโดของอนันดาแล้วเจอปัญหาแบบนี้ สามารถแจ้งนิติเพื่อขอความช่วยเหลือในการเรียกรถพยาบาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top