วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีคือวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นโอกาสที่พวกเราทุกคนจะได้กลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันอีกครั้ง (ถึงแม้ว่าเราควรจะใส่ใจมันอยู่ทุกวันก็ตาม) สิ่งที่น่ากังวลคือตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นที่ได้รับการพูดคุยกันอย่างแพร่หลายบนเวทีโลก และมีความพยายามต่างๆ ที่จะแก้ไขให้มันดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าแม้ในขณะนี้เองปัญหาหลายอย่างก็ยังคงอยู่ ลองมาทบทวนกันอีกทีว่า 5 ปัญหาใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมที่โลกเรายังต้องหาทางออกมีอะไรบ้าง
ภาวะโลกร้อน
ปัญหาที่ดูเหมือนจะใหญ่ที่สุดและกระทบกับผู้คนในวงกว้างอย่างเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ รายงานจาก Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) หรือคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้การทำงานขององค์การสหประชาชาติ ฉบับล่าสุดบอกอย่างชัดเจนว่า หากชาวโลกไม่รีบเปลี่ยนพฤติกรรมและช่วยกันฟื้นฟูโลกจากภาวะโลกร้อนในทันที ไม่ช้าเราอาจจะก้าวข้ามจุดที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และหากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 3 องศาเซลเชียสเมื่อไหร่ ภัยพิบัติทางธรรมชาติและการสูญพันธุ์ของสัตว์จะเพิ่มมากจนเราไม่อยากจินตนาการ
ขยะอาหาร
เรื่องอาหารเหลือทิ้งกลายเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังท้าทายพวกเราอยู่ จากสถิติแล้วในแต่ละปีมีอาหารกว่า 1 ใน 3 ที่ผลิตขึ้นมาหรือประมาณ 1,300 ล้านตันลงเอยด้วยการเป็นขยะซึ่งขยะเหล่านี้สร้างก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นกว่า 8% และส่งผลกับภาวะโลกร้อนด้วยเช่นกัน ในทางกลับกันในโลกนี้ยังมีผู้คนอีกว่า 800 ล้านชีวิตที่กำลังอดอยาก แต่ขยะอาหารยังเป็นปัญหาที่แก้ได้โดยนำขยะอาหารไปใช้ประโยชน์ต่อให้มากที่สุดหรือแจกจ่ายออกไปในขณะที่ยังรับประทานได้ แต่ทางดีที่เราควรซื้อหาและบริโภคแต่พอเหมาะเพื่อลดความสิ้นเปลืองและสร้างขยะอาหารให้น้อยที่สุดจะดีกว่า
ขยะพลาสติก
ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้เสียที นอกจากนี้ยังลุกลามเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดย Ocean Conservancy เปิดเผยว่าในปี 2016 ทั่วโลกมีการปล่อยขยะพลาสติกถึง 242 ล้านตัน และประเทศไทยก็อยู่ลำดับที่ 12 ของผู้ที่สร้างขยะชนิดนี้มากที่สุดซึ่งเป็นผลพวงมาจากสั่งซื้อสินค้าและอาหารที่ต้องมีบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากขึ้น แม้ว่าขยะจำนวน 19% จะสามารถรีไซเคิลได้ แต่มันส่วนที่เหลือก็ยังมากมายมหาศาลและสร้างปัญหาให้พวกเราอยู่ดี ภาครัฐเองก็มีความพยายามที่จะลดการใช้พลาสติกและมีกฤระเบียบเข้มงวดขึ้นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคเองที่จะต้องร่วมใจกันเปลี่ยนพฤติกรรมและพิทักษ์โลก
สัตว์ป่าสูญพันธุ์
ภัยเงียบที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงหลายปีนี้มีสัตว์ป่ามากมายได้สูญพันธุ์จากโลกนี้ไป โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมาองค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ (US Fish and Wildlife Service-FWS) ได้ประกาศว่ามีสัตว์ถึง 23 ชนิดสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นผู้เชี่ยวชาญยังคาดว่าภายในศตวรรษนี้จะมีสัตว์สูญพันธุ์ทั้งสิ้นกว่า 550 สายพันธุ์ โดยสาเหตุเกิดจากการถูกล่าและสภาพแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนไป การหายไปของสัตว์ย่อมหมายถึงการที่สมดุลของธรรมชาติเสียไปและแน่นอนจะส่งผลกระทบกับพวกเราในอนาคตด้วย
มลภาวะทางอากาศ
คุณไม่ได้คิดไปเองหรอกถ้ารู้สึกว่าอากาสมันแย่ขึ้นทุกวัน เพราะ IQAir บริษัทเทคโนโลยีคุณภาพอากาศในสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันว่าในปี 2021 ที่ผ่านมามีเมืองเพียงร้อยละ 3 ทั่วโลกที่มีปริมาณ PM 2.5 ในอากาศที่ผ่านเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ข้อมูลนี้บ่งชี้ได้ว่ามลภาวะทางอากาศได้ขยายตัวไปทั่วโลกแล้ว และอาจจะมีผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ และโรคปอดเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละปี และนี่คือปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพราะมันช่างใกล้ตัวเหลือเกิน
