ภาพยนต์ญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ไม่แตกต่างสิ่งอื่นของชนชาตินี้ มีการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนจนบางครั้งเราก็ต้องรอให้เรื่องราวตกผลึกในใจหลังจากดูหนังจบไปแล้วหลายวัน ความสุดของหนังญี่ปุ่นในด้านการบีบคั้นอารมณ์นั้นไม่เป็นสองรองใครในโลกแน่นอน เชิญพบกับโลกของหนังจากแดนปลาดิบที่ทั้งอบอุ่น ซาบซึ้ง เจ็บปวด เศร้าหมอง และบางครั้งก็เป็นความวุ่นวายในใจที่กลั่นออกมาไม่ได้ แต่เชื่อได้เลยว่าหนัง 5 เรื่องต่อไปนี้ เมื่อคุณดูแล้วจะลืมไม่ลงแน่นอน
Drive My Car
หนึ่งใน Finalist สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ปี 2022 ซึ่งใครที่รับชมก็ต่างยอมรับว่าบทเรื่องนี้เขย่าอารมณ์ได้อย่างหนักหน่วงจริงๆ หนังเล่าถึงผู้กำกับละครเวทีวัยกลางคนที่ต้องสูญเสียภรรยาไปอย่างกระทันหัน ทำให้เขาต้องตกอยู่ในความทุกข์ระทม แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเขาก็ยังเก็บความเจ็บปวดนี้อยู่ จนกระทั่งเขาได้รับงานกำกับละครเรื่องใหม่ ที่ต้องเดินทางไปกับคนขับเป็นผู้หญิงรุ่นลูก การเดินทางของทั้งคู่นี้เองจะเปิดเผยความลับที่ภรรยาของเขาปิดซ่อนไว้ และในบทสรุปมันก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล นี่คือหนังที่งดงามและถูกสร้างมาอย่างตั้งใจ ยอดเยี่ยมทั้งตัวบทและงานโปรดักชั่น และแน่นอนมันจะบีบคั้นอารมณ์คุณอย่างช้าๆ เจ็บให้สุดแล้วปล่อยวางเสีย
Sunny
เรื่องราวอบอุ่นหัวใจที่ชวนให้เสียน้ำตา หนังเล่าเรื่องของแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งที่บังเอิญไปพบเพื่อนเก่าสมัยมัธยมซึ่งกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล ก่อนจะรู้ความจริงว่าอาการป่วยนั้นคือมะเร็งระยะสุดท้าย และเพื่อให้เพื่อนของเธอมีความสุขในช่วงปลาย เธอจึงตามหาและรวบรวมเพื่อนในแก๊งเดิมให้กลับมาพบหน้ากัน หนังค่อยๆ เล่าสลับกันในช่วงยุคอดีตและช่วงเวลาปัจจุบัน ทำให้เห็นถึงความแตกต่างของตัวละครแต่ละตัว แน่นอนว่าใครที่มีชีวิตนักเรียนมัธยมโดยเฉพาะแก๊งเพื่อนสาวอาจจะมีเสียน้ำตาตั้งแต่ช่วงกลางเรื่อง เพราะมันชวนให้คิดถึงเหลือเกิน ความอบอุ่นของมิตรภาพได้ส่งผ่านจอออกมาสัมผัสหัวใจจนผู้ชมรู้สึกได้ และเมื่อหนังจบลง เราก็พบว่าการจากลาไม่ใช่เรื่องเศร้าแลช่วงเวลาระหว่างกันต่างหากที่มีความหมาย
Cafe Funiculi Funicula
จะดีไหมหากคุณสามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ เพียงแต่ต้องกลับมาก่อนที่กาแฟในถ้วยจะเย็นลง มิเช่นนั้นคุณจะติดอยู่ในนั้นตลอดกาล เชิญพบกับคาเฟ่สุดแปลกที่มีบริการลับให้คุณย้อนกลับไปพบกับคนที่ต้องการได้ เพื่อแก้ปมในใจและค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่พลอตก็ชวนให้น้ำตาแตกแล้ว เพราะมีทั้งเรื่องราวของพี่สาวที่เสียน้องสาวไปด้วยอุบัติเหตุ หญิงชราที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ และเรื่องชวนตกตะลึงของวิญญาณที่ติดอยู่กับที่นั่งในร้านกาแฟแห่งนี้ แม้ว่าเราจะคาดเดาเรื่องในแต่ละเคสได้ไม่ยาก แต่พอถึงเวลาหนังเฉลยจริงๆ เราก็อดสะเทือนใจไม่ได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามการย้อนอดีตไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนได้กลับไปแก้ไขอะไร เพียงแต่มันทำให้เราไป Move On จากปมในใจและใช้ชีวิตต่อไปเท่านั้น
Farewell Song
เมื่อญี่ปุ่นทำหนังรัก มันย่อมนำเราไปสู่ความรู้สึกที่ผสมปนเปกันในใจและทำให้เรามีน้ำตาด้วยความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ หนังมีชื่อไทยว่า เพลงรักเราสามคน ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คือหนังที่เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่ลงตัวเพราะมีผู้เล่นเกินมา 1 คนในเกมนี้ หนังดำเนินเรื่องโดยใช้ดนตรีเป็นแกน เล่าถึงการออกทัวร์วงดนตรีดูโอสาวกับโฮสต์หนุ่ม มีความเป็น Road Trip และมีการเก็บซ่อนความรู้สึกระหว่างกัน (และคนดูอาจจะหงุดหงิดว่าทำไมคนพวกนี้ถึงไม่เผชิญหน้ากันให้รู้แล้วรู้รอดไปสักที) พวกเขาใช้เพียงแค่สายตาและภาษากายที่แง้มให้เห็นความจริงในใจทีละน้อย ที่สุดแล้วการเดินทางนี้จะทำให้พวกเขายอมรับความจริงได้หรือไม่ ต้องติดตามกันดู
Brave Father Online
Our Story of Final Fantasy XIV: คุณเคยเล่นเกมกับพ่อไหม? เรื่องแบบนี้ฟังดูน่าอบอุ่นหัวใจแต่มันก็ยังธรรมดาเพราะพ่อลูกหลายๆ บ้านก็นั่งเล่นเกมด้วยกัน แต่สำหรับลูกชายที่ไม่ค่อยได้สื่อสารกับพ่อ ได้สังเกตเห็นว่าพ่อของเขาน่าจะมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังครอบครัวไว้ เขาจึงเลือกที่จะเล่นเกมกับผ่านทางออนไลน์โดยไม่เปิดเผยตัวตน หวังที่พ่อจะเปิดเผยเรื่องราวในใจให้เขาได้รับรู้ โดยเกมนั้นคือ Final Fantasy XIV นั่นเอง หนังสร้างจากเรื่องราวใน Blog อันที่โด่งดังในญี่ปุ่นซึ่งอ้างว่าบันทึกมาจากเรื่องจริง แต่จะจริงแค่ไหนนั้นก็ไม่สำคัญเพราะเรื่องราวในหนังนั้นอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน สายสัมพันธ์ของพ่อและลูกชายในหลายๆ บ้านก็อาจจะเป็นแบบนี้ ดูจบแล้วเราก็อาจจะอยากเล่นเกมกับพ่อบ้างเหมือนกันนะ