หากคุณใช้รถยนต์ขับขี่อย่างเป็นประจำ คุณควรตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อที่เวลาขับขี่ไปไหนมาไหนจะได้ไม่ขัดข้อง เพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณด้วย นอกจากนี้การตรวจสภาพรถยังเป็นสิ่งที่คุณต้องทำก่อนที่จะนำรถของท่านไปต่อภาษี เนื่องจากข้อบังคับทางกฎหมาย
วันนี้หากคุณจะนำรถยนต์ไปรับการตรวจสภาพรถ ตรอ คุณรู้หรือเปล่าว่าตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง มีขั้นตอนการตรวจเช็คสภาพรถอะไรบ้าง ราคาตรวจสภาพรถเท่าไร บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตรวจสภาพรถมาให้คุณแล้ว
เพราะอะไรถึงต้องตรวจสภาพรถ?
หลายคนอาจจะไม่เห็นสำคัญว่าทำไมเราจะต้องตรวจสภาพรถ ในเมื่อรถยนต์ก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเช็คสภาพรถเป็นประจำนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่กฎหมายบังคับเท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลที่สำคัญอีก ดังนี้
1.เพิ่มความปลอดภัย
การใช้รถบนท้องถนนนั้น สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา และอาจไม่ได้เกิดจากการเฉี่ยวชนกันเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถเกิดขึ้นจากตัวรถยนต์ที่มีความขัดข้องในการใช้งานได้ด้วย เช่น ระบบเบรก
ถ้าคุณเข้ารับการตรวจสภาพรถตามระยะเวลาอยู่เสมอ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบระบบเบรกให้คุณด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารถของยังอยู่ในความปลอดภัย ทำให้คุณผู้ขับขี่ใช้รถได้อย่างมั่นใจ หากเกิดอุบัติเหตุที่ต้องเหยียบเบรกกะทันหันจะได้พร้อมใช้งาน
ดังนั้นถ้าคุณอยากลดอุบัติเหตุเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น การตรวจเช็คสภาพรถอย่างเป็นประจำก็สามารถช่วยไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ทั้งทรัพย์สินของคุณและบุคคลอื่น
2.เตรียมความพร้อม
หากคุณมีธุระด่วนสำคัญต้องรีบไปทำ แล้วดันเกิดรถเสียอยู่กลางทางคงเป็นอะไรที่เสียเวลาให้กับคุณไม่ใช่น้อย แต่ถ้าคุณตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอจะสามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้
3.ยืดอายุการใช้งาน
การตรวจสภาพรถอยู่เสมอ นอกจากจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้แล้ว ยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ให้ยาวนานขึ้น เพราะอะไหล่บางตัวก็สามารถเสื่อมสภาพได้ตามกาลเวลา แม้อาจจะเป็นเพียงจุดเล็กน้อยก็สามารถทำให้เกิดอุบัต์เหตุตามมาได้
4.ปฏิบัติตามกฎหมาย
หากคุณตรวจสภาพรถต่อพ.ร.บประจำปีทุกครั้ง คุณก็จะใช้รถบนท้องถนนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนค่าปรับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะคุณปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับคนที่ชอบดัดแปลงรถ เช่น ระดับเสียงดัง การปล่อยควันดำที่เป็นมลพิษมากกว่ากำหนด ความสูงของรถระดับไฟหน้าที่ไม่ถูกต้อง คุณก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่ต้องเสียค่าปรับหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเจอ นอกจากนี้ยังทำให้รถของคุณไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอีกด้วย
ตรวจสภาพรถต้องตรวจส่วนไหนบ้าง?
การตรวจสภาพรถคุณจะต้องนำคู่มือจดทะเบียนรถให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย โดยเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจเช็คสภาพรถดังต่อไปนี้
- ความถูกต้องข้อมูลของรถยนต์ ได้แก่ แผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ หมายเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์
- อุปกรณ์ต่างๆ ของรถยนต์ ได้แก่ ตัวถังสี พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน อุปกรณ์ความปลอดภัยเบื้องต้น
- ตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยว ได้แก่ ระบบเบรก ระบบเชื้อเพลิง ระบบรองรับน้ำหนัก
- ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า ว่าการเบี่ยงเบนของลำแสงปกติดีหรือไม่ รวมทั้งตรวจวัดค่าความเข้มของแสง
- ตรวจสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) ของรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง
- ตรวจวัดเสียงรถ โดยจะต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
- ตรวจวัดควันดำ โดยรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลจะต้องปล่อยควันไม่เกินร้อยละ 50 และระบบวัดความทึบแสงต้องไม่เกิน 45%
นอกจากนี้ถ้ารถยนต์ของคุณ มีการติดตั้งถังแก๊ส จะต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี และจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมอีกด้วย ได้แก่ ทดสอบตามข้อต่อ ไปจนท่อและระบบของถังแก๊สว่ามีความพร้อมในการใช้งานหรือไม่
การนับอายุใช้งาน และระยะเวลาที่ต้องตรวจสภาพรถ
เมื่อไหร่ที่คุณจะต้องนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพรถ โดยระยะเวลาที่ต้องตรวจสภาพรถจะนับอายุใช้งาน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ประเภทดังนี้
- จักรยานยนต์ ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปี ขึ้นไป
- รถที่ภาษีขาดเกิน 1 ปี
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนตรวจสภาพรถ
หากคุณกำลังจะเดินทางไปตรวจสภาพรถโปรดอย่าลืมนำเอกสารและปฏิบัติดังต่อไปนี้
- นำรถของคุณเข้าตรวจสภาพรถที่ตรอ.
- สมุดเล่มทะเบียนรถ กรณีที่ไม่มีเล่มทะเบียนรถตัวจริงคุณสามารถใช้สำเนาแทนได้
- เตรียมเงินค่าตรวจสภาพรถ
ตรวจสภาพรถที่ไหนได้บ้าง
คุณสามารถไปตรวจสภาพรถประจำปีได้ 2 แห่ง ได้แก่
1.กรมการขนส่งทางบก
คุณสามารถขอตรวจสภาพรถประจำปีได้ที่กรมการขนส่งทางบกในจังหวัดที่ของคุณ แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ใช้รถยนต์ขนาดใหญ่มากกว่ากำหนด รถที่มีการดัดแปลง รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ หรือรถขาดการต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี จะต้องเดินทางมาตรวจสภาพรถที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
2.สถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ.
หากรถของคุณไม่ได้รถยนต์ขนาดใหญ่มากกว่ากำหนด รถผ่านการรถที่มีการดัดแปลง รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ หรือรถขาดการต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี คุณสามารถนำรถเข้าตรวจสภาพรถที่ ตรอ.ได้เลย
รถประเภทไหนบ้างที่ต้องตรวจสภาพรถ
ประเภทรถยนต์ที่ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนที่จะเสียภาษี มีดังนี้
- รถยนต์รับจ้างทั่วไป
รถยนต์รับจ้างสาธารณะจะต้องตรวจสภาพก่อนถึงวันครบกำหนดเสียภาษีประจำปีไม่เกิน 1 เดือน ได้แก่
– รถจักรยานยนต์สาธารณะ
– รถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง
– รถยนต์รับจ้างสามล้อ
– รถยนต์บริการธุรกิจ
– รถยนต์บริการทัศนาจร
– รถยนต์บริการให้เช่า
– รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด
– รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน (รถแท็กซี่)
- รถกระบะ รถบรรทุก รถแต่ง
รถกระบะ รถบรรทุก รถแต่ง เมื่อถึงระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด คุณควรตรวจสภาพรถก่อนถึงวันครบกำหนดที่จะต้องเสียภาษีประจำปีได้ไม่เกิน 3 เดือน
- รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ค้างชำระภาษีเกิน 1 ปีแต่ไม่เกิน 3 ปี
หากคุณลืมต่อภาษีเมื่อในปีที่ผ่านมา คุณจะต้องนำเข้าตรวจสภาพล่วงหน้าเช่นกัน ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง หรือสถานตรวจสภาพรถ ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
- รถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบก็ต้องนําไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจําปี
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก
ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถอยู่ที่เท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถของแต่ละประเภท มีดังนี้
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท
- รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
โดยค่าใช้จ่ายข้างต้นนี้เป็นเพียงแค่การตรวจสภาพรถเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกับการต่อพรบ. และการต่อภาษี
รถประเภทไหนบ้างที่ไม่สามารถตรวจสภาพรถได้
รถดังต่อไปนี้ไม่สามารถเข้ารับการตรวจสภาพรถสถานตรวจสภาพรถเอกชนได้ แต่จะต้องเดินทางไปตรวจที่สำนักงานขนส่งพื้นที่นั้นๆ ได้แก่
- รถมีการดัดแปลงให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมุดคู่มือทะเบียนรถ เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์, เปลี่ยนลักษณะรถ, เปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
- รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ เช่น ไม่มีตัวเลขปรากฏบนตัวรถ, ตัวเลขเครื่องยนต์ชำรุดไม่ชัดเจน โดยมีร่องรอยการแก้ไข รอยขีดข่วน ลบเลือนจางหาย จนไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
- รถที่มีชื่อเจ้าของแต่ไม่ใช่การแจ้งการไม่ใช้ชั่วคราว หรือแจ้งการไม่ใช้รถตลอดไปไว้
- รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นรุ่นเก่า เช่น กท-00001, กทจ-0001 เป็นต้น ซึ่งรถดังกล่าวต้องเปลี่ยนทะเบียนเสียก่อน จึงจะสามารถนำมาเสียภาษีประจำปีได้
- รถที่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมมา แต่พึ่งจะได้คืน
- รถที่ขาดการต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
ในกรณีที่รถตรวจสภาพแล้วไม่ผ่าน ทาง ตรอ. จะแจ้งข้อบกพร่องว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งเจ้าของจะต้องดำเนินการแก้ไขภายใน 15 วัน และจะเสียค่าตรวจใหม่เพียงครึ่งเดียวของค่าบริการที่กำหนดไว้ แต่ถ้าเกิน 15 วันที่กำหนด คุณจะต้องนำรถไปตรวจที่ ตรอ. แห่งอื่นและจะต้องเสียค่าบริการในอัตราปกติ
สรุป
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของรถประเภทไหน เมื่อถึงตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด คุณควรนำรถเข้าตรวจสภาพรถ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย และยังเป็นการตรวจสอบยืนยันว่ารถของคุณมีสภาพมั่นคง เครื่องยนต์พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัยตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
อีกทั้งการตรวจสภาพรถยังเป็นการบำรุงรักษารถของคุณให้มีอายุที่ยาวนานมากขึ้น นอกจากนี้ถ้าคุณพบว่ารถของคุณมีความขัดข้องในระหว่างขับขี่ คุณก็อย่าได้ละเลยปล่อยชะลาใจ ควรรีบนำรถเข้าตรวจสภาพรถเพื่อหาสาเหตุ จะได้รีบแก้ไขให้รถมีสภาพพร้อมใช้งานนั้นเอง