ทำไมการเปลี่ยน “ค่าเดินทาง” มาเป็น “ค่าผ่อนคอนโด” จึงคุ้มค่า ?

เคยไหม ? ได้เงินเดือนมาไม่กี่วัน รู้ตัวอีกทีก็แห้งกรอบตอนสิ้นเดือนอีกแล้ว

“เดือนชนเดือน” เป็นปัญหาการเงินอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน วิธีการรับมือกับปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแค่รู้จักรายจ่ายตัวเองให้มากขึ้น ด้วยการทำ “บัญชีรายรับ-รายจ่าย” นั่นเอง เพราะจะช่วยทำให้เราเห็นภาพรวมค่าใช้จ่ายของตัวเองตลอดทั้งเดือนว่าเป็นอย่างไร ส่วนไหนเพิ่มขึ้น ส่วนไหนลดลง เพื่อจะได้สามารถบริหารจัดการได้ว่าควรจะ “ลด” หรือ “ตัด” รายการที่ไม่จำเป็นใดออก และเหลือเงินออมสะสมในทุก ๆ เดือน

สำหรับคนที่อยู่กรุงเทพฯ ที่ได้ลองทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายกันเเล้ว น่าจะพบว่า ค่าใช้จ่ายเรื่อง “การเดินทาง” เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าหนักใจอยู่ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างเยอะ แถมจะตัดก็ตัดไม่ได้ จะเลี่ยงก็ทำได้ลำบาก

“ค่าเดินทาง” ค่าใช้จ่ายที่ไม่อาจหลบเลี่ยง ที่อาจะเฉียดถึงหลักหมื่น

การกระจุกตัวของย่านธุรกิจในกรุงเทพ ฯ นำมาสู่การดีดตัวของราคาที่อยู่อาศัยจนสูงลิ่ว ทำให้การมีที่อยู่อาศัยอยู่ใจกลางเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การมีบ้านอยู่รอบนอกตัวเมืองกรุงเทพฯ จึงมาพร้อมกับ “ต้นทุน” ในการเดินทางในแต่ละวัน

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 16-59 บาท/เที่ยว ซึ่งก่อนที่จะมาถึงรถไฟฟ้าได้นี่ ถ้าบ้านไม่ได้ใกล้สถานีจริง ก็แสดงว่ายังมีค่าเดินทางเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก อย่างเช่น ค่าวินมอเตอร์ไซค์ ค่าสองแถว หรือค่ารถเมล์ ที่ 8-25 บาท แล้วแต่ระยะทาง แล้วยิ่งวันไหนถ้าต้องกลับบ้านดึกอีกก็คงต้องโดนค่าแท็กซี่เข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก

ส่วนใครที่ขับรถยนต์ส่วนตัว ถ้าไม่นับเรื่องค่าใช้จ่ายรายปีที่มาพร้อมกับการมีรถอย่างพวกค่าประกัน ค่าต่อทะเบียน และค่าบำรุงรักษาแล้ว เพื่อแลกกับความสะดวกสบายจากใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็ยังต้องมีค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน และค่าที่จอดรถอีก ซึ่งรวม ๆ แล้วก็ต้องอย่างน้อยก็แตะหลักพันปลาย ๆ ถึงหลักหมื่นกันอย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไปในแต่ละเดือนเหล่านี้นั้นนับว่าไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะกับใครที่บ้านอยู่ไกล เพราะนอกจากจะต้องเสียค่าเดินทางมากกว่าใครเพื่อนแล้ว ยังต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางบนท้องถนนอีกวันละไม่ต่ำกว่า 1-2 ชั่วโมง

และด้วยข้อจำกัดของผังเมืองและระบบขนส่งสาธารณะเช่นนี้ ถ้าไม่ยอมจ่ายแพงเพื่อให้เดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ก็ต้องยอมใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้น ดังนั้น เราจึงไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และได้แต่จำใจจ่ายค่าเดินทางต่อไป

“คอนโด” ทางเลือกที่อยู่อาศัย สำหรับคนฉลาดใช้เงิน การเลือกใช้เงินที่ดี

ทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหารายจ่ายเหล่านี้ได้ดี คือ การนำค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนพวกนี้เปลี่ยนไปเป็น “ค่าผ่อนคอนโด” ทำเลดี ๆ ติดรถไฟฟ้าสักแห่ง เพราะนอกจากจะสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายและเวลาจากการเดินทางได้เเล้ว ยังสามารถเซฟพวกค่าใช้จ่ายแฝงที่ดูเหมือนไม่มีอะไร อย่างค่ายิม หรือ Co-working Space ด้วยการไปใช้พื้นที่ส่วนของกลางได้อีกด้วย

และไม่เพียงแต่เรื่องของตัวเงินเท่านั้น แต่การมีคอนโดดี ๆ ยังนำมาซึ่ง “คุณภาพชีวิตที่ดี” ได้อีกด้วย แน่นอนว่าอันดับแรก คือ เรื่องของความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับตัวเมือง เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย สามารถวางแผนการเดินทางได้ ไม่มีปัญหาการจราจรมารบกวนใจ ทำให้บริหารเวลาได้ดี และมีเวลาเหลือไปใช้ชีวิตหรือทำอย่างอื่นที่ชอบได้มากขึ้น ไม่ว่าจะออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ รวมไปจนถึงใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว

ข้อดีลำดับต่อมาของการอยู่คอนโด คือ พื้นที่ส่วนกลางที่ครบครัน ซึ่งต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้ดีลเวลอปเปอร์หลาย ๆ เจ้าเริ่มหันมาใส่ใจพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้นแล้ว โดยออกแบบให้ใช้งานได้จริง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ทั้งแง่ของขนาดและความหลากหลาย การเลือกใช้พื้นที่ส่วนกลางของคอนโดจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย

ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่คนอาจจะไม่ได้นึกถึงตอนซื้อ แต่จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนเข้าอยู่แล้ว คือ เรื่องของสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย เพราะทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัว การเข้าออก เหตุอัคคีภัย ฯลฯ ก็สามารถไว้วางใจเรื่องนี้ได้อย่างเป็นปลิดทิ้ง เพราะแต่ละคอนโดก็มักจะมีนโยบายการดูแลลูกบ้านตามมาตรฐานอยู่แล้ว แถมจะเรื่องขยะ การรับพัสดุ ความสะอาด ฯลฯ ก็มีคนดูแลให้

สำหรับคนเมืองอย่างชาวกรุงเทพฯ แล้ว การมีคอนโดติดรถไฟฟ้าจึงเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับการแลกด้วยค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางอย่างยิ่ง ซึ่งคอนโดติดรถไฟฟ้าที่ใช้เวลาเข้าเมืองสัก 15-30 นาที เดี๋ยวนี้ก็มีให้เลือกหลากหลาย และมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2 ล้านต้น ๆ ซึ่งถ้ากู้ยอดเต็มก็จะผ่อนต่อเดือนที่เฉลี่ย 11,000-13,000* บาทเท่านั้น (*ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อนชำระ)

นอกจากนี้ หากมองในแง่ของการลงทุนแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ค่าผ่อนที่เราจ่ายไปนี้ก็จะกลับมาเป็นสินทรัพย์ของเราในที่สุด ดังนั้นการผ่อนคอนโดจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีกว่าจ่ายทิ้งไปกับค่าเช่าหรือค่าเดินทางสำหรับใครหลายคน แถมในอนาคตเราก็ยังมีโอกาสได้กำไรจากราคาคอนโดที่ขยับเพิ่มขึ้นอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นคอนโดทำเลสวย ๆ ติดรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ที่มี Facilities ครบครัน ก็สามารถปล่อยเช่าได้ง่ายกว่า ก็ยิ่งหาผู้เช่าได้เร็วกว่า และมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า

“อนันดา” มีคอนโดหลากหลาย ตอบทุกโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมือง ให้เลือกได้มากกว่า

ในอีกแง่หนึ่ง การเลือกซื้อคอนโดดี ๆ ก็เปรียบเหมือนเป็นการลงทุน เพราะช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนทั้งในรูปแบบที่เป็นตัวเงิน และไม่ใช่ตัวเงิน ทำให้เราสามารถประหยัดทั้งค่าเดินทาง ค่าเช่า ไปจนถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะ อย่างเช่น ค่ายิม พร้อมโอกาสสร้างรายได้ เป็น Passive Income สร้างกระแสเงินสดจากการปล่อยเช่า รวมไปถึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากราคาห้องที่ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น คอนโดทำเลดี ๆ ที่ติดรถไฟฟ้ายังช่วยในการบริหารจัดการเวลา แทนที่จะต้องไปติดแหง็กอยู่บนท้องถนน เสียเวลาตากแดด ตากฝน โหนรถกลับบ้าน ก็มีเวลาไปทำอย่างอื่นและได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการมากขึ้น

สำหรับคนเมืองแล้ว การซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความคุ้มค่า เป็นทางเลือกในการใช้เงินอย่างฉลาด จะอยู่เองก็ได้ ปล่อยเช่าทำกำไรก็ไร้กังวล

ซึ่งผู้นำด้านคอนโดติดรถไฟฟ้าอย่าง “อนันดา” ก็ได้เข้าอกเข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองเป็นอย่างดี จึงได้ส่งมอบโครงการคุณภาพทำเลติดรถไฟฟ้ามากมายมาตอบโจทย์ทุกรูปแบบการอยู่อาศัย พร้อมจัดเต็มกับพื้นที่ส่วนกลางให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ ทำให้นอกจากคอนโดจะเป็นทางเลือกสำหรับที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองที่ดีแล้ว ยังเป็นสินทรัพย์ในการลงทุนที่น่าสนใจ และสร้าง “โอกาส” ให้สามารถต่อยอดการลงทุนในอนาคตได้

สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ananda.co.th/th/project/condominium/ และเลือกค้นหาคอนโดได้ตามความชอบ โดยจะค้นหาผ่านทำเลที่ต้องการ ชอบติดรถไฟฟ้าเส้นไหนเป็นพิเศษ ค้นหาตามช่วงราคาตามงบที่เราตั้งไว้ เป็นคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ มีแผนอยากเข้าอยู่ในอนาคต หรือต้องการคอนโด Pre-Sale ก็สามารถค้นหาได้เลย

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top