Gen Beta คืออะไร เริ่มต้นตั้งแต่ปีไหน?
เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีการประกาศชัดแล้วว่า เรากำลังเข้าสู่ยุคของคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า Gen Beta กลุ่มคนที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2039 ซึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Gen Beta เป็นกลุ่มประชากรรุ่นถัดมาหลังจาก Gen Alpha (เด็กที่เกิดระหว่างปี 2010–2024) และเป็นกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูง และการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมอย่างลึกซึ้ง
เด็ก Gen Beta จะเป็นกลุ่มที่เติบโตมาในโลกที่ AI และเทคโนโลยีล้ำหน้าถึงจุดสูงสุด รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมทั่วโลก วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบออนไลน์จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพวกเขา เพราะมันคือวิถีชีวิตตั้งแต่แรกเกิด
สิ่งที่ทำให้ Gen Beta โดดเด่น คือพวกเขาจะเติบโตมาพร้อมกับความคาดหวังทางสังคมและเทคโนโลยีที่สูงกว่าเด็กรุ่นก่อน ๆ พวกเขาอาจถูกเลี้ยงดูโดยผู้ปกครองที่เป็น Gen Z และ Millennials ซึ่งมีประสบการณ์ตรงจากการเติบโตในโลกดิจิทัลด้วยเช่นกัน
สิ่งที่น่าจับตามอง เกี่ยวกับ Gen Beta
- เทคโนโลยีที่เปลี่ยนวิถีชีวิตโดยสมบูรณ์ สำหรับ Gen Beta โลกดิจิทัลจะไม่ใช่แค่ส่วนเสริมของชีวิต แต่จะกลายเป็นชีวิตจริงของพวกเขาเลยทีเดียว เทคโนโลยีอย่าง AI, VR, และ AR จะเข้ามามีบทบาทตั้งแต่การเรียน, การทำงาน ไปจนถึงความบันเทิง ซึ่งเด็กในรุ่นนี้อาจไม่รู้จักชีวิตที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ
- ความสำคัญของการศึกษาแบบใหม่ การศึกษาแบบดั้งเดิมอาจถูกปรับเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงสำหรับ Gen Beta พวกเขาอาจเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลแทนห้องเรียนแบบเดิม และได้รับการสนับสนุนจาก AI ในการออกแบบการเรียนรู้เฉพาะบุคคล ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะตามความถนัดได้อย่างรวดเร็ว
- บทบาทของพ่อแม่และการเลี้ยงดู เด็ก Gen Beta จะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่คุ้นชินกับการใช้งานเทคโนโลยีและเข้าใจโลกดิจิทัลอย่างลึกซึ้ง นั่นหมายความว่าการเลี้ยงดูจะมาพร้อมกับเครื่องมือและแนวคิดที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการคำนึงถึงความสมดุลระหว่างโลกออนไลน์และโลกแห่งความจริง
- ความเปลี่ยนแปลงในด้านสุขภาพจิต แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะช่วยอำนวยความสะดวกในหลายด้าน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็ก Gen Beta อาจต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล เช่น ความกดดันจากโซเชียลมีเดีย หรือการถูกเปรียบเทียบในโลกออนไลน์
- พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป Gen Beta อาจเป็นกลุ่มคนที่เลือกบริโภคสินค้าและบริการด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพวกเขาจะเติบโตมาพร้อมกับการรับรู้ถึงผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ความท้าทายของ Gen Beta ในอนาคต แม้ว่า Gen Beta จะมีข้อได้เปรียบจากการเติบโตในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง เช่น
- การแข่งขันในตลาดแรงงานที่สูงขึ้น AI และระบบอัตโนมัติอาจเข้ามาแทนที่งานหลายประเภท ทำให้ Gen Beta ต้องมีทักษะเฉพาะตัวและความสามารถที่แตกต่างเพื่อความอยู่รอดในตลาดแรงงาน
- ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล แม้ว่าโลกจะเชื่อมต่อกันมากขึ้น แต่ยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีในบางพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสทางการเรียนรู้และการพัฒนา
- ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ การใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลอย่างเต็มตัวทำให้ Gen Beta ต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีออนไลน์
- การจัดการกับข้อมูลปริมาณมหาศาล ในยุคของ Gen Beta ข้อมูลจะถูกสร้างขึ้นและกระจายออกไปในปริมาณมหาศาล เด็กในรุ่นนี้จะต้องมีทักษะในการคัดกรองและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
Gen Beta จะเป็นรุ่นที่เติบโตมาพร้อมกับโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น การปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง และการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง แต่ Gen C อย่างเราก็จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่จะเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อม ๆ กับโลกใหม่ด้วยเช่นกัน