Digital Nomad คือกลุ่มคนที่ทำงานผ่านระบบออนไลน์และสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศแบบเดิมๆ งานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์นี้มีหลากหลาย ตั้งแต่ฟรีแลนซ์ นักเขียน นักแปล โปรแกรมเมอร์ นักการตลาดออนไลน์ ไปจนถึงครีเอเตอร์หรือ YouTuber ที่สามารถสร้างคอนเทนต์จากทุกมุมโลก
เทรนด์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีเอื้ออำนวย อินเทอร์เน็ตเร็วขึ้น ระบบคลาวด์ทำให้จัดเก็บไฟล์และทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หลายคนยังมองหาสมดุลระหว่างชีวิตและงาน อยากหลีกหนีความจำเจของออฟฟิศและใช้ชีวิตในสถานที่ที่ให้แรงบันดาลใจมากขึ้น
ถ้าคิดจะใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพื่อให้ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
- แล็ปท็อปสเปกดี – เลือกเครื่องที่เบา แบตอึด และประมวลผลเร็ว
- สมาร์ตโฟน – ใช้ติดต่อ ทำธุรกรรม และเป็นฮอตสปอต
- Power Bank & อแดปเตอร์ – เผื่อแบตหมดระหว่างทำงาน
- Pocket Wi-Fi หรือซิมอินเตอร์เน็ต – เพื่อให้แน่ใจว่ามีอินเทอร์เน็ตเสมอ
- หูฟังตัดเสียงรบกวน – สำหรับประชุมหรือทำงานในที่คนเยอะ
- Cloud Storage & VPN – ใช้เก็บข้อมูล และรักษาความปลอดภัยขณะใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะ
ปัจจัยที่ทำให้ประเทศหนึ่งเหมาะกับ Digital Nomad ได้แก่ ค่าใช้จ่าย อินเทอร์เน็ต โคเวิร์กกิ้งสเปซ และวีซ่าระยะยาว
- ประเทศไทย – อินเทอร์เน็ตเร็ว ค่าใช้จ่ายไม่สูง เมืองยอดนิยมคือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต
- บาหลี (อินโดนีเซีย) – ค่าครองชีพไม่แพง มีโคเวิร์กกิ้งสเปซสวยๆ
- สเปน – วีซ่า Digital Nomad ให้ทำงานระยะยาว เมืองน่าอยู่คือ บาร์เซโลนา และมาดริด
- โปรตุเกส – ลิสบอน และมาเดรา เป็นเมืองยอดนิยมของ Digital Nomad
- จอร์เจีย – มีวีซ่าระยะยาว อินเทอร์เน็ตเร็ว และค่าครองชีพถูก
แม้การเป็น Digital Nomad จะดูเหมือนฝันที่เป็นจริง แต่ถ้าจัดการไม่ดี ก็อาจกลายเป็นชีวิตที่ไม่มีความสมดุล การบริหารเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรกำหนดชั่วโมงทำงานให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้การเดินทางส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
อินเทอร์เน็ตเป็นอีกปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ ก่อนเลือกที่พักควรตรวจสอบความเร็วของ Wi-Fi และหากเป็นไปได้ ควรเลือกที่พักที่มีโต๊ะทำงานและบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงาน
สุดท้ายแล้ว การจัดการงบประมาณก็เป็นสิ่งที่ Digital Nomad ต้องคำนึงถึง แม้ว่าการเดินทางและทำงานไปพร้อมกันจะเป็นเรื่องสนุก แต่ถ้าใช้เงินโดยไม่วางแผน อาจทำให้มีปัญหาทางการเงินได้ การคำนวณค่าใช้จ่ายล่วงหน้า และเลือกประเทศที่ค่าครองชีพเหมาะสมกับรายได้ เป็นวิธีที่ช่วยให้สามารถรักษาสมดุลของไลฟ์สไตล์นี้ได้ในระยะยาว