Article by คุณนายแว่น
เรียนหนังสืออยู่อยากเก็บเงินซักก้อนเอาไว้ตั้งต้นชีวิตหลังจากเรียนจบมาแล้วต้องทำอย่างไร? หลายคนอยากมีเงินเก็บแต่ก็ทำไม่ได้ซักที มาดู “พฤติกรรม” ที่ทำให้เรามีเงินเก็บกันว่ามีอะไรบ้าง
พฤติกรรมแรก “เป็นคนไม่อยู่เฉย แต่รู้จักลงทุนในตัวเอง”
คนส่วนใหญ่มักเสียเวลาไปกับการใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่คนที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน อย่างเช่นการเก็บเงินแสนให้ได้ก่อนเรียนจบมักจะไม่อยู่เฉยๆ แต่เริ่มออกไปศึกษาหาความรู้ใส่ตัว … ว่าที่จริงความรู้นั้นมีอยู่ทั่วไปในยุคข้อมูลข่าวสาร ความรู้ไม่ได้เป็นของหายากอีกต่อไป … เพียงแต่เราจะยอมสละเวลามาศึกษาหาความรู้ หรือนำเวลาที่เท่าๆ กันไปใช้ในด้านอื่นๆ ที่อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเราเอง
การลงทุนในความรู้ ศึกษาแนวทางความสำเร็จ ถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด โดยบางครั้งเราไม่ต้องเสียเงิน ยิ่งเราเป็นนักศึกษาอยู่ใกล้แหล่งความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านการเงิน ความรู้ด้านการประกอบวิชาชีพ หรือแม้แต่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่อาจประยุกต์ใช้เปลี่ยนเป็นแนวคิดทางธุรกิจในอนาคต สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญ และคุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างยิ่งเลยทีเดียว
พฤติกรรมที่สอง “มีแผนการเก็บเงินที่ชัดเจน”
หากเราแค่คิดคงเป็นไปได้แค่ความ “เฟ้อฝัน” แต่หากเราคิด และลงมือทำ = ได้เริ่มต้นก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จแล้ว … ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราเป็นนักศึกษาอยากเก็บเงิน 1 แสนบาทก่อนเรียนจบ หมายความว่าเรามีเวลา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เราต้องเก็บเงินให้ได้ปีละ 25,000 บาท … เมื่อเราได้เป้าหมายคร่าวๆ ลองคิดดูว่าเรามีแผนที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จได้อย่างไรบ้าง
- เก็บเงินจากเงินค่าขนมรายเดือน … หากเราหวังพึ่งพาเงินค่าขนมรายเดือนอย่างเดียวคงไปไม่ถึงเป้าหมายแน่นอน เพราะคำว่าเงินค่าขนมนั้นหมายถึงเม็ดเงินที่อาจแค่พอดีกับค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเราสามารถแบ่งเงินในส่วนนี้มาเก็บได้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดี ด้วยการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกเก็บเป็นเงินสดเอาไว้นั่นเอง
- หารายได้เสริม … แนวคิดที่สองถือเป็นช่องทางที่จะทำให้เรามีรายได้มากขึ้น วิธีการหารายได้เสริมอย่างง่ายที่สุดคือการไปเป็นพนักงาน part time ตามร้านอาหารฟาสฟู้ดส์ ที่เราไม่ต้องลงทุนเป็นตัวเงินเพียงแต่ต้องลงแรง และอาจได้ประสบการณ์ดีๆ กลับมา หรือแม้แต่รับจ้างพิมพ์งาน รับแจกใบปลิวก็สามารถทำเงินได้เหมือนกัน เพียงแต่อย่าไปทำสิ่งที่ไม่ดีเพื่อแลกเงินเท่านั้นเอง
- สะสมของหายาก … แนวคิดนี้เป็นการนำเงินที่ได้ไปซื้อของหายาก อาจเป็นของเล่นบางชิ้นที่มีลักษณะ “คลาสสิก” และที่สำคัญต้องเป็นของที่ปล่อยง่าย หรือขายออกแล้วมีคนคอยที่จะซื้อ … เราสามารถนำเงินที่ได้จากการทำงานเสริมไปต่อยอดด้วยการซื้อ และสะสมของหายาก เมื่อเรามีความต้องการใช้เงินก็แค่ขายออกไป ไม่แน่นะเราอาจมีเงินเก็บมากกว่าที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ก็เป็นไปได้
- นำเงินเก็บไปลงทุน … การลงทุนนั้นมีหลากหลายรูปแบบ สำหรับนักศึกษาที่มีข้อได้เปรียบเรื่องเวลาที่มีมากกว่าการที่เราไปทำงานประจำ เราสามารถศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในหุ้น หรือการลงทุนในตราสารเงินรูปแบบต่างๆ หากเราลงทุนถูกที่ ถูกเวลา และลงทุนเป็นก็จะทำเงินได้ไม่ยาก แถมยังได้ประสบการณ์กลับมาอีกด้วย
พฤติกรรมที่สาม “เลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จ”
คุณรู้หรือไม่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกอย่าง “วอเรนต์ บัฟเฟฟต์” นั้นทำงานส่งหนังสือพิมพ์ตั้งแต่อย่างไม่ถึง 15 ปี และนำเงินที่ได้ไปซื้อตู้เล่นเกม และตั้งมันไว้ตามร้านตัดผม เพื่อให้คนที่รอตัดผมหยอดเหรียญเล่นเกม จนมีเงินมากถึงขนาดที่สามารถซื้อที่ดินเล็กๆ ในย่านชนบทของอเมริกาได้ แถมยังมีเงินเหลือไปลงทุนต่อยอดในหุ้นอีกด้วย
คนที่มีแววที่จะร่ำรวยมักมีตั้งแต่เด็กๆ หากเราได้ศึกษาผู้คนที่ประสบความสำเร็จจริงในสนามจริง มันคือทางลัดสู่ความสำเร็จอย่างหนึ่ง เราสามารถหาอ่านประวัติของบุคคลต่างๆ เหล่านี้ วอเรนต์ฯ เป็นเพียงหนึ่งในบุคคลตัวอย่างที่เราได้ยกมา … เมื่อเราอ่านและนำประสบการณ์บางส่วนของบุคคลที่ประสบความสำเร็จมา “ปรับใช้” กับตัวเรา โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะถูก “ย่นยอ” ให้ใกล้เข้ามาได้อีกนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม… ข้อได้เปรียบของการเป็นนักศึกษาก็คือ “เวลาที่เหลือเฟือ” ไม่ต้องหนักใจกับภาระหน้าที่การเงินเหมือนดังพนักงานออฟฟิช หรือคนที่ต้องทำงานประจำ … เพียงแต่เรารู้จักขวนขวายไม่หยุดนิ่ง และแบ่งเวลาที่เหลือจากการร่ำเรียนมาศึกษาหาความรู้ (ดีๆ) ใส่ตัว ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน โอกาสประสบความสำเร็จ “บันไดขั้นแรก” ก็จะใกล้เข้ามาได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไป
ติดตามบทความอัพเดตสำหรับชาว GEN-C ได้ทุกเดือนทาง THE GEN-C Urban Living Solution Blog #Anandaurbancash
สมัครสมาชิกเพื่อติดตามและรับข่าวสารหรือร่วมกิจกรรมดีๆกับเราทาง THE GEN-C Urban Living Solution Blog ได้ที่ http://bit.ly/2aEMxIJ