Article by คุณนายแว่น
ยุคสมัยใหม่การที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเพียงลำพังถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา บางทีคนกลุ่มนี้อาจเป็นคนกลุ่มใหญ่เสียด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วการที่เราต้องพักอาศัยอยู่ตัวคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องที่แย่เสียทีเดียว บางครั้งเราต้องทำงานเก็บเงิน การพักอาศัยใกล้ที่ทำงานถือเป็นสิ่งที่ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา ถ้าเราบริหารเวลาเป็น การอยู่คนเดียวที่ทั้งอิสระ-เสรี แถมยังสะดวกจะไปไหนก็ไปได้เลย
สำหรับคนที่ตัดสินใจจะไปอยู่คนเดียวชิวๆ แล้ว การจัดการเรื่องของชีวิตเราต้องรู้เอาไว้ โดยเฉพาะใครที่ยังไม่ได้ซื้อคอนโด เรื่องทำเลเป็นเรื่องสำคัญ และเมื่อต้องมีภาระในการผ่อนค่างวด เรื่องการเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน ลองมาติดตามกันดู
เรื่องทำเลของการซื้อหาคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง
แน่นอนที่สุดว่าทำเลที่ดีที่สุดคือทำเลที่เราเดินทางสะดวกสบายใกล้ที่ทำงาน แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของพื้นที่ใช้สอย เพราะนั่นจะเป็นตัวกำหนด Life Style สำหรับชีวิตคนคอนโด ลองพิจารณาเป็นข้อๆ ต่อไปนี้
1. ทำเลที่ดีควรใกล้ที่ทำงานเดินทางสะดวกสบาย สำหรับข้อนี้ถ้าเรามีเงินมากหน่อย ยอมลงทุนซื้ออนาคตเสียหน่อยก็ควรเลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเลย สำหรับคอนโดมิเนียมที่เดินไปเข้าสถานีรถไฟฟ้าได้ ในระยะทาง 300-400 เมตร ถือว่าเป็นทำเล “ไข่แดง” ของสถานีนั้นๆ ข้อดีของการซื้อคอนโดใกล้รถไฟฟ้าก็มีมากมาย สามารถประหยัดเวลาไปได้มากโข เวลาอันแสนมีค่าของชีวิตเร่งรีบก็จะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ทำเลที่ดีควรใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น แหล่งกิน แหล่งช็อปปิ้ง ใกล้ร้านสะดวกซื้อ ใกล้โรงพยาบาล หรืออย่างน้อยเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ไม่ยากเย็นนัก ลองนึกถึงการที่เราต้องอยู่ตัวคนเดียวและเจ็บป่วยขึ้นมาซิ ไม่สนุกเลยถ้าเราต้องหอบเอาสังขารไปหาหมอ แถมยังต้องเดินทางไกลๆ
3. ทำเลที่ดีต้องสามารถเชื่อมต่อกับจุดอื่นๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น เราอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเดินทางไปยังจุดอื่นของเมืองได้ หรือแม้แต่เดินทางไปนอกเมืองก็สามารถทำได้ เพราะอนาคตรถไฟฟ้าจะขยายออกไปมากขึ้นไป ถึงชานเมืองก็มี ถ้าไม่ติดรถไฟฟ้าอย่างน้อยก็ต้องใช้บริการอื่นๆ เช่น รถตู้ รถโดยสารประจำทางได้อย่างสะดวกสบายจึงจะดี
และนั่นคือที่มาของทำเลดีมีค่าควรแก่การเป็นเจ้าของ การที่เราทำงานแล้วซื้อคอนโดใกล้ที่ทำงาน เวลาเราเติบโตขึ้นอยากไปอยู่บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮ้าส์ หรือต้องย้ายที่ทำงาน ก็สามารถขายคอนโดออกไปได้ เพราะทำเลดีมันจะพัฒนาด้วยตัวมันเอง ผมรับรองว่าขายคล่อง แถมยังได้กำไรจากส่วนต่างราคาขายเป็นโบนัสด้วยอย่างแน่นอน
เรื่องของการบริหารจัดการเงิน
การบริหารจัดการเงินสำหรับคนที่คิดจะซื้อคอนโดพักอาศัย โดยเฉพาะคนที่อยู่คนเดียวไม่มีคนมาช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ อันได้แก่ ค่าดาวน์คอนโด ค่าใช้จ่ายในการผ่อนค่างวด ค่าโอน ค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่าตกแต่งถ้าเราต้องรับผิดชอบเองคนเดียวก็ต้องคิดให้เยอะหน่อย ลองดูแนวทางไว้พิจารณาต่อไปนี้
1. เก็บเงินดาวน์ให้ได้อย่างน้อย 10% ของราคาคอนโดฯ ถ้าเราคิดจะซื้อคอนโดฯ แล้วไม่มีเงินเก็บเลย อันนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก เราควรมีเงินเก็บเป็นเงินดาวน์อย่างน้อย 10% ยกตัวอย่างเช่น คอนโดฯราคา 2 ล้าน เราก็ควรเก็บเงินให้ได้ 2 แสนบาทเพื่อนำไปดาวน์ แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถจองคอนโด และ “ผ่อนดาวน์” กับทางโครงการได้ หมายความว่าเราไม่ต้องเก็บเงินให้ครบสองแสน ก็สามารถไปจองคอนโดเอาไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ผ่อนดาวน์เป็นงวดๆ
2. เก็บเงินผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน ในกรณีที่เราจะผ่อนดาวน์กับทางโครงการ ในช่วงเวลาผ่อนดาวน์ เราก็สามารถนำเงินเก็บที่จะดาวน์บ้านกันสำรองไว้เป็นเงินผ่อนค่างวดล่วงหน้าไปเลยอย่างน้อย 6 เดือน เช่น ถ้าคอนโดราคา 1 ล้านบาท เราจะต้องผ่อนราว 5,000-8,000 บาทต่องวด (ขึ้นอยู่กับเงินดาวน์ และยอดกู้) แบบนี้เราควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 3 หมื่นบาท เพื่อให้สามารถผ่อนไปสบายๆ 6 งวด โดยไม่ต้องเดือดร้อน ทำแบบนี้เราจะอุ่นใจมากขึ้น
3. กันเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 10-20% ของรายรับทั้งปี สมมุติรายรับทั้งปีของเราอยู่ที่ 4 แสนบาท เราก็ควรมีเงินเก็บสองยามฉุกเฉิน 40,000 – 80,000 บาท ต้องเป็นเงินเย็นๆ และเก็บไว้ในบัญชีที่เบิกยากๆจะได้ไม่นำออกมาใช้จ่ายก่อนเวลาอันควร และบางทีเราไปซื้อคอนโดที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในอยู่แล้ว ก็อาจมีเงินเหลือเก็บมาเป็นส่วนนี้ได้ครับ
ทั้งหมดคือเคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับคนที่ต้องอยู่คนเดียว การวางแผนเรื่องทำเลของที่เราจะอยู่อาศัยจะเป็นตัวกำหนด Life Style หรือการใช้ชีวิตของเรา และการวางแผนเรื่องเงินจะเป็นตัวกำหนดสภาพคล่องทางการเงินของเรานั่นเอง
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development