NOTE:
– สถานการณ์ตลาดเศรษฐกิจยุคแบ่งปัน หรือที่เรียกกันว่า Sharing Economy กำลังถูกพูดถึงวงกว้างยุคดิจิทัล เนื่องจากผู้คนจำนวนมากหันมาเข้าถึงสินค้าและบริการด้วยการเช่า-ยืม แทนการซื้อไว้เพื่อครอบครอง ซึ่งรายได้รวมของตลาด Sharing Economy ทั่วโลกในปี 2558 เติบโตถึง 11 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจเช่ารถมีแนวโน้มการเติบโตมากขึ้นในระยะข้างหน้า อีกสักพักจะเข้ามาทดแทนในรูปแบบเดิม และกลายเป็นคอมมูนิตี้ Sharing Economy ในอีกไม่ช้า
ทุกวันนี้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไปมาก หากย้อนกลับไป 20-30 ปีก่อนที่โลกเรายังไม่หมุนเร็วเท่าทุกวันนี้ ผู้คนอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ทั้งอาหารการกิน การเดินทาง เรียกได้ว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยน” ซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องใช้เงินสักบาทเลยก็ว่าได้ แต่ในสังคมปัจจุบัน เราแทบจะไม่เห็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันอย่างอดีตอีกแล้ว ยุคสมัยเปลี่ยนไปเป็นแบบสังคมก้มหน้า เพื่อนคือบุคคลที่มีชีวิตผ่านสมาร์ทโฟน และที่สำคัญไม่มีอะไรได้มาฟรี ต้องแลกกับเงินหรือได้ประโยชน์ซึ่งกันและกันแบบสูงสุด
การสื่อสารถึงกันในฐานะระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มีน้อยลง ความเสื่อมโทรมของสังคมที่เกิดขึ้นตามพัฒนาการของสังคมแบบ “ธุระไม่ใช่” นี้ โดยตัวชี้วัดปัญหานี้สังเกตได้จากการรณรงค์เรียกร้องต่อภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามีมากขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปัจจุบัน ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ฯลฯ โดยส่วนใหญ่เป็นในรูปของการรณรงค์ให้เกิด “จิตสำนึกต่อสังคม” อันเป็นจิตสำนึกประจำตัวของแต่ละคนที่สามารถมีผลในระดับสังคม เป็นตัวยืนยันว่าสังคมมีปัญหาในระดับ “จิตสำนึกของสังคม” อันเนื่องมาจากการดำรงชีวิตแบบ “ธุระไม่ใช่” และการเคลื่อนย้ายสถานภาพจิตสำนึกของสังคม จากเดิมที่เป็นคุณสมบัติประจำตัวของสมาชิกแต่ละบุคคล ไปเป็นหน้าที่ขององค์กรหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง
จะเห็นได้ว่าเมื่อ “ธุระไม่ใช่” บุคคลในสังคมจึงเริ่มลดทอนในเรื่องของการแบ่งปันกันลง นั่นเป็นเหตุให้หลายประเทศหันมารณรงค์เรื่องการแบ่งปันซึ่งกันและกัน แบบไม่เสียผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและได้ช่วยยกระดับสังคมให้ดีขึ้นกว่าที่เคย โดยเฉพาะญี่ปุ่น ภาคเอกชนรวมถึง Startup ต่างๆ เริ่มหันมาปลูกจิตสำนึกและพร้อมจะสร้างระบบ Sharing Economy ขึ้นมาในโมเดลธุรกิจเป็นจำนวนมาก ทั้งแชร์ที่อยู่อาศัยอย่าง Airbnb เป็นการให้เช่าอพาร์ทเม้นต์แทนการพักโรงแรมในราคาประหยัดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรือมีการแชร์รถกัน อาทิ บริษัท Notteco ในญี่ปุ่นที่ให้บริการแชร์การเดินทางระยะไกลในประเทศ เพราะในญี่ปุ่นแล้วส่วนใหญ่จะใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก แต่สำหรับบางคนที่มีรถยนต์แล้วต้องการจะแชร์การเดินทางไปยังต่างจังหวัดไกลๆก็สามารถเปิดรับผู้ร่วมเดินทางไปด้วยกันได้ผ่านแอพพลิเคชั่นของ Notteco ซึ่งจะคล้ายกับ Uber แต่ Notteco นั้นจะเน้นระยะทางไกลข้ามจังหวัดเท่านั้น
เมื่อมองย้อนกลับมาที่ไทยเรายังไม่มีธุรกิจแบบ Sharing Economy มากเท่าไร Drivemate จึงนำแนวความคิดนี้มาต่อยอดพัฒนาใช้สำหรับคนไทยจนกลายเป็นเจ้าแรกของธุรกิจเช่ารถออนไลน์
โดยรถที่ปล่อยให้เช่าจะมีอยู่ประมาณ 150 คัน มีตั้งแต่รถประเภทอีโคคาร์ไปจนถึงซุปเปอร์คาร์ ซึ่งบริษัทกำหนดอายุการใช้งานของรถยนต์ในการปล่อยเช่าต้องไม่เกิน 7 ปี และวิ่งไม่เกิน 1 แสน กิโลเมตร รถยนต์ที่ปล่อยเช่านั้นต้องสามารถใช้งานได้จริง และขับขี่ได้อย่างไร้กังวล
สำหรับผู้เช่าสามารถเข้ามาเลือกรถยนต์ได้เหมือนกับการจองโรงแรม โดยเลือกจังหวัดในพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน เลือกระยะวันเวลาในการเช่าพร้อมวันส่งคืน จากนั้นจะมีโหมดให้เลือกประเภทรถยนต์ตามจำนวนรถในพื้นที่ ซึ่งจะมีรายละเอียดทั้งข้อมูล รูปรถ และราคาปล่อยเช่า หากตัดสินใจเช่ารถ ผู้เช่าจะต้องถ่ายเอกสารประวัติส่วนตัวเพื่อให้บริษัทตรวจสอบและรอผลอนุมัติ
เมื่อมีการตกลงเช่ารถ ผู้ปล่อยเช่าจะต้องปริ้นต์เอกสารสัญญาการเช่าจากหน้าเว็บไซต์ในวันนัดรับรถ ส่วนผู้เช่าต้องเตรียมบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือเอกสารอื่นๆ มาในวันรับรถให้กับผู้ปล่อยเช่า การเติมน้ำมันผู้ปล่อยเช่าต้องเติมให้เต็มถังก่อนส่งรถ และเมื่อถึงกำหนดคืนรถผู้เช่าต้องเติมให้เต็มถังก่อนส่งคืนเช่นกัน
ราคาเช่าเริ่มต้นตั้งแต่คันละ 500 – 200,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีระบบ GPS บนรถยนต์ ซึ่งเจ้าของรถสามารถตรวจสอบได้ว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน พร้อมมาตรการหลังคืนรถ หากมีสภาพสกปรกจะมีค่าปรับภายนอก 300 บาท ภายในรถ 300 บาท หรือหากมีอะไรเสียหายผู้ปล่อยเช่าสามารถนำรถไปยังศูนย์บริการรถและนำใบเสร็จเก็บค่าซ่อมกับผู้เช่าได้
ทั้งนี้ บริการ Drivemate จะหักค่าบริการเพียง 20% ส่วนผู้ปล่อยเช่าจะได้เงิน 80 % จากราคาเช่า โดยขณะนี้เปิดให้บริการในพื้นที่ 12 จังหวัด และจะขยายไปทั่วประเทศในไม่ช้า อีกทั้งยังมองถึงกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติที่ต้องการรถยนต์สำหรับท่องเที่ยวในอนาคตอีกด้วย
การปล่อยรถให้เช่าจะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยให้ผู้เช่ามีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่เสียงานประจำ อีกทั้งการแชร์รถ 1 คัน จะช่วยลดจำนวนรถบนท้องถนนไปได้ถึง 10 คัน ทำให้ปริมาณรถติดน้อยลง ซึ่งช่วยแก้ปัญญาเรื่องนี้ได้มาก และยังสามารถช่วยรถมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย อย่าลืมว่าความไว้วางใจถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจแบบ Sharing Economy ที่ผูกติดไปกับเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นผู้ประกอบการควรสร้างมาตรการความไว้วางใจต่อการให้บริการในอนาคต ทั้งนี้นอกเหนือจากรถยนต์แล้ว เชื่อว่าผู้บริโภคจะมีการแบ่งปันหรือใช้ทรัพยากรอื่นๆ ร่วมกันเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก www.digitalagemag.com และ rrs107.wordpress.com
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
