NOTE:
– The Black Forest คาเฟ่สีดำบนถนนสุขุมวิท 107 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเยอรมัน Schwarzwald หรือชื่อไทยว่า ‘ป่าดำ’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนิทานเรื่องดังจากสองพี่น้องกริมม์
– ภายในร้านตกแต่งในสไตล์ Simplify Art Nouveau ด้วยการนำลวดลายจากธรรมชาติมาลดทอนรายละเอียดจนได้เส้นสายที่อ่อนช้อย แฝงความแข็งแกร่งด้วยการใช้เหล็กสีดำดูทะมึนสมกับชื่อร้าน
– เครื่องดื่มประเภทกาแฟของที่นี้มีทั้งแบบดริปและ Cold brew โดยใช้เมล็ดกาแฟ Single Origin จากต่างประเทศและเมล็ดกาแฟของไทยอย่างเมล็ดกาแฟป่าแป๋จากเชียงใหม่ ฯลฯ
อาคารสีดำขนาดใหญ่ที่มีเหล็กดัดโค้งลวดลายแปลกตาตั้งโดดเด่นริมถนนสุขุมวิท 107 แห่งนี้คือสถานที่ตั้งของคาเฟ่ดีไซน์เก๋ที่มีคอนเซ็ปต์ไม่ธรรมดา “The Black Forest” หรือ ‘ป่าดำ’ คาเฟ่ที่ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศ แต่ที่นี่ยังเสิร์ฟ Comfort Food เมนูทานง่าย แต่ความอร่อยไม่ธรรมดามาฝากให้เราอิ่มท้องอีกด้วย
ความไม่ธรรมดาของที่นี่เริ่มจากคอนเซ็ปต์ร้านที่คุณเบส – ยอดยุทธ ฉายสุวรรณ์ ได้ไอเดียมาจาก “ป่าดำ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ Schwarzwald สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเยอรมัน โดยสถานที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของนิทานเรื่องดังจากสองพี่น้องตระกูลกริมม์ ผนวกกับความชื่นชอบส่วนตัวจึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบคาเฟ่แห่งนี้
เริ่มจากการตกแต่งตัวร้านในสไตล์ Simplify Art Nouveau ด้วยเหล็กดัดสีดำที่มีลวดลายโค้งอ่อนช้อย ซึ่งเป็นลวดลายที่เกิดจากการลดทอนรูปแบบจากธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็แฝงความคมเข้มผ่านวัสดุทั้งเหล็กและไม้ เพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่งของป่าดำ พร้อมกับสร้างบรรยากาศให้สมกับเป็น ‘ป่าดำ’ ด้วยการคุมโทนร้านด้วยสีดำเป็นหลัก
จากภายนอกเราจะสะดุดตากับเหล็กดัดโค้งที่มีลวดลายคล้ายต้นไม้ในป่าใหญ่ เพียงแต่เป็นต้นไม้ที่ถูกลดทอนรายละเอียดลงจนกลายเป็นลวดลายแปลกตา ขณะที่ภายในก็คมเข้มด้วยเหล็กดัดสีดำกับผนังปูนเปลือยขัดมัน แม้จะเลือกตกแต่งร้านในโทนสีดำเป็นหลัก แต่ภายในร้านกลับไม่อึดอัดอย่างที่คิด ในทางตรงกันข้ามกลับมีบรรยากาศโปร่งและสบายตาจากแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านผนังกระจกบานใหญ่และช่องแสงที่ออกแบบให้ขนานไปกับตัวอาคาร ทำให้คาเฟ่แห่งนี้สว่างไสว ขณะเดียวกันก็ขับให้เห็นการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน
เริ่มจากชั้นหนึ่งเมื่อเราเปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่จากไม้เก่าอายุหลายสิบปี โดยออกแบบพื้นที่ทางซ้ายมือให้โดดเด่นด้วยโต๊ะขนาดใหญ่ พร้อมกับกระถางเฟิร์นแขวนขนาดใหญ่สร้างบรรยากาศร่มรื่น เพิ่มกิมมิกด้วยแก้วทองเหลืองที่แปลงสภาพเป็นกระถางต้นไม้ กลายเป็นมุมถ่ายรูปที่ใครๆ ต้องมาจับจองพื้นที่เมื่อมาเยือน
ส่วนชั้นสองและชั้นสามก็ออกแบบให้เป็นพื้นที่รองรับลูกค้าเช่นเดียวกัน โดยยังคงคุมโทนด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มกับเหล็กดัดลวดลายแปลกตาสีดำ เพียงแต่บนชั้นสองคุณเบสยังกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็นห้องกระจกสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
ส่วนเมนูอาหาร The Black Forest เน้นเสิร์ฟ Comfort Food ซึ่งเป็นเมนูทานง่ายที่ไม่ธรรมดา ด้วยเพราะเมนูแต่ละจานมาพร้อมกับชื่อจากนิทานกริมม์นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเมนูหลักอิ่มท้องอย่าง “Chicken Schnitzel” (150 บาท) อกไก่ทอดกรอบสีเหลืองน่าอร่อยที่ท็อปด้วยเชดด้าชีส แน่นอนว่าอกไก่จานนี้มาพร้อมความกรอบกำลังดี แต่เนื้อด้านในกลับนุ่มลิ้น เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรพิเศษของทางร้าน โดยมีมันบดเป็นเมนูเครื่องเคียง
ส่วนขนมหวานต้องไม่พลาดกับ “Vanilla Honey” (150 บาท) วาฟเฟิลแป้งกรอบที่เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมวานิลลาและครีมรสหวานนุ่มลิ้น เพิ่มความหอมหวานด้วยน้ำผึ้ง ส่วนเมนูเครื่องดื่มเราขอแนะนำให้ลิ้มลอง “Mary” (100 บาท) เครื่องดื่มรสหวานซ่อนเปรี้ยวจากเลมอนและน้ำผึ้ง เพิ่มรสสัมผัสด้วยโซดา โดยมีโรสแมรี่เชื่อมรสชาติให้กลมกล่อม
นอกจากเมนูเหล่านี้แล้ว The Black Forest ยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกลิ้มลอง โดยเฉพาะเครื่องดื่มประเภทกาแฟที่นำมาครีเอทเป็นกาแฟฟิวชั่นรสใหม่ อาทิ ‘Brair Rose’ เครื่องดื่มที่ให้รสหอมหวานจากไอศกรีมและความขมจากกาแฟเข้ากันอย่างลงตัว โดยมีเรดเวลเวตอัฟโฟกาโต้กับเรดเวลเวตครัมเบิลเป็นส่วนผสมสำคัญที่ช่วยเพิ่มความพิเศษให้เครื่องดื่มแก้วนี้ หรือจะลองดื่ม ‘White Crow’ เครื่องดื่มแก้วพิเศษที่รสชาติจะเปลี่ยนไปตามการละลายของเอสเปรสโซ่เข้มข้นที่ถูกทำให้เป็นน้ำแข็ง เป็นต้น
THE BLACK FOREST
• Open: อังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 21.00 น. หยุดวันจันทร์
• Address: ระหว่างซอยแบริ่ง 3 กับแบริ่ง 5 ถนนสุขุมวิท 107
• Tel: 089 769 1110
• Facebook: https://www.facebook.com/blackforestbkk/
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development