NOTE:
– หลังจากเปิดตัวได้เพียง 8 วัน Samsung Galaxy Note 8 ก็มียอดจองในเกาหลีใต้พุ่งสูงกว่า 850,000 เครื่องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
– ระบบการปลดล็อคด้วยใบหน้าบน iPhone X ที่เรียกว่า Face ID นั้น ทาง Apple ได้เคลมว่ามีโอกาสที่จะผิดพลาดเพียงแค่ 1 ใน 1,000,000 ซึ่งถือว่าปลอดภัยกว่าระบบ Touch ID ที่อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น 1 ใน 50,000
– ปี 2016 iPhone สามารถทำยอดขายทุกรุ่นรวมกันได้ผ่านหลัก 1,000 ล้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นาทีนี้คงไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นไหนที่จะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเจ้า Samsung Galaxy Note 8 และ iPhone X อย่างแน่นอน เพราะด้วยสถานะที่เรียกได้ว่าครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงทั้งคู่ อีกทั้งยังมักจะมีการเปิดตัวที่ไล่เลี่ยกันอยู่เสมอ จึงอดไม่ได้ที่จะต้องมีการนำสมาร์ทโฟนทั้งสองตระกูลนี้มาเทียบรัศมีกันอยู่บ่อยๆ
Samsung Galaxy Note 8
ในส่วนของ Note 8 ที่ห่างหายจากการทำตลาดรุ่นใหม่ไปราวๆเกือบ 2 ปี อันเนื่องมาจากปัญหาของแบตเตอรี่ใน Samsung Galaxy Note 8 ที่ระเบิดจนทำให้ต้องโละทิ้งยกแผง กลับมาคราวนี้ Samsung จึงต้องงัดทุกวิถีทางเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและทำให้ตระกูล Note กลับมาผงาดได้อีกครั้ง
โดย Samsung Galaxy Note 8 นั้น ถ้าว่าง่ายๆก็คือร่างขั้นสมบูรณ์ของ Samsung Galaxy S8 ที่ยกเอาจุดเด่นอย่าง “ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม” ใส่มาให้ชนิดที่ว่าเจ้าอื่นในตลาดได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยขนาดหน้าจอที่กว้างถึง 6.3 นิ้วแต่ยังคงรูปทรงที่สามารถจับถนัดภายในมือเดียวอยู่ จึงทำให้บรรดาสาวกชาว Note สามารถใช้พื้นที่บนจอเพื่อขีดเขียนได้อย่างอิสระภายใต้รูปทรงที่แทบไม่ใหญ่ขึ้นจากเดิมเท่าใดนัก ในส่วนของสเปคอื่นๆ ด้วยความที่เป็นเรือธง ทาง Samsung ก็จัดมาให้เน้นๆดังนี้
- ขนาดหน้าจอ: 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 2960 (522 ppi) อัตราส่วน 18.5 : 9
- ชนิดหน้าจอ: Super AMOLED แบบไร้ขอบ (Infinity Display)
- ชิปประมวลผล: Exynos 8895 แบบ Octa-Core Processor
- แรม: 6 GB
- รอม: 64 GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 256 GB
- กล้องหน้า: ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
- กล้องหลัง: Dual-Camera มี OIS กันสั่นทั้งสองเลนส์ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 (Wide) และ f/2.4 (Tele)
- ความจุแบตเตอรี่: 3300 mAh
- กันน้ำ/กันฝุ่น: IP68
- ชาร์จไร้สาย: รองรับ
- ระบบความปลอดภัย: Pin, Face Recognition, Fingerprint Scanner, Iris Scanner
- ระบบปฏิบัติการ: Android 7.1.1 (Nougat)
- สี: มีให้เลือก 4 สี Midnight Black, Deep Sea Blue, Maple Gold และ Orchid Grey
- ราคาเปิดตัว: 33,900 บาท
- จุดเด่นอื่นๆ: มาพร้อมกับ S-Pen ปากกาอัจฉริยะที่สามารถขีดเขียนลงบนหน้าจอได้
iPhone X
ฟาก Apple หลังจากที่โดนค่อนขอดว่าหากินกับบุญเก่าของ iPhone อยู่พักใหญ่ ซึ่งดีไซน์ของตัวสมาร์ทโฟนที่ออกมาแต่ละรุ่นนั้นแทบไม่มีความแตกต่างกันเลยไม่ว่าจะเป็น 6,6s และ 7 จะดีเข้าหน่อยตรงที่บน iPhone 7 Plus นั้นยังมีการใส่เทคโนโลยีกล้องคู่ตามสมัยนิยมมาให้
และในเมื่อปีนี้เป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของ iPhone ทั้งที มีหรือที่ทาง Apple จะไม่มีเซอร์ไพรส์มาฝากแฟนๆ โดยการมาของ iPhone X ที่ทาง Apple ได้เรียกว่า “สมาร์ทโฟนแห่งอนาคต” นั้นก็อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นการละทิ้งปุ่ม Home อันเป็นเอกลักษณ์ของ iPhone ทุกรุ่นไปจนถึงการนำระบบ Face ID ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่แห่งการปลดล็อคสมาร์ทโฟนที่เป็นการผสมผสานเซ็นเซอร์ของระบบ AR อันเป็นเทรนด์ไอทีในอนาคต รวมไปถึงการเปลี่ยนไปใช้หน้าจอแบบ OLED ที่แสดงผลคมชัดสมจริง ซึ่งสเปคคร่าวๆของ iPhone X นั้นก็โหดอยู่ไม่น้อยดังนี้
- ขนาดหน้าจอ: 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 (458 ppi)
- ชนิดหน้าจอ: Super Retina Display (OLED) รองรับ TrueTone Display
- ชิปประมวลผล: A11 Bionic แบบ Hexa-Core พร้อม Machine Learning
- แรม: ยังไม่เปิดเผย
- รอม: 64 GB และ 256 GB
- กล้องหน้า: ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 พร้อมเทคโนโลยี TrueDepth ที่ผสานระบบ AR เข้ามาช่วยทำให้ภาพมีมิติสมจริง
- กล้องหลัง: Dual-Camera มี OIS กันสั่นทั้งสองเลนส์ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 (Tele) รองรับระบบ AR
- ความจุแบตเตอรี่: ยังไม่เปิดเผย
- กันน้ำ/กันฝุ่น: IP67
- ชาร์จไร้สาย: รองรับ
- ระบบความปลอดภัย: Pin, Face ID ที่ทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์ต่างๆประมวลผลใบหน้า มีความปลอดภัยมากกว่า Fingerprint Scanner และไม่ว่าจะแต่งหน้า ใส่หมวก หรือเปลี่ยนทรงผม ระบบก็ยังจดจำได้อยู่ดี
- ระบบปฏิบัติการ: ios 11
- สี: มีให้เลือก 2 สี Space Gray และ Silver
- ราคาเปิดตัว: $999 สำหรับรุ่น 64 GB และ $1,149 สำหรับรุ่น 256 GB
- จุดเด่นอื่นๆ: เป็นรุ่นที่ฉลองการครบรอบ 10 ปีของ iPhone และเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ OLED ที่ให้สีสันคมชัดสมจริง รวมไปถึงการนำเอาปุ่ม Home ออกไปและใช้หน้าจอทัชสกรีนแบบเต็มจอเข้ามาแทนที่
สรุป: ทั้งสองรุ่นนั้นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สำหรับ Samsung Galaxy Note 8 นั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อคนรักการขีดเขียนบนหน้าจอเสียมากกว่า ส่วน iPhone X นั้นเป็นการต่อยอดนำของที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ใช้งานได้จริงอย่างเช่นระบบ AR ทั้งนี้ทั้งนั้นทางด้านราคาต้องรอทางฝั่ง iPhone X เข้าไทยก่อนอีกที เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก: www.beartai.com