NOTE:
– ปีที่แล้วจีนทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้มากกว่าอเมริกาเป็นเท่าตัว โดยมีจำนวนรถยนต์อีวีที่จดทะเบียนราว 352,000 คัน รัฐบาลจีนยังประกาศเตรียมห้ามผลิตและขายรถยนต์น้ำมันในอนาคตอีกด้วย
Frankfurt International Motor Show หรือ IAA งานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเริ่มต้นขึ้นแล้วในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี โดยเปิดให้สาธารณชนเข้าชมกันตั้งแต่วันที่ 16-24 ก.ย. นี้
หลังจากเริ่มมีภาพหลุดของรถพลังงานไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ ให้ได้เห็นในหน้าโซเชี่ยล งาน Frankfurt International Motor Show ปีนี้ แสดงให้เราเห็นว่าไฮไลต์ตกเป็นของ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ที่ค่ายรถยนต์ชั้นนำได้ยกทัพเปิดตัวคอนเซปต์และโฉมหน้าของรถยนต์ไฟฟ้ากันคึกคัก กระทั่งเยอรมนีซึ่งเป็นผู้นำด้านยนตรกรรม และแหล่งผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกก็ยังตอบรับกระแสพลังงานทางเลือกที่มุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อบรรลุเป้าหมายของสหภาพยุโรป
เริ่มจาก Mercedes-Benz เปิดตัว GLC F-Cell รถยนต์ไฮโดรเจนฟิวเซลรุ่นแรกที่รองรับการเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าหรือปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid: PHV) สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่และไฮโดรเจน แบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออน ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1-1 ชั่วโมงครึ่ง วิ่งได้ระยะทาง 30 ไมล์ พร้อมกับตั้งเป้าว่าจะบุกตลาดสหรัฐฯ ในปี 2019
ค่าย Volkswagen ประกาศเดินหน้าภารกิจใหญ่ของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว ทั้งหมด 300 รุ่น ภายใต้แบรนด์ในค่าย 12 แบรนด์ ภายในปี 2030 หวังช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 20,000 ล้านยูโร หรือราว 24,000 ล้านดอลลาร์ ปรับปรุงฐานการผลิต เพิ่มโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีก 2 แห่ง และลงทุนกับแบตเตอรี่ไฟฟ้าประมาณ 50,000 ล้านยูโร
BMW ที่ปกติเป็นผู้นำด้านดีไซน์อยู่แล้ว กลับยิ่งตอกย้ำความล้ำสมัยและไฮเทค ยกทัพรถยนต์ต้นแบบสุดหรู i Vision Dynamics สไตล์คูเป้ ตอกย้ำทิศทางของ BMW ที่จะมุ่งสู่อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า ที่สำคัญรถยนต์ต้นแบบคันนี้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน สามารถวิ่งได้ไกล 600 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ความเร็วสูงสุดกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับเป็นคู่แข่งสำคัญของ Tesla ทีเดียว
นอกจากนี้ BMW ยังเปิดตัวรถไฟฟ้าต้นแบบของ Mini ที่หมายมั่นจะเริ่มผลิตภายในปี 2019 “MINI Electric Concept” รถมินิพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ มาในรูปโฉมของรถยนต์ Hatch ที่เป็นรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเป็นครั้งแรก การออกแบบยังคงใช้ตัวถังในทรง MINI Hatch อยู่เช่นเดิม ใช้สีเงินตัดกับสีเหลือง ที่เป็นสีหลักในการทดสอบรถยนต์ MINI E มาตั้งแต่ปี 2008 รวมถึงสัญลักษณ์ตัว E แบบเดิม ที่ใช้ใน MINI Cooper S E Countryman รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วด้วย
ไฟหน้าวงกลม โดดเด่นด้วยเส้นสาย LED แบบใหม่ กระจังหน้าถูกลดช่องอากาศออกไปเกือบทั้งหมด ทำให้รูปลักษณ์ด้านหน้าดูสะอาดตาขึ้นมาก ส่วนด้านท้ายของตัวรถ โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ที่ประดับเป็นลวดลายของธงสหราชอาณาจักร และยังคงเส้นสายเรียบง่ายในทุกๆ ส่วน
ข้ามมาดูฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง ถึงคราว Honda โชว์ความไฮเทคเปิดตัว Honda Urban EV Concept แต่มาเหนือชั้นด้วยดีไซน์ Retro ขณะที่ใครๆ ก็โชว์ความล้ำสมัยของรถยนต์ระบบไฟฟ้า แต่ Honda กลับพลิกแนว เปิดตัว Honda Urban EV Concept ในงาน Frankfurt Motor Show 2017 ซึ่งหน้าตาของรถต้นแบบนี้ออกจะดูเป็นแนวเรโทรผสมกับความโมเดิร์น พร้อมด้วยการเสริมเทคโนโลยีอย่างพลังงานไฟฟ้าเข้าไปแทนเครื่องยนต์แบบเดิมที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์
Honda Urban EV Concept ได้รับการออกแบบตัวรถแบบแฮทช์แบ็ค 3 ประตูสไตล์คลาสสิก มีความยาวตัวถังไม่เกิน 4 เมตร อยู่ที่ 3,895 มม. พร้อมกับการออกแบบตัวรถที่เรียบง่าย ซุ้มล้อที่ชัดเจน
ภายนอกมาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ ทั้งโคมไฟหน้า LED, ไฟท้าย LED, กระจังหน้าและแถบท้ายรถมาพร้อมกับจอ LED ที่สามารถแสดงสัญลักษณ์ คำทักทาย และสถานะการชาร์จไฟ, กล้องมองข้างที่ช่วยลดการต้านกระแสอากาศผ่านกระจกบังลมหน้าแบบเดิมๆ, ประตูคู่หน้าที่เปิดแบบกลับด้าน, ล้ออัลลอยแกะลวดลายอย่างวิจิตร
ส่วนภายในได้ผสมผสานทั้งความคลาสสิก ความล้ำสมัยและความหรูหราไม่แพ้รถยนต์แบรนด์อื่น ทั้งมาตรวัดพร้อมจออินโฟเทนเมนต์ที่ยาว และมีความละเอียดสูง, พวงมาลัยดีไซน์หรู ทันสมัย, ผนังประตูด้านในมีจอสัมผัส, กระจกบังลมหน้าและเสา A ที่ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์, เบาะนั่งหุ้มผ้าทรงม้านั่งด้านหน้า, ภายในที่รองรับผู้โดยสารได้ 4 คน, วัสดุตกแต่งไม้ตามจุดต่างๆ, พรมปูพื้นที่หนานุ่ม ฯลฯ ทาง Honda ยังเผยว่าจะทำรถต้นแบบนี้ให้เป็นรุ่นโปรดักส์ชั่นในปี 2019
โอกาสของไทยในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยยังไม่ปรากฏความชัดเจน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในหลายประเทศทั่วโลก เป็นโอกาสที่น่าจับตา ขณะที่กลุ่มรถที่ใช้ระบบส่งกำลังด้วยไฟฟ้า (Electrified Powertrains) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นชัดเจนใน 3-5 ปี ดังนั้น ชิ้นส่วนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และลดไอเสียให้น้อยลงจะเป็นที่ต้องการในตลาดเช่นกัน ดังที่ Gartner คาดการณ์ว่า รายได้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ Semiconductor จากรถที่ใช้ระบบส่งกำลังด้วยไฟฟ้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดจะโตถึง 10.8% ในขณะที่ชิ้นส่วนระบบส่งกำลังก็จะโตปีละ 5.2% จนถึงปี 2020
อย่างไรก็ดีหลายค่ายต่างพากันพัฒนารถพลังงานไฟฟ้ามาลงตลาดล่างกันมากขึ้นนับว่าตอนนี้เป็นการก้าวเปลี่ยนยุคของยานยนต์ใหม่อีกครั้ง
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development