9 เรื่องต้องรู้! ก่อนซื้อขายคอนโดมิเนียม ในปี 2024

คอนโดมิเนียมกลายเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยที่ใครหลาย ๆ คน มีการซื้อไว้เพื่อการลงทุนในอนาคต ดังนั้นจึงทำให้กระแสของการซื้อขายคอนโดยังคงอยู่ได้ไปอีกยาวนาน ซึ่งถ้าคุณกำลังสนใจจะซื้อห้องคอนโดที่ไม่ว่าจะอยู่อาศัยเอง, ปล่อยเช่า หรือเพื่อเก็งกำไรขายในอนาคต มี 8 เรื่องที่คุณจะต้องควรรู้ไว้ก่อน เพื่อทำให้การซื้อขายห้องคอนโดในปี 2024 ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ได้ห้องตรงใจ ตรงงบประมาณ และสามารถผ่อนชำระไปได้จนจบตามกำหนดโดยไม่มีปัญหาใด ๆ ดังนี้

1.เลือกทำเลอย่างไรให้ตรงใจ

การเลือกทำเลที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของคุณ ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมาก เพราะการซื้อคอนโดนั้นย่อมมีจุดเริ่มต้นมาจากการตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องของการเดินทางไปที่ทำงานหรือที่เรียนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นจากการดูความต้องการของคุณก่อน  มีโครงการใดบ้างที่อยู่ใกล้กับจุดทำงานหรือสถานศึกษาของคุณ และทำให้รู้สึกว่าเหมาะสมที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้มาก แต่อาจจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS หรือสามารถเชื่อมต่อไปสู่รถไฟใต้ดิน MRT ได้

นอกจากนี้คุณยังสามารถประเมินดูได้ว่าต้องการอยู่ในจุดที่เป็นย่านธุรกิจใจกลางเมือง หรืออยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่าง ๆ เพื่อทำให้การใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น พร้อมไปด้วยการเลือกทำเลที่ควรจะต้องมีความปลอดภัย อยู่ในจุดชุมชนที่มีคุณภาพและช่วยทำให้คุณใช้ชีวิตในทุกวันได้อย่างสบายใจ โดยโซนที่มีคอนโดมิเนียมถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากและมักจะขายหมดอย่างรวดเร็ว คือ ย่านสาทร, พระราม 9, อโศก, ทองหล่อ, เอกมัย และสีลม เป็นต้น

2.เลือกสร้างใหม่หรือมือสอง

สำหรับผู้ที่ยังลังเลใจอยู่ว่าควรจะเลือกซื้อเป็นคอนโดสร้างเสร็จใหม่หรือคอนโดมือสองแบบซื้อต่อจากผู้อื่นดี เพราะให้ข้อดีที่แตกต่างกันออกไป เนื่องมาจากการซื้อคอนโดแบบมือสองจะเป็นการซื้อพร้อมตกแต่งมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการตกแต่งเพิ่มมากนัก แต่ในขณะเดียวกันคอนโดใหม่อาจจะต้องเสียค่าตกแต่งเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ในเรื่องของการอยู่อาศัยคอนโดมือสอง ก็มีสิทธิ์ที่จะต้องซ่อมบำรุงบ่อยครั้งเช่นกัน ซึ่งคอนโดมือหนึ่งในเรื่องนี้อาจจะไม่ต้องน่ากังวล ดังนั้นถ้าคุณต้องการรู้ว่าซื้อคอนโดในลักษณะใดดี? ให้ใช้วิธีการประเมินจากอายุของสิ่งก่อสร้างและประเมินดูพื้นที่โดยรวมด้วยตัวคุณเอง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมือสอง ให้คุณเริ่มพิจารณาจากอายุของคอนโดว่าสร้างเสร็จมานานแล้วเท่าไหร่?, อายุของตัวอาคารอยู่มาแล้วกี่ปี? เพื่อทำให้คุณสามารถคำนวณเรื่องของสภาพความเสื่อมได้มากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการไปดูด้วยตัวคุณเอง ถ้าส่วนกลางยังคงดีอยู่และมีการซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายหรือมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ รวมไปถึงสภาพห้องโดยรวมถือว่าดี คุณก็สามารถซื้อได้อย่างสบายใจ

3.จุดประสงค์การซื้อคืออะไร?

เรื่องต่อมาที่คุณควรรู้ คือ จุดประสงค์ในการจะซื้อคอนโดของคุณคืออะไร เพราะจะทำให้คุณสามารถเลือกซื้อคอนโดในปี 2022 ได้ง่ายขึ้น เช่น ถ้าคุณต้องการได้คอนโดเพื่ออยู่อาศัยเอง ให้คุณเลือกคอนโดคุณภาพที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน เดินทางสะดวก หรือสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบถ้วน แต่ถ้าเป็นคอนโดเพื่อการลงทุนให้เช่าและการขายเก็งกำไร คุณควรเลือกคอนโดกลางกรุงที่มีทำเลดี หรือทำเลใกล้กับโซนที่ทำงานและโซนนักศึกษามหาวิทยาลัย รวมไปถึงโซนตามแนวรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน เพื่อช่วยให้คุณหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อได้ง่ายมากขึ้น

4.ตรวจสอบส่วนกลาง

อีกหนึ่งเรื่องที่คุณห้ามพลาด คือ การตรวจสอบส่วนกลางของทางคอนโดว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคใดบ้าง โดยให้เน้นกิจกรรมส่วนตัวของคุณเป็นหลัก เช่น ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ควรเลือกคอนโดที่สามารถให้สวนสีเขียวหรือห้องฟิตเนสที่คุณจะเข้าไปใช้บริการได้ตลอด หรือถ้าคุณมีเด็กเล็กควรเลือก Facilities ที่เด็ก ๆ จะวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย หรือเป็นโซนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อทำให้เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตมากที่สุด นอกจากการดูเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว เรื่องต่อมาที่คุณควรสำรวจด้วยเช่นกัน คือ ภายในโครงการมีร้านค้าและร้านอาหารหรือไม่ ถ้าไม่มีในระยะที่ใกล้เคียงและไม่ไกลมากมีหรือไม่ รวมถึงการสำรวจดูว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นส่วนกลางของคอนโดใช้งานได้จริงแค่ไหน? มีความสะอาด มีการดูแลซ่อมแซม และมีการเข้ามาบำรุงอย่างจริงจังจากทางนิติบุคคลหรือไม่ เพื่อทำให้การซื้อคอนโดของคุณไม่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

5.ค่าใช้จ่ายโดยรวม

การซื้อขายคอนโดจะมีค่าใช้จ่ายอยู่หลายส่วนที่คุณจำเป็นจะต้องจดรายละเอียดต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้รู้ว่าควรเก็บเงินประมาณใด จึงจะเหมาะสมต่อการอยู่คอนโดได้แบบราบรื่น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายแบบรายเดือนและรายปี เช่น ค่าส่วนกลางของคอนโด ค่าเงินกองทุนสำรองส่วนกลาง ค่าภาษีที่ดิน และสำหรับผู้ที่กู้ธนาคารเพื่อซื้อคอนโด จะต้องรวมค่าใช้จ่ายด้านการชำระเงินกู้รายเดือนเข้าไปด้วย เพื่อทำให้คุณได้เห็นตัวเลขอย่างชัดเจนในแต่ละเดือน เพื่อนำมาประเมินดูว่าคุณจะสามารถจัดการกับรายจ่ายเหล่านี้ ได้ไปตลอดทุกเดือนหรือไม่? พร้อมการมองหาแผนสำรองด้านค่าใช้จ่ายไว้เพิ่ม เพื่อไม่ทำให้ต้องผิดพลาดจนอาจจะกลายเป็นไม่สามารถอยู่ต่อได้ ส่วนผู้ขายคอนโดควรจะต้องดูค่าใช้จ่ายโดยรวมหลังการขายได้แล้วเช่นกัน เพื่อนำมาประเมินดูว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ คุณจะสามารถจ่ายให้กับผู้มาซื้อได้เองหรือจะใช้เป็นการจ่ายคนละครึ่งต่อไป

6.การเตรียมงบประมาณ

เมื่อคุณรู้รายละเอียดของค่าใช้จ่ายโดยรวมแล้ว เรื่องต่อมาที่คุณจะต้องทำ คือ การเตรียมพร้อมด้านงบประมาณของคุณ  โดยให้คุณวางแผนเรื่องการเลือกซื้อคอนโดให้เรียบร้อยก่อน เมื่อได้รูปแบบคอนโดที่ต้องการแล้ว พร้อมยื่นกู้กับทางธนาคาร คุณจะต้องรู้ว่าตัวคุณไม่ควรมีหนี้สินอยู่ที่ตัวเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในทุก ๆ เดือน เพราะอาจจะทำให้ทางธนาคารไม่อนุมัติได้ เนื่องมาจากทางธนาคารนั้นจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในแต่ละเดือน ที่เมื่อหักออกมาแล้วจะต้องเหลือเพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการชำระหนี้ในส่วนอื่น ๆ

ดังนั้นถ้าคุณมีเงินเดือนหลักแสนบาท คุณจะต้องมีภาระหนี้สินที่ไม่เกินไปกว่า 4 หมื่นบาทต่อเดือน ส่วนค่าผ่อนนั้นทางธนาคารจะคิดประเมินอยู่ที่ล้านละ 7,000 บาท คุณจึงนำวิธีการคิดนี้ไปประเมินดูว่าจะซื้อคอนโดราคาใด แล้วไม่กระทบต่องบประมาณที่มีมากจนเกินไป สามารถทำให้คุณผ่อนชำระได้จนครบตลอด โดยไม่ทำให้ต้องเดือดร้อนในอนาคต

7.ควรซื้อทำเลแบบไหน

ทำเลหรือบรรยากาศรอบคอนโด มีความสำคัญต่อตัวคุณมาก เพราะคุณจะต้องเข้า-ออกและใช้ชีวิตในบริเวณใกล้เคียงกับคอนโดอยู่ตลอด ดังนั้นคุณต้องประเมินดูว่าสภาพแวดล้อมรอบข้างเป็นอย่างไร ไม่ควรเลือกคอนโดที่มีสภาพแวดล้อมรอบข้างเป็นชุมชนแออัดหรือเข้าซอยลึกจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้คุณเสี่ยงต่ออันตรายได้ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมรอบด้านของโครงการที่มีตลาดนัดหรือร้านค้าจำนวนมากและมีผู้คนพลุกพล่าน ก็อาจทำให้คุณไม่สะดวกต่อการเดินทางเข้า-ออกได้เช่นกัน ทั้งยังต้องทนกับเสียงดังรบกวนที่อาจจะเกิดจากชุมชนได้ทุกเมื่อ

นอกจากนี้ถ้าคุณเลือกที่จะซื้อคอนโดมิเนียมที่ติดกับถนนสาธารณะ จะทำให้คุณเข้าออก-ได้ง่าย แต่ถ้าเป็นซอยขนาดเล็กและเป็นจุดที่หน้าปากซอยรถติดด้วยแล้วก็อาจจะยิ่งทำให้การใช้ชีวิตของคุณรู้สึกเครียดมากกว่าเดิมได้ ดังนั้นคุณต้องนำความสะดวกในการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคุณมาประเมิน ถ้าชอบความง่ายควรเลือกคอนโดที่ติดกับถนนใหญ่ มีร้านค้า ร้านอาหารที่สามารถออกไปซื้อได้ง่าย หรืออาจจะเป็นโซนออกนอกเมืองไปเล็กน้อย เพื่อให้จุดที่อยู่อาศัยไม่หนาแน่นจนเกินไป รวมไปถึงจุดที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS, รถไฟใต้ดิน MRT และทางด่วน เพื่อทำให้คุณเดินทางได้สะดวกแบบครบทุกด้าน เป็นต้น

8.ไม่มีเงินซื้อต้องทำอย่างไร?

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโด แต่ไม่มีเงินก้อนที่จะสามารถทำให้ซื้อได้ด้วยเงินสดทันที ขอแนะนำการยื่นกู้กับทางธนาคาร ที่ถือเป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้คุณสามารถซื้อห้องคอนโดได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีภาระหนี้สินเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ การยื่นกู้ซื้อคอนโดจะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่ผู้ที่มีอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ ถ้ามีเงินหมุนเวียนอยู่ภายในบัญชีเสมอและมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีธนาคารจำนวนมาก คุณจะสามารถยื่นกู้ได้ 100% เลยทีเดียว  ดังนั้นเครดิตจึงถือว่ามีความสำคัญ แต่ถ้าต้องการให้ง่ายกว่านั้น คุณควรขอกู้ร่วมกับญาติหรือคู่สมรสที่มีเครดิตดี มีเงินเดือนมั่นคง มีเงินในบัญชีหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะยิ่งช่วยผลักดันให้สามารถซื้อคอนโดในแบบที่ต้องการได้ง่ายมากกว่าเดิม ส่วนการเลือกธนาคารนั้นให้คุณเลือกธนาคารที่มีเรทดอกเบี้ยพิเศษ หรือถ้าธนาคารใดสามารถให้ดอกเบี้ยต่ำสุดได้ คุณก็สามารถเข้าไปขอรายละเอียดพร้อมการยื่นกู้ธนาคารนั้นได้เลย แต่ถ้าต้องการความสะดวกและการอนุมัติง่ายขึ้น ขอแนะนำเป็นธนาคารที่คุณทำธุรกรรมด้วยเป็นประจำ จะทำให้การติดต่อขอข้อมูล รายละเอียด หรือเอกสารยืนยันเป็นเรื่องที่ทำได้รวดเร็ว จึงรู้ผลการอนุมัติได้ง่าย

9.เรื่องควรระวังของการเลือกซื้อห้องคอนโด

สำหรับเรื่องควรระวังของการซื้อห้องคอนโดนั้นจะมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง ดังนี้

  •         ถ้าโครงการที่คุณต้องการซื้ออยู่ขายได้ไม่หมด และมีเจ้าของโครงการเป็นเจ้าของร่วมอยู่ภายในคอนโดด้วย คุณต้องตรวจสอบดูว่าทางโครงการมีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าส่วนกลางหรือไม่ และมีการจ่ายค่าส่วนกลางไปหมดแล้วหรือยัง เพื่อทำให้การเข้าอยู่ของคุณเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด
  •         การเลือกคอนโดแบบโครงการมิกซ์ยูสที่เป็นการอยู่อาศัยร่วมเชิงพาณิชย์ ควรเลือกให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต, ความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงค่าส่วนกลาง
  •         ควรเลือกโครงการแล้วเสร็จที่ไม่มีปัญหาใด ๆ มาก่อน แต่ถ้าเลือกเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ คุณควรดูว่าตัวโครงการก่อสร้างล่าช้าเกินไปหรือไม่ และมีปัญหากับชุมชนข้างเคียงมาก่อนหรือไม่ เพื่อทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงเสียเงินเปล่าจากปัญหาการฟ้องร้องของชุมชนรอบด้าน จนทำให้การก่อสร้างอาจต้องหยุดชะงักเลยก็ได้เช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายคอนโดมิเนียม คุณควรรู้ทั้ง 8 เรื่องนี้ก่อน เพื่อทำให้การซื้อขายของคนเป็นไปอย่างสบายใจ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ในอนาคต จนอาจจะทำให้คุณรู้สึกเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ได้

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top