Co-Payment ค่าร่วมจ่าย เมื่อประกันภัยมีนโยบายการจ่ายใหม่

Co-Payment คือ รูปแบบการแบ่งจ่ายค่าใช้จ่ายระหว่างผู้ทำประกันกับบริษัทประกันภัย เมื่อเกิดการเคลมประกัน ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพ หรือบางกรณีใน ประกันชีวิต โดยที่ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนร่วมกับบริษัทตามอัตราที่กำหนด เช่น 20% หรือ 30% ของค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น

การทำงานของระบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน และสร้างความสมดุลให้ผู้เอาประกันมีความระมัดระวังในการใช้สิทธิ์ ไม่ใช้การรักษาที่ไม่จำเป็น และเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับหลายคนที่อยากได้เบี้ยประกันที่ราคาถูกลง

ข้อดีของ Co-Payment คืออะไร? การมีส่วนร่วมจ่าย ฟังแรก ๆ อาจรู้สึกไม่สบายใจ แต่บางมุมก็มีข้อดีที่สอดแทรกอยู่ ลองมาดูกันว่าถ้ามองในมุมข้อดีของ Co-Payment จะมีอะไรบ้าง 

  • เบี้ยประกันถูกลง การเลือกประกันสุขภาพแบบ Co-Payment ช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้ค่อนข้างมาก เพราะบริษัทประกันสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังผู้เอาประกันบางส่วน ทำให้แผนประกันมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิม
  • เหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพดี สำหรับคนที่ไม่ค่อยป่วยบ่อยและมีประวัติสุขภาพที่ดี การทำประกันแบบนี้ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเองมีน้อย
  • ป้องกันการใช้สิทธิ์เกินความจำเป็น ระบบ Co-Payment ช่วยให้ผู้ทำประกันมีความระมัดระวังในการใช้บริการทางการแพทย์ เพราะต้องจ่ายส่วนต่างเองบางส่วน ทำให้ลดความเสี่ยงการเคลมแบบไม่จำเป็น

ข้อจำกัดของ Co-Payment และข้อควรระวังที่ผู้บริโภคต้องรู้ แม้ว่า Co-Payment จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตแบบนี้

  • มีภาระจ่ายเพิ่มเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้สิทธิ์ ผู้เอาประกันต้องจ่ายเงินบางส่วนร่วมกับบริษัทตามอัตราที่ตกลงไว้ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเงินจำนวนมากหากมีค่ารักษาพยาบาลสูง
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว สำหรับคนที่ป่วยบ่อย หรือมีโรคเรื้อรัง ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยครั้ง การเลือก Co-Payment อาจไม่คุ้มค่า เพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเองซ้ำๆ
  • ต้องวางแผนการเงินให้ดี แม้เบี้ยประกันจะถูกลง แต่การมีส่วนร่วมจ่ายเพิ่มนั้น เพื่อน ๆ จำเป็นต้องมีการเตรียมเงินสำรองเอาไว้กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และต้องเข้ารับการรักษาขึ้นมาจริงๆ 

และประกันสุขภาพแบบ Co-Payment เหมาะกับใคร? ถ้ามองจากจากข้อดีและข้อจำกัดข้างต้น Co-Payment จะเหมาะกับกลุ่มคนดังนี้

  • คนที่มีสุขภาพแข็งแรง ผู้ที่ไม่ค่อยป่วย และไม่ค่อยเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ สามารถใช้ประโยชน์จากเบี้ยประกันราคาถูกได้อย่างคุ้มค่า
  • คนที่ต้องการควบคุมค่าเบี้ยประกัน สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดในการจ่ายเบี้ยประกัน การเลือกประกันแบบ Co-Payment ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายปีได้
  • คนที่มีเงินสำรองฉุกเฉินพร้อม คนที่มีการวางแผนการเงินที่ดี และพร้อมจ่ายเงินเพิ่มบางส่วนเมื่อถึงเวลารักษาพยาบาลจริงๆ

ดังนั้นสรุปได้ว่า Co-Payment เป็นทางเลือกสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน และมีความสามารถในการจัดการค่าใช้จ่ายบางส่วนเมื่อมีการเคลมประกันในอนาคตได้ ประกันสุขภาพรูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรง มีงบประมาณจำกัด และวางแผนการเงินได้อย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตามผู้ทำประกันควรพิจารณาเงื่อนไขและข้อจำกัดอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มค่าและไม่มีปัญหาด้านการเงินในอนาคต

 

 

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top