หลังจากตัดสินใจซื้อคอนโดเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ยากเป็นลำดับต่อมาสำหรับมือใหม่ที่มีคอนโดห้องแรกในชีวิตคือ “การตรวจรับคอนโด” เพื่อเตรียมโอมกรรมสิทธิ์
เพราะหากตรวจห้องไม่ละเอียด แล้วดำเนินการรับโอนห้องมาแล้ว การแก้ไขทีหลังจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับคุณทันที ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 5 ข้อควรรู้! ก่อนตรวจรับคอนโดมาแนะนำโดยเฉพาะหากคุณเลือกที่จะตรวจรับด้วยตัวเอง
01. อุปกรณ์ตรวจรับคอนโดต้องพร้อม
อุปกรณ์เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการตรวจรับคอนโดด้วยตัวเอง โดยอุปกรณ์ที่จำเป็นประกอบด้วย…
- Post-It หรือ Marking Tape สำหรับแปะระบุตำแหน่งจุดที่มีปัญหา เพื่อแจ้งช่างซ่อมได้ตรงจุด
- ตลับเมตร สำหรับการวัดพื้นที่ต่างๆ ว่าเป็นไปตามที่ตกลงกันไหม
- ลูกบอล หรือ ลูกแก้ว ใช้ตรวจสอบความลาดเอียงของพื้น
- ถังน้ำ สำหรับรองน้ำ เพื่อนำน้ำมาราดทดสอบความลาดเอียงของระเบียงและพื้นห้องน้ำ
- เหรียญ จะเป็นเหรียญอะไรก็ได้ โดยนำมาเคาะพื้นและกระเบื้องว่ามีจุดไหนกลวงผิดปกติหรือไม่
- อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายชาร์ตแบตเตอร์รี่ เพื่อทดสอบปลั๊กไฟว่าใช้งานได้จริง
- บันได สำหรับตรวจในจุดที่อยู่สูง เช่น วงกบประตู วงกบหน้าต่างด้านบน เพดาน ฯลฯ
- กล้องถ่ายรูป สามารถเป็นกล้องจากสมาร์ทโฟน เพื่อถ่ายรายละเอียดที่ต้องแก้ไขไว้เป็นหลักฐาน
02. ตรวจงานหลักที่ต้องการความละเอียดกันก่อน
เริ่มต้นตรวจสอบงานหลักๆ ของคอนโดอย่าง พื้น ผนัง เพดาน ประตู และหน้าต่าง เพราะเป็นงานกลุ่มแรกๆ ที่เราสามารถตรวจสอบได้ และต้องตรวจเช็กอย่างละเอียด
- งานพื้น โดยเฉพาะวัสดุลามิเนตให้ตรวจสอบเรื่องพื้นบวม เคาะแล้วไม่เป็นโพรง มีความเรียบเสมอกัน เดินไม่สะดุด โดยให้ใช้ลูกบอลหรือลูกแก้วมาช่วยตรวจดูความสม่ำเสมอของพื้น แต่หากเป็นงานระเบียงและงานห้องน้ำ แนะนำให้ราดน้ำลงพื้น เพื่อให้น้ำทำหน้าที่ช่วยตรวจสอบความลาดเอียง โดยพื้นห้องน้ำและพื้นระเบียงไม่ควรมีน้ำขัง
- งานผนัง โดยเฉพาะผนังที่ติดวอลล์เปเปอร์ ต้องสังเกตเหลี่ยมมุมและรอยต่อว่ามีการเก็บงานเรียบร้อยหรือยัง หรือมีรอยฉีกขาดหรือไม่ อย่าลืมลูบผนังวอลล์เปเปอร์เพื่อตรวจสอบผนังภายในว่าฉาบปูนเรียบหรือไม่กันด้วย
- งานประตู – หน้าต่าง ตรวจสอบตั้งแต่การเปิด-ปิดว่าสามารถปิดได้สนิท ไม่ฝืด และไม่มีเสียง รวมทั้งตรวจสอบลูกบิดและตัวล็อคกันด้วยว่าติดแน่น กรณีหน้าต่างกระจก อย่าลืมเช็กรอยร้าวของกระจกกันด้วย
- งานเพดาน จุดใหญ่ที่หลายคนมองข้าม โดยให้เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบความสูงของเพดานว่าเป็นไปตามที่โครงการแจ้งหรือไม่ หลังจากนั้นให้ตรวจสอบฝ้าไม่มีรอยแตก ไม่มีสีด่าง หรือรอยน้ำซึม
3. ระบบน้ำและสุขาภิบาลที่ห้ามพลาด เพราะอาจทำชีวิตพังได้
หากตรวจสอบระบบน้ำและสุขาภิบาลไม่ดี ความยุ่งยากจะตามมาทันที เพราะระบบน้ำ รวมทั้งสุขาภิบาลจะส่งผลกระทบต่อสุขอนามัย แถมยังซ่อมแซมแก้ไขได้ยากอีกด้วย โดยระบบน้ำที่แนะนำให้ตรวจสอบ มี…
- สายฉีด ฝักบัว และก๊อกตามจุดต่างๆ ว่าพร้อมใช้งาน น้ำที่ไหลต้องไม่แรงเกินไปหรือเบาเกินไป
- อ่างซิงค์และอ่างล้านจาน เช็กให้ละเอียดว่าไม่มีรอยรั่ว ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และสามารถระบายน้ำได้ดี ไม่มีสิ่งอุดตัน
- ระบบเครื่องทำน้ำอุ่น มีการติดตั้งสายดินเรียบร้อยหรือไม่
4. ตรวจระบบไฟฟ้าทุกจุด
หลังจากตรวจงานหลักเรียบร้อย ก็ต่อกันด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งสิ่งที่ต้องตรวจสอบหลักๆ คือ
- เต้าเสียบ โดยนำสายชาร์ตแบตเตอร์รี่ที่ทดลองชาร์ตจริง หรือใครมีไขควงวัดไฟก็ใช้ได้เช่นกัน
- สวิตซ์ไฟ ลองเปิด-ปิดสวิตซ์ไฟทุกจุดว่าเปิดแล้วไฟติดหรือไม่
- เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับมา เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ ให้ลองเปิดใช้ เพื่อทดสอบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถใช้งานจริงๆ นอกจากนี้ยังลืมตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าทีได้มานั้นเป็นของใหม่กันด้วยนะครับ
5. ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมคอนโด
กรณีที่เป็นห้องพร้อมอยู่ หรือมีเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน ก็ต้องตรวจเช็กเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นว่าเป็นของใหม่ มีความคงทน สามารถใช้งานได้จริง บานพับต่างๆ ไม่ฝืด และได้มาตรฐาน
5 ขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ เพียงแค่คุณตรวจสอบเป็นสเต็ป และมีความละเอียดรอบคอบ การตรวจรับห้องก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว