NOTE:
– เมื่อปี 2014 Facebook ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตแว่นตาสามมิติยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Oculus VR ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์
– ด้าน “Samsung Gear VR” ยังคงครองตำแหน่งอุปกรณ์ VR ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วยยอดขายเกือบ 8 แสนชิ้น ที่ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง “Sony PlayStation VR” กว่าเท่าตัว
– หลังจากใช้เวลาพัฒนากว่า 4 ปี “Oculus Rift” สุดยอดอุปกรณ์ VR จากค่าย Oculus ก็ได้เริ่มวางจำหน่ายในปี 2016 ด้วยราคาเปิดตัวที่สูงลิบกว่า 600 ดอลลาร์ หรือราวๆ 20,000 กว่าบาท
ต้องยอมรับว่า “Virtual Reality” (VR) คือเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงสุดๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมีทีท่าว่ากำลังจะกลายเป็นมาตรฐานของอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความบันเทิงในยุคหน้า เนื่องด้วยจุดเด่นของ VR ที่สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมจำลอง 3 มิติ โดยสามารถใช้งานผ่านการสวมใส่อุปกรณ์ที่รองรับระบบ VR ได้ทุกที่
ทางด้าน Facebook เองก็นับเป็นเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของตลาด VR นี้เป็นเจ้าแรกๆ จะเห็นได้จากข่าวการเข้าซื้อกิจการของบริษัท “Oculus VR” ในปี 2014 ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Oculus VR นั้นถือเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตแว่นตาสามมิติที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเป็นอันดับต้นๆของโลกในขณะนี้
ภายหลังการเข้าซื้อกิจการของ Oculus สามปีให้หลัง Facebook ก็ได้เปิดตัว “Facebook spaces” ที่ถือเป็น “Social VR” เจ้าแรกๆที่รองรับระบบการเล่นโซเชียลผ่านการสวมใส่อุปกรณ์ VR โดยผู้ใช้สามารถรับชมคอนเท้นท์ในรูปแบบ 360 องศา รวมไปถึงสามารถสร้างอวาตาร์แทนตัวเองเพื่อพูดคุยกับเพื่อนภายในโซเชียลได้อีกด้วย
และในช่วงปลายปี “Mark Zuckerberg” CEO ของ Facebook ก็ได้ออกมาประกาศถึงความคืบหน้าของอุปกรณ์ VR รุ่นใหม่ ภายในงาน “Oculus Connect 4” ที่ในครั้งนี้มาร์คได้นำเสนอเจ้า “Oculus Go” อุปกรณ์ VR รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับจอ WQHD ขนาด 2K ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซลภายในตัว ซึ่งจุดเด่นของเจ้า Oculus Go คือสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องต่อกับสมาร์ทโฟนหรือเครื่องคอมพิวเตอร์แบบอุปกรณ์ VR รุ่นอื่นๆ
นอกจากนี้ Oculus Go จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Spatial Audio ที่ทำให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงโดยไม่ต้องใส่หูฟังครอบอีกชั้น และสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งหมดผ่าน Controller ทั้งนี้ Oculus Go จะมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 ดอลลาร์หรือราวๆ 6,700 บาทเพียงเท่านั้น โดยมาร์คเองก็คาดหวังให้อุปกรณ์ชิ้นนี้เข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่าง Gear VR ที่มีราคาถูกแต่ต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน กับ Oculus Rift แว่นตา VR ระดับบนที่มีราคาสูงลิบนั่นเอง
ทางด้านกำหนดการวางขายนั้นมาร์คได้เผยว่าอาจเป็นราวๆช่วงต้นปี 2018 ฉะนั้นชาว Gen-C คนไหนที่อยากได้มาครอบครองคงต้องอดใจรอกันซักอีกนิด
ค้นหาแรงบันดาลใจ ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions
Facebook: Ananda Development
Instagram: ananda_development
Youtube: Ananda Development
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก: https://www.theverge.com