สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ยังคงระบาดกันอย่างหนัก ณ เวลานี้ การระบาดนับว่าสูงที่สุด นับจากการระบาดเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงต้นปี 2020 กับตัวเลขการติดเชื้อรายวันมากกว่า 10,000 คน และการตรวจหาเชื้อก็ยากเหลือเกินจากความไม่สามารถรองรับการติดเชื้อจำนวนมากได้ของโรงพยาบาล และระบบสาธารณสุขของประเทศ ดังนั้นจึงมีการพูดถึงการ “ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง” ที่เราเรียกกันว่า Rapid Test
ทำความเข้าใจกันสักนิดนะครับว่า Rapid Test นั้นจะมีสองแบบด้วยคือ ตรวจหาเชื้อ (Antigen) กับตรวจหาภูมิคุ้นกัน (Antibody) ซึ่งวันนี้เราจะมาคุยกันถึงในแบบแรกคือ การตรวจหาเชื้อ สำหรับผู้ที่กังวลว่าตัวเองมีเชื้อหรือไม่
การตรวจหาเชื้อนั้น ณ เวลานี้ ในประเทศไทยมีการนำเข้าชุดตรวจที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ องค์การอาหาร และยา (อย.) ที่เรียกว่า Rapid Antigen Test โดยจะตรวจผ่านทางโพรงจมูก, ลำคอ หรือว่าน้ำลาย สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจ โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
- ใช้ไม้สวอบป้ายเก็บตัวอย่างผ่านทางโพรงจมูก, ลำคอ หรือว่าน้ำลาย
- จุ่มไม้สวอบลงไปในหลอดที่มีน้ำยาสกัด พร้อมทำการหมุน และบีบอย่างน้อย 5 รอบ ก่อนเอาไม้ออกและปิดจุกหลอดให้เรียบร้อย
- หยอดน้ำยาลงในตลับทดสอบตามแต่ละชุดตรวจสอบที่ซื้อมาใช้ในการทดสอบกำหนด โดยบนตลับจะมีอักษร C และ T อยู่บนตลับ (ย้ำจะมีอักษร C และ T เท่านั้น หากเป็นอักษรอื่น จะไม่ใช่ชุดตรวจ Rapid Antigen Test)
- รอผลการตรวจสอบตามที่ชุดตรวจกำหนดส่วนมากจะไม่เกิน 15-30 นาที
โดยผลการตรวจจะมีสามแบบคือ
- ผลเป็นบวก : (ติดเชื้อโควิด-19) จะมีแถบปรากฏทั้งสองแถบบนอักษร C และ T
- ผลเป็นลบ : (ไม่ติดเชื้อโควิด-19) จะแถบปรากฏบนแถบอักษร C เพียงแถบเดียว
- ผลใช้งานไม่ได้ : หากผลออกมาเป็นไม่มีแถบใดปรากฏเลย หรือขึ้นเฉพาะแถบ T เพียงแถบเดียว เท่ากับ ชุดตรวจนี้ใช้การไม่ได้ ให้ทำการทดสอบใหม่
อย่างไรก็ตาม หากคุณตรวจแล้วผลเป็นบวก ก็อย่าเพิ่งตกใจจนเกินไป เพราะการตรวจแบบ Rapid Test นั้นมีปัจจัยที่ทำให้ผลออกมาไม่แน่นอนหลายอย่าง ดังนั้นเพื่อความแน่ใจควรตรวจการหาเชื้อโควิด