เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ เรื่องนี้ชาวคอนโดต้องรู้ บอกเลย!

การอาศัยอยู่ภายในห้องคอนโด จำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้แอร์หรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อการทำความเย็น ไม่ว่าจะใช้ตลอดทั้งวันหรือใช้เพียงแค่บางช่วงเวลาก็ตาม โดยเฉพาะห้องที่อยู่สูงขึ้นไป อาจจะต้องเผชิญความร้อนได้มากกว่าห้องที่อยู่ด้านล่าง การเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน จึงอาจทำให้ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นลองมาดูว่าเปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ ที่ถือเป็นเรื่องควรรู้เบื้องต้นของคนอยู่คอนโด

ขอบคุณรูปภาพจาก freepik

ทำความรู้จักโหมดแอร์ เพื่อตอบคำถาม เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ

การใช้งานแอร์มีความสำคัญในเรื่องของโหมดต่าง ๆ ที่จะมีความคล้ายคลึงกันเกือบทุกแบรนด์และทุกรุ่นของแอร์ ซึ่งโหมดเหล่านี้จะปรากฏอยู่บนรีโมทแอร์ที่คุณสามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ซึ่งถ้าคุณต้องการคำตอบว่าเปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟได้ดี คุณควรทำความรู้จักกับโหมดแอร์ทั้งหมดให้ชัดเจนก่อน เพื่อนำไปใช้งานกับเครื่องของคุณได้อย่างเหมาะสมและช่วยลดค่าไฟได้มากขึ้น ดังนี้

1.โหมด Cool

โหมดที่จะทำให้เกิดความเย็นได้มากที่สุด คือ Cool Mode ที่ถือว่ามีความหมายตรงตัว โดยคนทั่วไปจะเลือกใช้งานโหมดนี้เพื่อทำความเย็นกันมากที่สุด เพราะเมื่อตั้งอุณหภูมิตามที่ต้องการแล้ว เครื่องจะทำงานตามที่คุณได้ตั้งไว้เท่านั้น โดยจะไม่มีการตัดไปสู่อุณหภูมิอื่น จะเป็นการค่อย ๆ ทำให้อุณหภูมิภายในห้องลดต่ำลงไปแบบช้า ๆ จนกว่าจะถึงองศาที่คุณได้ตั้งไว้ และเมื่อใดที่แอร์ไปสู่อุณหภูมิที่ถูกตั้งไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจะทำการตัดทันที เหมาะสำหรับการใช้งานภายในห้องคอนโด, ห้องนอน และห้องนั่งเล่น เพราะจะสามารถรักษาอุณหภูมิได้ตามที่คุณต้องการ แต่จะมีอัตราการกินไฟค่อนข้างสูง

โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด เนื่องมาจากแอร์จะไม่สามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อช่วงเวลาได้ และจะต้องทำงานตามอุณหภูมิที่ถูกตั้งไว้เท่านั้น จึงอาจทำให้เกิดการแบกรับภาระที่ค่อนข้างหนักของการรักษาอุณหภูมิไว้ตามเดิม อัตราการกินไฟจึงจะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าคุณชื่นชอบการใช้งานโหมด Cool แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศาเท่านั้น เพื่อทำให้แอร์สามารถทำงานได้ในสภาวะปกติและรักษาอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสม ไม่ถือว่าทำงานหนักจนเกินไป และยังเป็นอุณหภูมิที่จะช่วยทำให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น

หรือใช้เป็นเทคนิคการเปิดไว้ที่ 25 องศาในโหมด Cool เมื่อห้องมีความเย็นคงที่แล้วให้ปรับไปสู่  Auto Mode แทน เพื่อทำให้การปรับอุณหภูมิมีความเหมาะสมและประหยัดไฟมากขึ้น แต่ถ้าต้องการอุณหภูมิที่คงตัว โดยไม่ใช้ Auto Mode และประหยัดไฟ ควรเลือกใช้อุณหภูมิตั้งแต่ 26 องศาเป็นต้นไปจะดีที่สุด

2.โหมด Dry

โหมด Dry หรือชื่อที่จะปรากฏบนรีโมท คือ Dry Mode จะเป็นตัวช่วยในการลดความชื้นภายในห้อง ดังนั้นเมื่อเปิดใช้งานแล้วจะทำให้แอร์ทำงานเพื่อลดความชื้นภายในห้องอัตโนมัติ โดยที่ผู้อยู่ในห้องจะไม่สามารถปรับความเย็นได้ การทำงานจะเป็นแค่เพียงการดูดความชื้นจากอากาศภายในห้อง เข้าสู่ตัวแอร์แล้วปล่อยออกเป็นน้ำผ่านทางท่อระบายน้ำทิ้งของแอร์ โดยที่รีโมทจะไม่ปรากฏตัวเลขอุณหภูมิใด ๆ เพราะจะไม่ทำความเย็น แต่จะมีสัญลักษณ์หยดน้ำขึ้น ซึ่งจะหมายถึงกำลังทำหน้าที่ในการลดความชื้นทุกส่วนของห้อง ด้วยการดูดเข้าคอยล์เย็นแล้วทำให้กลั่นตัวกลายเป็นน้ำ

ซึ่งถือว่าควรเปิดใช้งานโหมดนี้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ 1 เดือนต่อ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการลดปริมาณความชื้นที่ล่องลอยอยู่ภายในห้องคอนโดหรือห้องต่าง ๆ ของคุณได้ดีมากขึ้น สามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ เพราะจะกินไฟต่ำมาก เพียงแต่จะไม่ทำความเย็นให้กับห้อง จะกลายเป็นเพียงแค่อุณหภูมิปกติ ดังนั้นถ้าเป็นการอยู่อาศัยทั่วไปที่ยังไม่จำเป็นต้องดูดความชื้นภายในห้อง ไม่ควรใช้โหมดนี้และถ้าเมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ให้ลองสังเกตที่รีโมทแอร์ว่ามีสัญลักษณ์หยดน้ำหรือไม่ เพราะการใช้งานบางครั้งอาจจะทำให้คุณไปกดโดนโหมด Dry ได้

3.โหมด Fan

การใช้งาน Fan Mode หรือที่ถูกเรียกแบบง่าย ๆ ว่าโหมดพัดลม จะเป็นการที่แอร์ทำหน้าที่คล้ายกับพัดลม ดังนั้นไม่ว่าคุณจะตั้งอุณหภูมิความเย็นไว้ที่เท่าไหร่ก็ตาม จะไม่มีผลต่อโหมดนี้ เนื่องมาจากความเย็นที่ถูกปล่อยออกมาจะเป็นเพียงแค่การใช้งานแบบพัดลมที่ไม่ได้ลดอุณหภูมิใด ๆ จะให้เพียงแค่ลมพัดผ่านออกมาเท่านั้น จึงไม่กินไฟแน่นอน ถ้าเปรียบเทียบกับการทำงานของ Cool Mode และ Auto Mode แล้ว จะเรียกได้ว่าเป็นการปล่อยแค่เพียงลมออกมาโดยไม่มีความเย็น

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดไฟ แต่ยังคงได้รับความเย็นในแบบพัดลมอยู่ สามารถใช้ในช่วงเย็นที่อากาศเบาบางลงแล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด ใช้โหมดนี้นอกจากจะทำให้ห้องไม่เย็น ยังอาจเสี่ยงต่อการทำให้แอร์ทำงานหนักกว่าเดิมอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วการสร้างโหมด Fan ขึ้นมาจะให้ประโยชน์ในการลดกลิ่นอับชื้นของเครื่องปรับอากาศและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ภายในห้อง เพราะสามารถไล่กลิ่นอับกลิ่นชื้นและกลิ่นอาหารได้ดี

ทั้งยังช่วยทำให้การใช้งานคอยล์เย็นมีประสิทธิภาพและช่วยยืดอายุให้ใช้ได้นานขึ้น ดังนั้นเมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าห้องเริ่มมีกลิ่นไม่ดีหรือแอร์เริ่มปล่อยกลิ่นอับ ให้คุณเปิด Fan Mode ทิ้งไว้ได้เลย ซึ่งคอยล์เย็นจะเป่าพัดลมออกมา เพื่อลดความชื้นที่สะสมอยู่ภายในเครื่อง ทำให้การเปิดใช้งานในครั้งต่อไปจะไม่มีกลิ่นเหม็นอับและจะช่วยลดปัญหาแอร์เย็นช้าได้อีกด้วย

4.โหมด Smart Saving

สำหรับการใช้งานโหมด Smart Saving จะมีแค่เฉพาะในบางรุ่นและบางยี่ห้อเท่านั้น ถูกเรียกแบบง่าย ๆ ว่าโหมดประหยัดไฟอัจฉริยะ ที่จะสามารถทำงานไปพร้อมกับ Cool โหมดได้ทันที หมายความว่าถ้าคุณตั้งอุณหภูมิในแบบที่ต้องการไว้ เครื่องจะถูกสั่งการให้ทำงานช้าลงและไม่กระชากไฟมากจนเกินไป ดังนั้นเมื่อคุณใช้งานโหมดนี้แล้วจะสังเกตได้ว่าเสียงแอร์จะเบาลง อาจจะมีข้อเสียในเรื่องของการทำให้แอร์เย็นช้า แต่จะเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุณหภูมิคงที่และประหยัดไฟไปพร้อมกัน ทั้งยังถือว่าเป็นโหมดที่ให้ความประหยัดแบบขั้นสุด จึงเหมาะสำหรับห้องที่จำเป็นจะต้องเปิดแอร์ไปตลอดทั้งวัน

5.โหมด Auto

โหมด Auto จะเป็นโหมดที่สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด โดยจะปรากฏอยู่บนรีโมท คือ Auto Mode ที่เพียงแค่กดให้เครื่องทำงาน แอร์จะสามารถปรับอุณหภูมิได้อัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องจำเป็นต้องปรับใด ๆ เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุณหภูมิและพัดลม จะทำงานตามที่เครื่องกำหนดไว้ทั้งหมด ซึ่งภายในแอร์จะมีเซ็นเซอร์เพื่อสั่งการด้านอุณหภูมิกับความเร็วของพัดลมมาอยู่แล้ว เมื่อปรับสู่ Auto Mode จะมีการวิเคราะห์การทำงานทั้งหมดจากตัวเครื่อง เพื่อให้เหมาะสมต่อความร้อนและการทำงานภายในห้อง

ส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้ภายในห้องคอนโดทั่วไป ห้องนอน ห้องนั่งเล่นภายในบ้านพักอาศัย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องของแอร์มากนักและยังถูกใช้ภายในอาคารสำนักงานต่าง ๆ โดยจะเป็นการตั้งให้ทำงานเองแบบอัตโนมัติ ซึ่งการวิเคราะห์การทำงานของเครื่อง มักจะมาจากหลายปัจจัย เช่น สภาพความร้อนภายในห้อง, จำนวนคนที่อาศัยอยู่ และสภาพอากาศภายนอกร่วมกัน เพื่อทำให้ความเย็นภายในเหมาะสมมากที่สุด

โหมดนี้จะไม่กินไฟมากเกินไป เพราะสามารถปรับระบบทุกอย่างให้เหมาะสมต่อการใช้งานได้ดี ทั้งยังไม่ทำให้รู้สึกยุ่งยากมากนัก เพราะเพียงแค่กดใช้งานแล้วแอร์จะทำงานเองอัตโนมัติ แต่ถ้าเมื่อใดที่การใช้งานห้องมีการอยู่อาศัยเพียงแค่คนเดียวหรือจำนวนคนน้อยลงอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้กลายเป็นกินไฟได้มากพอสมควรเช่นกัน

ใช้แอร์แบบไหน? ถึงจะเรียกว่าประหยัดไฟ

เมื่อคุณต้องใช้งานแอร์ภายในห้องคอนโดบ่อยครั้งหรือตลอดทั้งวัน ขอแนะนำวิธีการใช้งานที่จะทำให้คุณสามารถประหยัดไฟได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นตัวช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ยาวนานและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้

1.ทำห้องให้โปร่งก่อนเปิดแอร์

ก่อนจะเปิดแอร์ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรเปิดหน้าต่างและประตูระเบียง เพื่อการถ่ายเทและระบายกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ และความร้อนออกจากห้องให้ได้มากที่สุด จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การเปิดแอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อความร้อนภายในที่ถูกอบมาทั้งวัน ถูกถ่ายเทออกไป กลายเป็นบรรยากาศที่เบาบางลง เมื่อเปิดแอร์แล้วจะทำให้การปรับอุณหภูมิห้องเข้าสู่ความเย็นจะง่ายขึ้น จึงทำให้เย็นเร็วและแอร์จะไม่ทำงานหนักมากจนเกินไป ทั้งยังถ่ายเทเอากลิ่นต่าง ๆ ที่ไม่ดีออกจากห้องไปแบบง่าย ๆ อีกด้วย

2.ใช้พัดลมช่วย

ช่วงที่เปิดแอร์แรก ๆ ถ้าคุณต้องการให้ได้ความเย็นเร็วและช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ควรเปิดพัดลมร่วมด้วย เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นลงเร็วขึ้น พร้อมการช่วยหมุนเวียนอากาศและความเย็นภายในห้องได้อย่างทั่วถึงกว่าเดิม เมื่ออุณหภูมิที่คุณต้องการคงที่ ให้ความเย็นสบายที่เหมาะสมแล้วจึงค่อยปิดพัดลม จะทำให้อากาศภายในห้องเย็นสดชื่นเร็ว แอร์ไม่ทำงานหนักและไม่กินไฟมากจนเกินไป

3.ตั้งคอมเพรสเซอร์ให้ถูกที่

การวางคอมเพรสเซอร์ถือว่ามีความสำคัญต่อการทำงานของแอร์ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าคุณต้องการประหยัดไฟและไม่เปลืองพลังงานมากเกินไป จำเป็นที่จะต้องติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ในจุดที่ระบายอากาศได้ดี เนื่องมาจากคอมเพรสเซอร์จะต้องปล่อยความร้อนที่ดูดออกจากคอยล์เย็นตลอดเวลา ดังนั้นจึงควรตั้งในจุดที่โปร่ง โล่ง และไม่สะท้อนความร้อนกลับมายังคอมเพรสเซอร์ เลี่ยงบริเวณที่หน้าคอมเพรสเซอร์จะหันไปปะทะกับกำแพงหรือวัสดุใด ๆ แล้วทำให้ความร้อนกลับมาเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้เสียเร็วมาก พร้อมการเลี่ยงตั้งในบริเวณที่เป็นปูนหรือชั้นดาดฟ้าที่รับแสงแดดโดยตรง เพราะความร้อนจากแสงแดดอาจจะทำให้พังได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงควรตั้งอยู่ในที่ร่มและระบายอากาศได้ดี พร้อมยกขึ้นสูงเหนือพื้นกว่าปกติ เพื่อทำให้อากาศสามารถไหลเวียนผ่านคอมเพรสเซอร์ได้ง่ายขึ้น จึงเกิดการถ่ายเทที่ดี การทำงานของแอร์จะมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดปัญหากินไฟแน่นอน

4.หยุดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด

ไม่ควรนำเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความร้อน เข้ามาใช้งานภายในห้องที่เปิดแอร์ เพราะจะยิ่งทำให้การทำงานของแอร์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเตารีด, กระทะไฟฟ้า, หม้อต้มน้ำร้อน, หม้อหุงข้าว และเครื่องพ่นไอน้ำต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้จะผลิตความร้อนออกมาสูง ทำให้อากาศภายในห้องเพิ่มสูงตามไปด้วย เมื่อเซ็นเซอร์แอร์ตรวจพบความร้อน จึงเร่งให้เครื่องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมเพื่อทำความเย็น จึงกลายเป็นการทำงานที่หนักขึ้นและกินไฟมากกว่าเดิมไปหลายเท่าตัว ทางที่ดีควรปิดแอร์เมื่อต้องใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ แล้วใช้เป็นการเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศแทน หรือนำไปใช้ในบริเวณอื่นจะดีที่สุด

5.ไม่เพิ่มความชื้น

หลักการทำงานสำคัญของแอร์ที่นอกเหนือจากการให้ความเย็น คือ การทำให้อากาศภายในห้องแห้งลง แต่ถ้าห้องคอนโดของคุณเต็มไปด้วยความชื้น ย่อมต้องทำให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้น โดยความชื้นที่สามารถเกิดขึ้นได้สูง จะมาจากการปลูกต้นไม้, การตากผ้า หรือการเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ ปัจจัยเหล่านี้สามารถปล่อยความชื้นออกมาได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณจึงควรเลือกปลูกเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ หรือต้นไม้ที่สามารถดูดซับความชื้นไว้กับต้นแต่ไม่ปล่อยออกมา พร้อมการปิดประตูห้องน้ำให้เรียบร้อย และการนำผ้าออกไปตากภายนอก เพื่อลดความชื้นภายในห้องให้ได้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นนอกจากจะเปลืองไฟมากกว่าเดิมแล้ว อาจจะทำให้แอร์เสียเร็วขึ้นอีกด้วย

6.ล้างแอร์สม่ำเสมอ

การล้างแอร์เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ควรทำเป็นประจำทุก 6 เดือน ไม่ว่าจะเป็นแอร์ใหม่หรือแอร์ใช้งานมานานแล้ว ควรมีระยะเวลาของการล้างแอร์ที่สม่ำเสมอและเป็นประจำ เพื่อทำให้แอร์สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้การประหยัดไฟที่ดี นอกจากนี้ถ้าคุณต้องอยู่ในจุดที่มีมลภาวะสูง อยู่ติดกับถนนใหญ่ หรืออยู่ใกล้กับสถานที่ก่อสร้าง ควรจะต้องมีการล้างแอร์ทุก 2-3 เดือนเป็นขั้นต่ำ เพราะฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ อาจจะเข้าไปฝังกับแอร์ได้ง่ายและมีจำนวนมากขึ้น

ถ้าคุณสงสัยว่าเปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ สามารถติดตามได้จากภายในบทความนี้ ที่จะบ่งบอกถึงโหมดแอร์ในแต่ละแบบไว้อย่างชัดเจน พร้อมแนะนำวิธีการใช้งานในแต่ละวันที่เหมาะสม และมีการแนะนำในเรื่องของการใช้แอร์อย่างถูกต้อง เพื่อยืดอายุการใช้งานและช่วยทำให้คุณประหยัดไฟได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ชาวคอนโดควรรู้ไว้ เพื่อทำให้คุณสามารถใช้แอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ต้องเปลืองเงินเปลี่ยนแอร์บ่อยอีกด้ว หรือไม่คุณก็ลองออกไปหาที่ๆบรรยากาศดีเที่ยวดูบ้างก็ดีนะ อย่างเช่น ดาดฟ้า ลาซาล 33

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top